ยาแก้แพ้, ผลข้างเคียงยาแก้แพ้, ยา, กินยาแก้แพ้

ยาแก้แพ้ ผลข้างเคียงที่คุณไม่เคยรู้

ยาแก้แพ้ คืออะไร

ยาแก้แพ้ (antihistamines) เป็นกลุ่มยาต้านสารฮีสตามีนออกจากตัวรับ หรือรีเซ็ปเตอร์สารฮีสตามีน (histamine-1 receptors ) ส่วนใหญ่ใช้รักษาโรคภูมิแพ้ อาหารหวัด คัดจมูก และโรคไข้หวัดใหญ่  รวมไปถึงตั้งแต่อาการแพ้อากาศ ไปจนถึงรักษาเยื่อจมูกอักเสบจากอาการภูมิแพ้ และแก้อาการแพ้ต่างๆ เช่น อาการแพ้จากอาหาร และสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น อาการเมารถ เมาเรือ ฯลฯ

รีเซ็ปเตอร์สารฮีสตามีน (histamine-1 receptors ) หรือตัวรับสารฮีสตามีน จะอยู่ในระบบทางเดินหายใจ หลอดเลือด และระบบทางเดินอาหาร (รวมถึงกระเพาะอาหารและหลอดอาหารด้วย) เมื่อมีสิ่งกระตุ้นตัวรับ หรือรีเซปเตอร์ฮีสตามีน จะทำให้คนเรามีอาการผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง เกิดการอักเสบ ระบบทางเดินหายใจแคบลง มีไข้ มีอาการวิงเวียนคล้ายเมารถ เมาเรือได้

นอกจากนี้ตัวรับฮีสตามีนยังพบในสมอง และไขสันหลังอีกด้วย เมื่อรีเซปเตอร์ถูกกระตุ้นจะทำให้รู้สึกตื่นตัวมากขึ้น  ดังนั้นการให้ยาแก้เเพ้ระงับประสาท มีผลต่อกลไลการต้านผลของรีเซ็ปเตอร์สารฮีสตามีนในสมองด้วย เลยส่งผลให้ง่วงนอน และอาการกระวนกระวายน้อยลง สงบมากขึ้น

อาการที่ต้องใช้ยาแก้เเพ้

ยาแก้แพ้ เหมาะกับการบรรเทาอาการแพ้ ต่างๆ เช่น

  • อาการบวมน้ำ (บวม)
  • การอักเสบ
  • คัน
  • ผื่น
  • ตาสีแดงและน้ำ
  • อาการน้ำมูกไหล
  • จาม

ยาแก้แพ้มีประสิทธิในการรักษา เช่น

  • โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้
  • โรคหวัด
  • ไข้หวัดใหญ่
  • แพ้อาหาร
  • ไข้ละอองฟาง
  • ลมพิษ
  • ปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อยา (เเพ้ยา)
  • แมลงกัดต่อย
  • โดนผึ้งต่อย (เหล็กใน)
ยาแก้แพ้, ผลข้างเคียงยาแก้แพ้, ยา, กินยาแก้แพ้
การใช้ยาแก้แพ้ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา เพื่อความปลอดภัย

ยาแก้เเพ้ (antihistamines) มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร ?

ยาแก้แพ้รุ่นแรก

ยาแก้แพ้รุ่นแรก ถูกพัฒนาขึ้นมามากกว่า 70 ปีแล้ว ซึ่งในปัจจุบันยังคงใช้กันอย่างแพร่หลาย  ยาแก้แพ้รุ่นเเรก มีตัวรับฮีสตามีอยู่ในบริเวณสมอง ไขสันหลัง และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย (รอบนอก) นอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับตัวรับ หรือรีเซ็ปเตอร์อื่นๆด้วย เช่น  muscarinic, alpha-adrenergic และ serotonin

ดังนั้น หมายความว่ายาแก้แพ้รุ่นแรกมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ง่วงนอน ปากแห้ง วิงเวียน ความดันโลหิตต่ำ และหัวใจเต้นเร็ว  ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะมีผลข้างเคียงมากกว่ายาแก้แพ้รุ่นที่สอง โดยเฉพาะผลข้างเคียงในประสิทธิภาพการขับขี่ยานพาหนะ หรือการคงบคุมเครื่องจักร และยังมีผลกับปฏิกิริยากับยาตัวอื่น ๆด้วย

ถึงแม้ว่ายารุ่นนี้จะกินแล้วง่วง แต่ก็สามารถรักษาอาการเมารถ เมาเรือได้ดีกว่า ออกฤทธิ์ได้เร็วกว่า แต่ก็หมดฤทธิ์ได้เร็วกว่า เพราะเป็นยาแก้แพ้ที่สามารถดูดซึมผ่านสมองได้

เช่น brompheniramine, chlorpheniramine, carbinoxamine, maleate clemastine  และ diphenhydramine

ยาแก้แพ้รุ่นที่สอง

ยาแก้แพ้รุ่นที่สอง เริ่มมีการพัฒนาครั้งเเรกในปี 1980 และมีผลข้างเคียงทำให้ง่วงซึมน้อยว่ายาแก้แพ้รุ่นแรก  ยาแก้แพ้รุ่นสอง ทำปฏิกิรยากับตัวรับฮีสตามีน (histamine-1 receptors ) บริเวณรอบนอกและไม่เกี่ยวข้องกับบริเวณในสมอง ดังนั้น จึงมีโอกาสน้อยที่จะทำให้เกิดผลข้างเคียงและมีปฏิกิริยากับยา

ยาแก้แพ้รุ่นที่สองส่วนใหญ่ไม่ทำให้เกิดอาการง่วงนอน ถึงแม้ว่าบางตัวอาจจะมีผลข้างเคียงก็ตาม (เช่น cetirizine และ fexofenadine) อาจจะมีแนวโน้มก็จริง เเต่ต้องกินในปริมาณที่สูงขึ้น

ยารุ่นนี้ก็สามารถรักษาผื่นแดง ผื่นลมพิษบางชนิด และแก้อาการคันผิวหนังได้ดีกว่า แม้จะออกฤทธิ์ช้า แต่ก็ออกฤทธิ์ได้ยาวนาน

เช่น azelastine nasal spray,  cetirizine, desloratadine, desloratadine,  และ levocetirizine

ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ (antihistamines )

ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้รุ่นแรก

  • อาการปวดท้อง
  • มองเห็นภาพซ้อน
  • ท้องผูก
  • ตาแห้ง
  • ปากแห้ง
  • ง่วงนอน ซึม
  • ปวดหัว
  • ความดันโลหิตต่ำ
  • มีเสมหะในทางเดินหายใจ
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • มีปัญหาระบบทางเดินปัสสาวะ

ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้รุ่นที่ 2

  • อาการปวดท้อง
  • ไอ
  • อาการง่วงนอน
  • ความเมื่อยล้า
  • ปวดหัว
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • อาการเจ็บคอ

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดอาการแพ้ เราต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เราเเพ้ พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ  บางทีอาจจะไม่ต้องใช้ ยาแก้แพ้ ก็ได้ถ้าไม่มีความจำเป็น หรือถ้าจำเป็นต้องใช้จริงๆ ควรปรึกษาผู้เชียวชาญ แพทย์หรือเภสัชกรดีทีสุดนะครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ยาแก้แพ้ศัตรูหัวใจและหลอดเลือด ทดแทนได้ด้วยอะไรบ้าง

คิดดีๆ ก่อนกินยาแก้แพ้เพื่อให้นอนหลับ คุณกำลังใช้ยาผิดประเภท

Better Choice ตัวช่วยแทนการกินยาแก้แพ้ ยาแก้อักเสบ

ที่มา : drugs.com

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.