โครงสร้างของกระดูกยังมีความสัมพันธ์กับหลายระบบในร่างกาย รวมทั้งความสมดุลกรด – ด่างของเลือดด้วยความเป็นกรด – ด่างของเลือดส่งผลต่อการขับแคลเซียมออกจากกระดูก ซึ่งถ้าเลือดมีความเป็นกรดมากเกินไป ร่างกายจะขับแคลเซียมออกมาทางปัสสาวะ และในทางตรงกันข้าม ถ้าภาวะเลือดมีความเป็นด่าง ร่างกายจะลดการขับแคลเซียมออกหรือขับออกน้อยลง
ในทางการแพทย์กล่าวว่า การกินโปรตีนมากกว่าวันละ 2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมนั้นจะทำให้เลือดเกิดภาวะความเป็นกรดได้ เพราะโปรตีนเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะย่อยออกมาเป็นกรดแอมิโนทันที
ในทางตรงกันข้าม ถ้าเรากินโปรตีนวันละน้อยกว่า 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ซึ่งการกินน้อยเกินไปนั้นจะทำให้ความเป็นกรด – ด่างในเลือดเสียสมดุล และไม่มีส่วนประกอบสำคัญที่ไปช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกเลย เราจึงต้องกินโปรตีนให้พอดีหรือควรรักษาระดับความเป็นกรด – ด่างของเลือดให้ปกติ ซึ่งค่าปกติอยู่ที่ pH 7.4
ส่วนผู้ป่วยโรคไต ค่าการทำงานของไตจะไม่สมบูรณ์ ทำให้มีแนวโน้มการขับกรดออกจากร่างกายไม่ปกติ จึงควรระมัดระวังการกินอาหารที่มีโปรตีนสูง
สำหรับผู้สูงอายุมีภาวะการทำงานของไตเสื่อมลงเช่นกัน ทำให้การจัดการความเป็นกรด – ด่างในเลือดสูญเสียไปด้วยระบบการเผาผลาญ การขับกรดหรือการขับของเสียออกจากร่างกายจึงไม่ปกติหรือทำได้ยากมาก ต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรืออาหารที่มีโปรตีนสูงเช่นกัน
ปัจจัยต้องห้าม-ทำลายกระดูก
อาหารที่มีโปรตีนสูง
ถ้ากินมากเกินไปทำให้เกิดภาวะกรดแอมิโนเกินและเลือดเป็นกรด เกิดภาวะกรด – ด่างของเลือดไม่สมดุล ส่งผลต่อการทำลาย – การสร้างความแข็งแรงของมวลกระดูก
น้ำอัดลม
มีกรดฟอสฟอริกซึ่งเป็นกรดสังเคราะห์ที่มีลักษณะใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ทำให้มีรสเปรี้ยวและมีความซ่า ดื่มแล้วสดชื่น ซึ่งกรดฟอสฟอริกนี้ทำให้น้ำอัดลมมีความเป็นกรดมากกว่าน้ำมะนาวและน้ำส้มสายชูเสียอีก เป็นตัวการทำลายสมดุลแคลเซียมในร่างกายและทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกได้