5. เง็กเต็ก
รสชาติและสรรพคุณ ประกอบด้วยแอลคาลอยด์ กรดนิโคติน วิตามินเอ มีสรรพคุณแก้ร้อนใน กระหายน้ำ บำรุงอวัยวะภายใน บำรุงหัวใจ
วิธีปรุง เป็นส่วนประกอบในอาหารประเภทตุ๋นและข้าวต้ม
ข้อควรระวัง กินเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น แต่ถ้ากินมากเกินไปอาจมีผลร้ายได้
6. ลูกเคียมซิก
รสชาติและสรรพคุณ รสหวานอมฝาด มีธาตุเป็นกลาง สรรพคุณที่เด่นที่สุดคือการบำรุงม้ามและขับน้ำในร่างกาย ระงับอาการน้ำอสุจิหลั่งเร็ว แก้ท้องเดินมักใช้บำบัดโรคหนองใน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่
วิธีปรุง
- ลูกเคียมซิกและแป๊ะฮะอย่างละ 60 กรัม ห่วยซัว 100 กรัม ต้มเป็นโจ๊กกินช่วยบำบัดอาการท้องเดินเรื้อรัง
- ลูกเคียมซิก 30 กรัม เม็ดบัว 15 กรัม ต้มกับน้ำและปรุงรสด้วยน้ำตาล กินวันละ 2 ครั้ง ใช้บำบัดอาการตกขาวและน้ำอสุจิเคลื่อนบ่อย
- ใช้เคียมซิกต้มเป็นซุปดื่ม แก้ปวดศีรษะ ปวดประสาท ปวดเมื่อยตามข้อกระดูก
ผู้ไม่ควรบริโภค เคียมซิกมีฤทธิ์ลดเหงื่อแรงมาก ผู้มีอาการปัสสาวะขัดและท้องผูกเป็นประจำไม่ควรกิน
7. แป๊ะฮะ
รสชาติและสรรพคุณ แป๊ะฮะขาวถือว่าดีที่สุด รสหวานอมขม มีธาตุเป็นกลาง ชุ่มปอด แก้ไอ ทำให้จิตใจสงบ มักใช้กับผู้ป่วยวัณโรค และแก้อาการนอนไม่หลับได้ผลดี
วิธีปรุง
- แป๊ะฮะสด 200 กรัมผสมน้ำผึ้งครึ่งถ้วย นึ่งให้นิ่ม อมจะช่วยให้ชุ่มคอ
- แป๊ะฮะและลูกพุทราเปรี้ยวอย่างละ 50 กรัม ต้มน้ำดื่ม บำบัดอาการนอนไม่หลับ
ผู้ไม่ควรบริโภค ผู้ที่ม้ามและกระเพาะพร่อง – เย็นไม่ควรกิน
8. ตังกุย
รสชาติและสรรพคุณ รสหวานอมเผ็ด มีธาตุอุ่น บำรุงเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียน แก้ปวดประจำเดือน หล่อลื่นลำไส้ ระบายท้อง เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง ร่างกายเหลืองซูบ ประจำเดือนขาด และแก้อาการบวมได้อีกด้วย
วิธีปรุง
- ตังกุย 9 กรัม อึ่งคี้ 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม ต้มได้ 2 ครั้ง บำบัดโรคโลหิตจาง
- ทำซุปน้ำข้นใส่ปลาไหล
ผู้ไม่ควรบริโภค ผู้มีอาการปอดพร่อง ร้อนใน หรือเพิ่งหายจากการอาเจียนมีเลือดปนไม่ควรกิน และการกินตังกุยเป็นประจำจะทำให้มีอาการเจ็บคอและจมูกร้อนได้