สมิติเวช

สมิติเวชเปิดตัว Virtual Hospital รายแรกของไทย พบแพทย์ออนไลน์ พร้อมยาส่งตรงถึงบ้าน

สมิติเวช เปิดตัว Virtual Hospital รายแรกของไทย พบแพทย์ออนไลน์ เจาะเลือดถึงบ้าน พร้อมยา ส่งตรง #คลิกเดียวถึง ผ่านสมาร์ทโฟน

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา โรงพยาบาล สมิติเวช ได้จัดงานแถลงข่าว การขับเคลื่อนธุรกิจโรงพยาบาลสู่ยุค 5G โดยผนึกพันธมิตรชั้นนำเปิดให้บริการ ” Samitivej Virtual Hospital โรงพยาบาลเสมือนจริงบนโลกออนไลน์  24 ชั่วโมง ” ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้ผู้รับบริการสามารถพบแพทย์ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านสมาร์ทโฟน ภายใต้คอนเซ็ปต์ #คลิกเดียวถึง

สมิติเวช
นายแพทย์ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มโรงพยาบาล สมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช

นายแพทย์ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงพยาบาล สมิติเวช และโรงพยาบาลบีเอ็นเอช กล่าวว่า ความท้าทายของธุรกิจด้านสุขภาพ (Healthcare) ขณะนี้คือการก้าวข้าม Digital   Disruption หรือการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจการให้บริการทางการแพทย์ ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงจากนี้ไปผู้ให้บริการจะต้องคิดค้นพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการให้ได้ทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา

ทางสมิติเวชได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจเปิดตัวบริการ Samitivej Virtual Hospital โรงพยาบาลเสมือนจริงบนโลกออนไลน์ ที่สามารถพบแพทย์ได้เลย โดยไม่ต้องเดินทางมายังโรงพยาบาล สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลาแม้ไปต่างประเทศ  และสะดวกสบายด้วยการวิดีโอคอลกับแพทย์ของสมิติเวชโดยตรง ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความรวดเร็วและเห็นคุณค่าของเวลา สิ่งเหล่านี้กำลังจะเกิดขึ้น ถือเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้าน Healthcare Innovation ของ สมิติเวช

 

บริการหลักของ Samitivej Virtual Hospital ประกอบด้วย

สมิติเวช
บริการหลักของ Samitivej Virtual Hospital
  • บริการแรก Teleconsultationให้คำปรึกษาทางการแพทย์ผ่านวิดีโอคอล (Video Call) ด้วยทีมแพทย์และพยาบาลของ สมิติเวช โดยเฉพาะตลอด 24 ชั่วโมง (โดยระยะแรกจะให้บริการเวลา 8.00-20.00 น. และเริ่มให้บริการ 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2562 )
  • ถัดมาคือ บริการ Test @Home ในกรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่าต้องทำการตรวจเลือด จะมีบริการเจาะเลือดถึงบ้าน แล้วนำส่งห้องปฏิบัติการทันที
  • สุดท้าย บริการ Medicine Delivery ในกรณีที่ผู้ใช้บริการต้องได้รับยา ที่สำคัญคือผู้ใช้บริการสามารถวางใจในเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลเพราะสมิติเวชใช้ระบบรักษาข้อมูลตามมาตรฐานสากลHIPAA (Health Insurance Portability and Accountability Act)

 

พันธมิตรทางธุรกิจที่ร่วมมือกับสมิติเวชเพื่อให้บริการ Samitivej Virtual Hospital

ทางโรงพยาบาลสมิติเวชได้ร่วมมือกับ 6 พันธมิตร ทั้ง AIS LINE เมืองไทยประกันชีวิต SANSIRI SCB และ SCG เพื่อร่วมมือกันพัฒนาให้ Samitivej Virtual Hospital ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ได้ครบถ้วนมากที่สุด

สมิติเวช
พันธมิตรทางธุรกิจที่ร่วมมือกับสมิติเวชเพื่อให้บริการ Samitivej Virtual Hospital

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปรากฎการณ์ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการสร้างมิติใหม่สำหรับวงการประกันชีวิต ซึ่งเมืองไทยประกันชีวิตสามารถให้ความคุ้มครองแก่สมาชิกผู้ถือกรมธรรม์ประกันกลุ่มของบริษัทฯ ที่ครอบคลุมการพบแพทย์แบบออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชันของเมืองไทยประกันชีวิต ให้สามารถเคลมค่าใช้จ่ายได้ตามปกติ เสมือนการไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยบริษัทฯ ได้เริ่มโครงการนำร่องกับพนักงานของบริษัทฯ เป็นลำดับแรก และปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อรองรับกับลูกค้าประกันกลุ่มของบริษัทฯ ต่อไป ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล

ด้านนายวีรชัย พัชโรภาสวงศ์  หัวหน้าฝ่ายงานขาย กลุ่มลูกค้าองค์กร บริษัท แอดวานซ์  อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า  เอไอเอส เล็งเห็นเทรนด์ของการดูแลสุขภาพที่เติบโตขึ้น จึงได้นำ Online Payment Platform  มาสนับสนุนการให้บริการ Virtual Hospital เพื่อรองรับการชำระเงินได้หลากหลายรูปแบบ ง่าย และปลอดภัย รวมทั้งสร้างช่องทางการเข้าถึงบริการดังกล่าวได้อย่างสะดวกสบาย  ได้แก่ เว็บไซต์ www.ais.co.th, Twitter, Facebook Fan Page, AIS LINE Official และแอปพลิเคชั่น my AIS จึงถือว่าเป็นการ Synergy กันอย่างสมบูรณ์ ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ได้ทุกที่ทุกเวลา

นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร Commercial Director, LINE ประเทศไทย กล่าวว่า สมิติเวช ถือเป็นโรงพยาบาลแรกที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ LINE ด้วยการเปิดออฟฟิเชียลแอคเคาท์และเชื่อมต่อ API กับแพลตฟอร์มเราภายใต้ Business Connect สำหรับความร่วมมือกับบริการ Samitivej Virtual Hospital ในครั้งนี้ LINEเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อระหว่างแพทย์และผู้ใช้บริการ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเชื่อถือได้ ในรูปแบบที่ล้ำสมัยขึ้น อำนวยความสะดวกให้ทั้งสองด้าน อย่างแรกคือ การนำเอาVirtual Hospital มาเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม LINE ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว อย่างที่สองคือโซลูชั่นด้าน O2O  (Online to Offline) ของ LINE อย่าง LINE MAN ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วม อำนวยความสะดวกให้คนไข้ เป็นตัวกลางในการจัดส่งยาให้ถึงมือผู้ใช้บริการอย่างรวดเร็วและปลอดภัย

Virtaul Hospital ของโรงพยาบาลสมิติเวช

 “Virtual Hospital” การบริการรูปแบบใหม่

ด้าน นายอรพงศ์ เทียนเงิน ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า หลังจากการประกาศความร่วมมือระหว่างไทยพาณิชย์และโรงพยาบาล สมิติเวช ภายใต้แนวคิด “The First Prestige Wealth & Health Experience” เมื่อปีที่ผ่านมานั้น ในปีนี้ได้สานต่อความร่วมมือในการพัฒนาประสบการณ์การดูแลลูกค้ารูปแบบใหม่ ผ่านบริการ “Virtual Hospital” ใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่

1) บริการ Teleconsultation ด้านสุขภาพเพื่อรองรับลูกค้า SCB Wealth

2) ซื้อประกันการเดินทางพร้อมบริการ Teleconsultation ผ่านทางแอปพลิเคชัน SCB EASY

3) บริการ Health & Home ตรวจเช็คสุขภาพนอกสถานที่โดยทีมพยาบาลและเจ้าหน้าที่สหสาขาวิชาชีพจากสมิติเวช สำหรับลูกค้า SCB Wealth โดยเฉพาะ

ทั้งนี้ไทยพาณิชย์ยังเป็นช่องทางการชำระเงินหลักของบริการภายใต้โครงการฯ นี้อีกด้วย

 

นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แสนสิริ โตคิว คอร์เปอเรชั่น ร่วมด้วย สมิติเวช พัฒนา “เวลล์เนส เรสซิเดนซ์” (Wellness Residence)โครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบใหม่สำหรับคนรักสุขภาพที่ครบวงจรครั้งแรกในไทย โดยนำ Virtual Hospital มาให้บริการที่แรกในรูปแบบของอุปกรณ์พิเศษ โดย สมิติเวช จะช่วยดูแลในเรื่องของการวางโซลูชั่นโปรแกรมการดูแลสุขภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นบริการทางการแพทย์ เชิงป้องกัน ให้คำแนะนำ และตรวจสุขภาพทางไกลทั้ง บริการเจาะเลือดถึงโครงการ และบริการ Medicine Delivery ส่งยาให้กับลูกบ้าน โดยลูกบ้านแสนสิริ ทุกโครงการ

ยังสามารถใช้บริการ Virtual Hospital ผ่านแอปพลิเคชัน Sansiri Home Service ได้ นอกจากนี้ ตลอดจนเป็นครั้งแรกของการฝึกอบรมจากทางสมิติเวชให้กับนิติบุคคลของโครงการที่ดูแลโดย Plus Property ซึ่งสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพเบื้องต้นแก่ลูกบ้าน และพร้อมรับมือสถานการณ์ด้านสุขภาพที่เกิดขึ้นในโครงการได้อย่างถูกต้องทันท่วงที ซึ่งถือเป็นการสร้างมิติใหม่ในวงการอสังหาริมทรัพย์

 

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า เอสซีจีดูแลอย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลสู่บ้าน ภายใต้ Platform ใหม่ที่เรียกว่า SCG Smart Living Platform ด้วยแนวคิด Smart Home – Smart Health ที่ช่วยเติมเต็มการให้บริการทางการแพทย์ ผ่านระบบ “DoCare Protect” ซึ่งเป็นระบบHealth and Safety Monitoring ที่ช่วยดูแลและเฝ้าระวังการใช้ชีวิตภายในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย เพื่อให้บ้านกลายเป็นสถานที่ที่ดูแลคุณและครอบครัว รวมถึงสร้างความมั่นใจและสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัยทุกคน

โดยข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ จาก Vital Sign อาทิ อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต อุณหภูมิร่างกาย และข้อมูลกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ในห้องที่ติดตั้งอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ไว้ จะถูกส่งสัญญาณเชื่อมต่อไปยัง Care Monitoring Center ของเอสซีจี ซึ่งดำเนินงานโดยพยาบาลวิชาชีพ และส่งต่อข้อมูลที่จำเป็นให้กับสมิติเวชเพื่อใช้ประกอบในการให้การดูแลรักษาโดยแพทย์ผ่านการ Teleconsultation เพื่อให้บริการ Virtual Hospital เป็นไปอย่างสมบูรณ์

สมิติเวช
สมิติเวช Virtual Hospital #คลิกเดียวถึง

สุดท้ายนี้ จากความร่วมมือของพันธมิตรทั้งหมด ทำให้ Samitivej Virtual Hospital เป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของวงการสุขภาพในประเทศไทยที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการทุกกลุ่มทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เข้าถึงบริการได้ทุกที่โดยง่าย โดยการให้คำแนะนำทางการแพทย์นี้เป็นไปในกรอบจำกัดตามข้อมูลที่แพทย์ได้รับจากผู้รับบริการ ไม่สามารถให้บริการในกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ต้องการการรักษาทางการแพทย์เร่งด่วน หากหลังจากได้รับคำปรึกษาแล้วพบว่าผู้ใช้บริการมีความจำเป็นต้องมาโรงพยาบาล จะมีบริการส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาลในเครือ หรือโรงพยาบาลใกล้เคียง

 

ผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการผ่านทางแอปพลิเคชัน Samitivej Plus ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งระบบ iOS และแอนดรอย์, www.samitivejhospitals.com, แอปพลิเคชันไลน์ @Samitivej และทุกช่องทางของพันธมิตรเร็วๆ นี้


บทความน่าสนใจอื่น ๆ 

ชวนเช็กข้อมูล ตรวจสุขภาพ เลือกแพ็คเก็จอย่างไรให้เหมาะ คุ้มค่าชัวร์

อยู่อย่างไรให้เป็นสุข ตรวจสุขภาพประจำปี สิ่งดีๆ สำหรับผู้สูงอายุ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.