สมุนไพรแก้หวัด สมุนไพร

เติมธาตุไฟ …ช่วยป้องกันหวัด

5 สมุนไพรแก้หวัด

สมุนไพรแก้หวัด เพราะ“หวัด” เป็นโรคภัยไข้เจ็บที่คนเราจะเป็นบ่อยกว่าโรคอื่นๆโดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศเย็น ซึ่งสาเหตุของหวัดนั้น หากเป็นมุมมองของการแพทย์แผนปัจจุบัน ก็จะตอบว่า “หวัด” เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหวัด ซึ่งมีอยู่มากกว่า 200 ชนิด จากกลุ่มไวรัส 8 กลุ่มด้วยกัน การเกิดโรคขึ้นในแต่ละครั้ง จะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดเพียงชนิดเดียว เมื่อเป็นแล้วร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสหวัดชนิดนั้น ส่วนในการเป็นไข้หวัดครั้งใหม่ ก็จะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดชนิดใหม่ที่ร่างกายยังไม่เคยได้รับเข้ามา หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

ดังนั้น คนเราจึงเป็นไข้หวัดได้บ่อย เด็กเล็กๆ ที่ยังไม่ค่อยได้ติดเชื้อหวัดมาก่อน ก็อาจเป็นไข้หวัดได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่ เพราะไม่ค่อยมีภูมิคุ้มกันต่อหวัดที่หลากหลายชนิดเท่ากับผู้ใหญ่

อาการของการเป็นหวัด เป็นสิ่งที่รู้กันดี คือเมื่อใดก็ตามที่มีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นพักๆ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย อาจมีอาการคอแห้ง แสบคอ หรือเจ็บคอเล็กน้อย ต่อมาจะมีน้ำมูกไหลใสๆ คัดจมูก ไอจาม อาจจะเป็นอาการไอแห้งๆ หรือไอมีเสมหะมีลักษณะใสหรือขาวๆ ก็ได้ อาการน้ำมูกไหลจะเป็นมากอยู่ 2 – 3 วัน ในรายที่การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีไข้เกิน 4 วัน หรือมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียวเกิน 24 ชั่วโมง หรือไอมีเสมหะสีเหลืองหรือเขียว

การที่ไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่มียาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ เพียงแต่ให้การรักษาไปตามอาการเท่านั้น ในส่วนของการพัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัด ทำได้ค่อนข้างยากเพราะมีหลายสายพันธุ์ การรักษาแบบการแพทย์แผนปัจจุบันจึงใช้การรักษาตามอาการ ส่วนใหญ่เป็น ยาแก้ไข้ ยาลดน้ำมูก เป็นหลัก

เติมธาตุไฟ ป้องกันโรคหวัด

ข้อมูลจากมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร  อธิบายว่า ในส่วนของการแพทย์แผนไทย จะมีมุมมองที่ต่างออกไปในการเกิดโรคภัยไข้เจ็บ การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น สาเหตุหลักมิได้เกิดจากเพราะมีเชื้อโรคเท่านั้น แต่เป็นการเสียสมดุลของธาตุในร่างกาย โดยมีพื้นฐานที่ว่า ร่างกายของคนเราประกอบขึ้นจากการรวมกันของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศธาตุ ในการเจ็บป่วย เกิดจากธาตุใดธาตุหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งธาตุ กำเริบ หย่อน หรือพิการ จากอาการของโรคหวัด เราจะเห็นว่ามีธาตุน้ำที่ล้นออกมาเป็นน้ำมูก ซึ่งความพิการของธาตุลม คือ เกิดการอุดตันของทางเดินหายใจเกิดเป็นโรคหอบ หืด ไอ หลอดลมอักเสบ รวมทั้งลามไปสู่ธาตุไฟ คือ อาการอักเสบ บวม แดง ร้อนของเนื้อเยื่อทางเดินหายใจ

ดังนั้น เมื่อหวัดเริ่มต้นจากธาตุน้ำ เราต้องหาธาตุไฟมาช่วยเสียตั้งแต่แรกๆ การเพิ่มธาตุไฟนั้นมีได้หลากหลายวิธี ประการแรก ก็อย่าอยู่แต่ในที่เย็นๆ เพราะธาตุไฟต้องทำงานหนักในการรักษาระดับอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นหัวใจที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ที่จะช่วยรักษาธาตุไฟในร่างกายให้เป็นปกติ ในการอธิบายแบบสมัยใหม่พบว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยสร้างภูมิต้านทานได้ดี ลดโอกาสในการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจ

การออกกำลังกายสามารถกระทำได้หลายวิธี ได้แก่ การออกกำลังแบบแอโรบิค (ออกกำลังกายต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก) วันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อสร้างเสริมความเข้มแข็งให้กับระบบภูมิต้านทานของร่างกาย ในการต้านทานเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ซึ่งสามารถทำได้เอง หรือรวมเป็นกลุ่มก็ได้ หรือใช้วิธีการเดินในระยะทาง 400 เมตร ให้ได้   6 – 7 รอบภายในเวลา 30 นาที สำหรับผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ควรเริ่มเดินประมาณ 5 – 10 นาที ประมาณ 3 วันต่อสัปดาห์ แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาต่อวันในแต่ละสัปดาห์ขึ้นเรื่อยๆ แล้วจึงค่อยๆ เพิ่มความเร็ว จนท้ายที่สุด สามารถเดินเร็วได้ 30 นาทีต่อวัน เป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์

การเพิ่มธาตุไฟยังทำได้โดยเดินรับแสงแดดช่วงก่อน 10 โมงเช้า  มีการศึกษาทางระบาดวิทยา(การศึกษาทางระบาดวิทยาเป็นการศึกษาปรากฏการณ์ที่เกิดตามธรรมชาติ  แล้วนำมาหาความสัมพันธ์ของปัจจัยที่ศึกษา  ของนักระบาดวิทยาชาวอังกฤษ คือ ดร. เอ็ดกา  ซิมสัน  ซึ่งค้นพบว่าคนทั่วโลกจะเป็นหวัดมากในช่วงที่แสงแดดน้อย  แสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างวิตามินดี  วิตามินดี 3  (Vitamin D3) จะกระตุ้นการสร้างสานอะมิโนที่ต่อสู้กับและสารซัยโตคายน์ (Cytokines) ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ

ดังนั้นหากเราต้องการมีร่างกายที่แข็งแรงควรจะหาเวลารับแสงแดดบ้าง  โดยเฉพาะในช่วงก่อน 10  โมงเช้าเพราะเป็นเวลาที่แสงแดดไม่แรงมาก  อย่าลืมว่าในแสงแดดมีรังสียูวี  และรังสียูวีก็มี 2  ชนิด  คือ  ยูวีเอ  และ ยูวีบี  ในแสงแดดยามเช้าจะมียูวีบีที่กระตุ้นการสร้างวิตามินดี  แต่หากเลยสิบโมงไปแล้วแดดจะแรงมาก  และมียูวีเอมากขึ้น  ซึ่งเจ้ารังสียูวีเอนี่เองที่เป็นสาเหตุของมะเร็งผิวหนัง

สมุนไพรแก้หวัด สมุนไพร
Unrecognizable woman pouring tea in a cup at coffee shop. High angle view. Horizontal. Tilted.

5 สมุนไพรแก้โรคหวัด

การเพิ่มธาตุไฟ ยังสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารที่มีรสร้อน เช่น

  1. ขิง (Zingiber offcinale Roscoe) ทั่วทุกส่วนของคนทุกมุมโลกใช้ขิงแก้หวัด แก้ไอ ในขิงมีพฤกษเคมีหลายชนิดที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีการทดลองพบว่า น้ำขิงแก่ ต้มน้ำเดือนนาน 30 นาที ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาส จับกินไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น
  2. กระเทียม (Allium sativum L.) สมุนไพรที่ใช้รักษาหวัดมานานนับพันปีที่อยู่คู่ครัวไทย มีการศึกษาพบว่า การรับประทานกระเทียมสด สามารถป้องกันและลดระยะเวลาการเป็นหวัด มีรายงานการศึกษาวิจัยของญี่ปุ่นใช้กระเทียมดอง Aged Garlic Extact (AGE) มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันในหนูถีบจักร พบว่าเมื่อให้ AGE ทางปากหนู 10 วัน ก่อนให้เชื้อไข้หวัดใหญ่ ทางจมูก พบว่ามีประสิทธิผลในการป้องกันหวัดได้ดีเท่ากับวัคซีน นอกจากนั้นแล้ว กระเทียม ยังเป็นสมุนไพรที่บำรุงร่างกายได้ดีเยี่ยมอีกด้วย
  3. หอมใหญ่ (Allium cepa L.) คนไทยมีการใช้หอมในการรักษาหวัดมานาน โดยพบว่าทั้งหอมใหญ่  และหอมเล็ก มีสารเคอร์ซิติน (Quercetin) ซึ่งเป็นยาขยายหลอดลม ที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านฮิสตามีน ช่วยขยายหลอดลม และหอมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
  4. กะเพรา (Ocimum tenuiflorum L.) สมุนไพรที่คนไทยและคนอินเดียนิยมใช้แก้ไอ แก้หวัด แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง จึงมีประโยชน์ในคราวที่เราต้องเผชิญกับไข้หวัด 2009
  5. ตะไคร้ (Cymbopogon  citratus (DC.)  Stapf) คนจีนและคนไทยโบราณ ใช้ตะไคร้รักษาหวัด หวัดใหญ่ แก้ไข้ แก้ปวดหัว ปวดท้อง เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกันได้ดีเยี่ยม ช่วยต้านอนุมูลอิสระ แก้อักเสบ และต้านไวรัสไข้หวัด

สมุนไพรดังกล่าวข้างต้น เป็นสมุนไพรที่หาง่าย คนไทยรู้จักดี เราจึงควรหาวิธีนำมาใช้เมื่อรู้ตัวว่าร่างกายเย็น โดยสังเกตจากการที่เรารู้สึกหนาวกว่าที่เคยเป็นในสภาวะเดียวกัน เริ่มมีอาการของหวัด เช่นน้ำมูกใส ไอ จาม ลองหาธาตุไฟที่ใกล้ตัวที่สุด ก่อนที่ธาตุจะแปรปรวนจนเสียสมดุลย์

บทความที่เกี่ยวข้อง

Summary
Review Date
Author Rating
51star1star1star1star1star

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.