โรคแพ้อากาศกับการตั้งครรภ์
พบว่าผู้ป่วย 34 เปอร์เซ็นต์มีอาการแย่ลง 15 เปอร์เซ็นต์อาการดีขึ้น 45 เปอร์เซ็นต์อาการคงเดิม และพบว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของหญิงมีครรภ์มีอาการไซนัสอักเสบ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าคนทั่วไปถึง 6 เท่า
การรักษาในคนไข้กลุ่มนี้เราสามารถใช้ยาแก้แพ้บางตัวได้ เช่น คลอร์เฟนนิรามีน (chlopheniramine) ทริปเพลเลนนามีน (tripelennamine) ยาพ่นจมูกกลุ่มโครโมลินโซเดียว (cromolyn sodium) สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย แม้แต่ยาพ่นจมูกชนิดสเตียรอยด์บางตัวก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
การควบคุมสิ่งแวดล้อมให้มีสารก่อภูมิแพ้ให้น้อยที่สุดเป็นเรื่องจำเป็น การออกกำลังกาย การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยบรรเทาอาการลงได้บ้าง ส่วนในผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการฉีดวัคซีนภูมิแพ้ (Immunotherapy) มาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ไม่ต้องหยุดฉีด เพราะวัคซีนไม่มีผลใดๆ ต่อเด็ก
สิ่งที่ต้องทำทุกราย
เพื่อให้การดูแลโรคระหว่างตั้งครรภ์เป็นไปด้วยดี อยากจะเน้นว่าเรื่องที่สำคัญมากคือ การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ละอองเกสรต่างๆ ทั้งจากดอกไม้ ดอกหญ้า ดอกของวัชพืช สปอร์จากเชื้อรา ไรฝุ่น แมลงสาบ รังแคจากสัตว์เลี้ยง เช่น แมว สุนัข อาหารที่แพ้ ยาที่แพ้ ซึ่งจะกระตุ้นให้โรคกำเริบได้
ส่วนใครจะแพ้อะไร ทราบได้จากการทดสอบทางผิวหนังที่ควรทำไว้แล้วก่อนตั้งครรภ์ การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้นี้สำคัญมากในการรักษาโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะในหญิงมีครรภ์ เพราะเป็นการลดตัวสาเหตุของโรคลง จึงทำให้โรคสงบลงด้วย และยังทำให้ยาที่จำเป็นต้องใช้ควบคุมโรคลดลงไปด้วย
จากการติดตามคนไข้ภูมิแพ้ที่ตั้งครรภ์ และอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และคุ้นเคยกับการรักษาคนไข้กลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด ส่วนใหญ่แล้วผลออกมาจะเรียบร้อย ปลอดภัยทั้งแม่และลูก