พลังของไลโคปีน
มะเขือเทศนับเป็นแหล่งอุดมไลโคปีน สารแอนติออกซิแดนท์ที่อยู่ในตระกูลแคโรทีนอยด์ ซึ่งประกอบไปด้วย เบต้า-แคโรทีน และลูทีน พฤกษเคมีเหล่านี้เองทำให้มะเขือเทศมีสีแดง
ไลโคปีนช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับระบบหัวใจ ป้องกันโรคต้อกระจก ต้านการอักเสบ ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ และป้องกันมะเร็งได้หลากหลายชนิด เว็บไซต์ Drugs.com ระบุว่า มีคู่มือมากมายเกี่ยวกับการกินไลโคปีนเป็นอาการเสริม ช่วงตั้งแต่ 10-30 มิลลิกรัม โดยกิน 2 ครั้งต่อวัน ในการดื่มน้ำมะเขือเทศ 1 ถ้วย จะได้ไลโคปีนโดยประมาณ 23 มิลลิกรัม
Encyclopedia of Food Sciences and Nutrition ระบุว่า มะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการ เช่นเดียวกับน้ำมะเขือเทศ จะมีปริมาณของไลโคปีนสูง ร่างกายจะดูดซึมไลโคปีนได้มีประสิทธิภาพมากกว่ามาจากมะเขือเทศสดเป็นลูกๆ อ้างอิงจาก American Institute for Cancer Research ความร้อนจากการปรุงอาหารช่วยทำลายผนังเซลล์ ทำให้ไลโคปีนออกมา ร่างกายจึงดูดซึมได้มากขึ้น เกิดเป็นสารแอนติออกซิแดนท์เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ตัวปกป้องหัวใจ
สารอาหารที่สำคัญในน้ำเขือเทศมีหลายชนิดที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของหัวใจ เช่น โพแทสเซียม วิตามินซี วิตามินอี ในส่วนของโพแทสเซียมนั้นช่วยคงระดับความดันโลหิตโดยการลดโซเดียมส่วนเกินในร่างกายของคุณ ไลโคปีนช่วยให้หลอดเลือดแดงแข็งแรงและลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
มีงานวิจัยตีพิมพ์ลงใน Critical Reviews of Food Science and Nutrition ฉบับปี 2017 ระบุว่า การบริโภคมะเขือเทศมากมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง 26 เปอร์เซ็นต์ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ 14 เปอร์เซ็นต์ และช่วยให้อายุยืนยาวขึ้น 37 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาตีพิมพ์ในวารสาร Food Science & Nutrition พบว่า ผู้ชายและผู้หญิงที่มีความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือดที่ดื่มน้ำมะเขือเทศไม่เติมเกลือมีระดับความดันโลหิตที่ลดลง และระดับคอเลสเตอรอลไม่ดี (LDL) ลดลง