สังเกตอาการอัมพฤกษ์อัมพาต
โปรดจำไว้ว่า หากมีอาการตามข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้ แม้ว่าในขณะนั้นจะรู้สึกสบายดีอยู่ก็ตาม ควรจะรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ
1. ใบหน้าข้างใดข้างหนึ่งชา หรือแขนขาอ่อนแรง
2. ตาข้างใดข้างหนึ่งมัวหรือมองไม่เห็น
3. พูดลำบาก พูดไม่ได้ หรือไม่เข้าใจคำพูด
4. มีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน
5. มีอาการมึนงง หรือเดินไม่มั่นคง เสียศูนย์
ลดปัจจัยเสี่ยง เลี่ยงอัมพาต
โรคอัมพฤกษ์อัมพาตเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ ถ้ารู้จักดูแลและควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังต่อไปนี้
1. ผู้สูงอายุในวัย 60 ปีขึ้นไปจะมีความเสี่ยงมากกว่าหนุ่มสาว โดยอายุยิ่งมาก ความเสี่ยงยิ่งเพิ่ม และความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุกอายุ 10 ปีที่เพิ่มขึ้นหลังอายุ 55 ปี
2. ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง จะมีความเสี่ยงกว่าคนปรกติ 3 – 17 เท่า จึงควรควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ปรกติด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย และการลดน้ำหนัก
3. ผู้ที่เป็นเบาหวานจะมีความเสี่ยงกว่าคนปรกติ 2.5 เท่า โดยผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง ทำให้เพิ่มโอกาสในการเกิดโรค
4. ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความเสี่ยงกว่าคนปรกติ 2 เท่า เพราะสารนิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดแดงเกร็ง ลดความยืดหยุ่นของเส้นเลือด
5. ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงจะมีความเสี่ยงกว่าคนปรกติ 11 เท่า ดังนั้นต้องควบคุมอาหารและหมั่นออกกำลังกาย
6. ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ดังนั้นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันได้
7. ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด มีความเสี่ยงมากกว่าคนปรกติ 4 เท่า
8. ผู้ที่เคยเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตมาก่อน มีความเสี่ยงที่จะเป็นซ้ำได้อีก จึงต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด
9. ความเครียด เป็นปัจจัยที่ทำให้ความดันโลหิตสูง ดังนั้นต้องพยายามผ่อนคลายจิตใจ
10. คนอ้วน มีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ง่าย โดยเฉพาะอ้วนแบบลงพุง จึงควรลดน้ำหนัก
11. การใช้ยาคุมกำเนิด ความเสี่ยงเกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิดที่มีระดับฮอร์โมนสูง ปัจจุบันมีระดับฮอร์โมนต่ำความเสี่ยงจึงไม่มาก อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความเสี่ยงควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาคุม
12. คนที่นอนกรน การนอนกรนอาจทำให้สมองขาดออกซิเจน และส่งผลให้เป็นอัมพาตได้ ดังนั้นคนที่นอนกรนบ่อยๆจึงควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ
