คุมกำเนิดด้วยวิธีธรรมชาติ
ส่วนเรื่องการคุมกําเนิดด้วยวิธีธรรมชาตินั้น มีข้อดีคือไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ ไม่มีฮอร์โมน ข้อเสียคือ หากไม่แม่นยํา อาจพลาดตั้งครรภ์ได้ ซึ่งมีอยู่ 3 วิธีดังนี้
1. หลั่งนอก หมายถึง การหลั่งอสุจินอกช่องคลอด สามารถคุมกําเนิดได้ร้อยละ 96 ข้อเสียคือ เป็นการคุมกําเนิดที่ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับฝ่ายชาย หาก ไม่ชํานาญ ควบคุมตนเองไม่ได้ มีโอกาสล้มเหลวสูง
2. นับวันจากปฏิทิน สามารถคุมกําเนิดได้ร้อยละ 91 แต่จะใช้วิธีนี้ได้ รอบเดือนต้องไม่สั้นกว่า 27 วัน
3. หลีกเลี่ยงมีเพศสัมพันธ์ช่วงไข่ตก วิธีนี้ต้องทราบวันไข่ตกที่แน่นอน สามารถคุมกําเนิดได้ร้อยละ 91 หลักการคือ หลังจากไข่ตก 24 ชั่วโมง ไข่จะฝ่อหายไป ส่วนอสุจินั้นสามารถมีชีวิตอยู่ในอวัยวะสืบพันธุ์สตรีได้ 72 ชั่วโมง จึงให้เว้นมีเพศสัมพันธ์ 4 วันก่อนไข่ตก และ 3 วันหลังไข่ตก การตรวจสอบไข่ตกทําได้ดังนี้
•อาศัยการนับรอบเดือน โดยเฉลี่ยไข่จะตกก่อนประจําเดือนมา 14 วัน เช่น หากมีรอบเดือนทุก 29 วัน ไข่จะตกวันที่ 15 ของประจําเดือน
•อาศัยดูจากอุณหภูมิพื้นฐานของร่างกาย โดยทั่วไปเมื่อตื่นนอนตอนเช้า อุณหภูมิของร่างกายจะคงที่ คือประมาณ 98.6 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อไรที่มีไข่ตก อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นประมาณ 0.5 องศาฟาเรนไฮต์
•อาศัยดูจากค่าฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนในเลือด โดยเจาะดูค่าฮอร์โมนต่อเนื่องกัน หากค่าเกิน 6-25 นาโนกรัมต่อซีซี ถือว่ามีไข่ตก
•อาศัยดูจากค่าฮอร์โมนแอลเอช(LH) มีเครื่องมือการตรวจหาฮอร์โมนแอลเอชตามร้านค้า โดยตรวจจากน้ําปัสสาวะ ซึ่งก่อนไข่ตก 24 ชั่วโมง จะพบฮอร์โมนแอลเอชในน้ําปัสสาวะ
•อาศัยดูมูกที่ปากมดลูก เมื่อไรที่ไข่ตก มูกที่ปากมดลูกจะเหนียวและยืดได้ 10-20 เซนติเมตร
•อาศัยดูอาการปวดท้องช่วงไข่ตก เวลาไข่ตกจะมีอาการปวดเสียดที่ปีกมดลูกข้างซ้ายหรือขวาด้านที่มีไข่ตก มักจะปวดวันที่ 14-15 ของประจําเดือน ซึ่งอาการปวดจะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง
รู้หรือไม่
ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนร่วมกับการกินยาคุม เพราะฮอร์โมนเอสโทรเจนจะไปขัดขวางกระบวนการกําจัดกาเฟอีนออกจากร่างกาย ทําให้ร่างกายมีกาเฟอีนตกค้างเป็นเวลานาน จึงเกิดอาการใจสั่น กระวนกระวายนอนไม่หลับตามมาได้
บทความอื่นที่น่าสนใจ
วิธี คุมกำเนิด อย่างง่าย (หน้า 7 หลัง 7)
