ประสบการณ์ชีวิต

อาหารรักษา มะเร็ง

ยืนยันแล้ว … อาหารสามารถรักษา มะเร็ง ได้

สำหรับที่มูลนิธิศูนย์การแพทย์ลิฟวิงสตัน ( Livingston Foundation) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผมเพิ่งจะไปร่วมประชุมกลับมานี้ (ขณะเขียนต้นฉบับ) มีคนไข้มะเร็งซึ่งเข้าไปรับการรักษาตามแบบวิธีผสมผสานตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ไม่ต่ำกว่า 16,000 คน

วิธีการรักษาดูเหมือนง่าย ๆ จนกระทั่งผู้ที่ต่อต้านหลายคนกล่าวหาว่า ที่คนไข้หายหรือดีขึ้นนั้นเป็นเรื่องของความบังเอิญมากกว่า เพราะการรักษานั้นง่ายเกินกว่าที่วงการแพทย์จะรับรองได้ พื้นฐานของการรักษาอยู่ที่การใช้อาหาร ผสมกับ การใช้วัคซีน ซึ่งมีอยู่หลายชนิด แล้วแต่ชนิดใดจะเหมาะสมกับคนไข้นั้น ๆ

นอกจากนั้นก็จะมีการใช้ วิตามินและแร่ธาตุ ในปริมาณสูง บวกกับวิธีบำบัดต่าง ๆ เช่น การฝังเข็ม การนวดต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย การใช้เอนไซม์ การใช้โยคะ และการปฏิบัติทางจิตและสมาธิ เป็นต้น

มะเร็ง
สร้างภูมิชีวิตด้วยอาหารรักษามะเร็ง

การรักษาและบำบัดตามวิธีง่าย ๆ นี้เอง เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการต่อต้านจากวงการแพทย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบริษัทยาที่เป็นเจ้าของยาเคมีบำบัดต่าง ๆ โดยเฉพาะแพทย์หญิงเวอร์จิเนีย ลิฟวิงสตัน (Dr.Virginia Livingston) ผู้ก่อตั้งมูลนิธิศูนย์การแพทย์ลิฟวิงสตันนั้น ถูกห้ามโดยเด็ดขาดมิให้รักษามะเร็งด้วยวิธีผสมผสานของเธอ

แต่เมื่อแพทย์หญิงลิฟวิงสตันได้ชี้แจงให้เห็นว่า เป้าหมายในการรักษาของเธอนั้น มิใช่การรักษาโรคมะเร็งโดยตรง แต่เป็นการสร้าง Immune System หรือที่ชีวจิตเรียกกันว่า “ภูมิชีวิต” ต่างหาก การสร้างภูมิชีวิตให้ดีขึ้น เท่ากับสร้างภูมิต้านทานและความแข็งแรงและแข็งแกร่งของร่างกายให้กับคนไข้

และความแข็งแรงนี้เองที่ไปช่วยปราบปรามหรือสะกดเนื้องอกมะเร็งหรือก้อนเนื้อมะเร็งให้หดหายไป หรืออย่างน้อยที่สุดก็สามารถระงับไม่ให้ก้อนเนื้อนั้นเติบโตมากขึ้นไปกว่าเดิม และผลที่ได้รับก็คือ อย่างน้อยคนไข้จะไม่เจ็บป่วยร้ายแรงมากไปกว่าเดิม

ผลของการรักษานั้นมีตัวเลขที่น่าสนใจและน่าชื่นใจมาก เมื่อเทียบกับการรักษาตามแบบแผนปัจจุบัน เพราะผลของการรักษาของมูลนิธิลิฟวิงสตันนั้น ปรากฏว่าคนไข้ 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ มีอาการดีกว่าเดิมจนสามารถไปใช้ชีวิตตามปกติสุขได้

จากการที่แพทย์หญิงได้ระบุถึงวิธีการรักษาว่าเป็นการสร้างอิมมูนซิสเต็มบวกกับผลของการรักษาคนไข้ได้ผลดีอย่างน่าชื่นใจนี้เอง ที่ทำให้องค์การอาหารและยาและสมาคมแพทย์อเมริกันของสหรัฐอเมริกา ยินยอมให้ศูนย์การแพทย์ของมูลนิธิลิฟวิงสตัน รักษาคนไข้ด้วยการสร้างอิมมูนซิสเต็มและวิธีผสมผสานมาจนบัดนี้

หน้าถัดไป

นายแพทย์มาร์ก ลาโบ (Dr.Mark Labowe) ผู้อำนวยการคนปัจจุบัน (ขณะเขียนต้นฉบับ) ของมูลนิธิศูนย์การแพทย์ลิฟวิงสตันได้พูดถึงแนวทางและวิธีการรักษาของมูลนิธิว่า ยังไม่ได้ข้อยุติที่แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ทว่ายังจะต้องค้นคว้าวิธีบำบัดและวิธีรักษาตามแนวผสมผสานนี้ต่อไปอีก

จุดสำคัญของการรักษามะเร็ง แบบผสมผสานนี้อยู่ที่ความเข้าใจและการปฏิบัติตัวของคนไข้ด้วย คนไข้จะมารับการรักษาที่สถาบันชั่วระยะหนึ่งประมาณ 10 วัน ต่อจากนั้นคนไข้จะต้องไปปฏิบัติตนเองอย่างเคร่งครัดที่บ้าน และจะต้องมารับการตรวจและติดตามปรับปรุงโปรแกรมการปฏิบัติตัวของตนเองอยู่ตลอดเวลา

มะเร็ง
สร้างภูมิชีวิตด้วยอาหารรักษามะเร็ง

การปฏิบัติตัวเองอย่างเคร่งครัดนี้เองที่เป็นสิ่งที่ยากเย็นที่สุดของคนไข้ เพราะนอกจากคนไข้จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องอิมมูนซิสเต็มหรือ “ภูมิชีวิต” อย่างดียิ่งแล้ว คนไข้จะต้องมีระเบียบวินัยสำหรับตนเองอย่างเคร่งครัด ในการที่จะไปปฏิบัติตัวเองให้ดีขึ้นจนหายเป็นปกติด้วย

การปฏิบัติตัวเองอย่างเคร่งครัดนี้เอง ที่ทำให้การรักษา มะเร็ง ของคนไข้บางคนได้ผลดี และบางคนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า ฉะนั้นตัวเลขการรักษาของศูนย์การแพทย์ของมูลนิธิลิฟวิงสตันจึงได้ผลเพียง 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ ไม่สามารถจะขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์ได้ตามความต้องการของแพทย์หญิงเวอร์จิเนีย ลิฟวิงสตัน

นายแพทย์ลาโบได้ยกตัวอย่างคนไข้คนโปรดของเขาที่ชื่อโดโรธีซึ่งเป็นตัวอย่างในการรักษาตนเองได้ผลดี เพราะรักษาระเบียบวินัยต่อตัวเองอย่างดีเยี่ยม (โดยจรรยาบรรณแล้ว ในรายงานการแพทย์หรือในการบรรยายเกี่ยวกับการรักษาคนไข้จะไม่มีการระบุชื่อเต็มของคนไข้ ยกเว้นแต่ว่าคนไข้เองต้องการแสดงตัว) โดโรธีอายุ 61 ปี ป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ และเข้ารับการรักษาตามวิธีการ แพทย์ปัจจุบัน ได้รับการผ่าตัดลำไส้และเคมีบำบัด จากผลของการรักษาครั้งนั้นปรากฏว่า น้ำหนักเธอลดไป 10 กิโลกรัม มีอาการแพ้เคมีบำบัดอย่างแรง ผมร่วง อ่อนเพลีย และคลื่นไส้อาเจียนและหลังจากนั้นไม่นานเธอได้ตรวจร่างกายด้วยวิธีซีทีสแกนปรากฏว่ามะเร็งได้กระจายไปที่กลีบขวาของตับและกระจายไปที่ตับอ่อนด้วย

แพทย์ที่รักษาได้แจ้งกับเธอว่า อาการของเธอหมดหวังแล้ว ถ้าจะรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดต่อไปก็จะเป็นการทรมานไปเปล่าๆ

มะเร็ง
สร้างภูมิชีวิตด้วยอาหารรักษามะเร็ง

โดโรธีจึงขอเข้ารับการรักษาด้วยวิธีผสมผสานที่ศูนย์การแพทย์ลิฟวิงสตัน โปรแกรมแรกซึ่งเป็นโปรแกรมที่เคร่งครัดที่สุดคือโปรแกรม 10 วัน ซึ่งโดโรธีจะต้องเริ่มด้วย การเปลี่ยนอาหาร การรับวัคซีน การใช้วิตามินและแร่ธาตุในปริมาณสูง การบำบัดเสริมด้วยวิธีอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนท่าทีและแนวคิดให้เป็นไปในทางบวก

ทั้งหมดนี้ เป้าหมายอยู่ที่การจำกัดก้อนเนื้อมะเร็งไม่ให้กระจายออกไป และอยู่ที่การสร้าง Immune System หรือภูมิชีวิตให้แข็งแรงขึ้น

อาการของโดโรธีดีขึ้นอย่างน่าพิศวง เธอใช้เวลาในการรักษากับลิฟวิงสตัน 2 ปี และได้ตรวจซีทีสแกน ปรากฏว่าไม่มีเนื้อร้ายมะเร็ง เหลืออยู่ในตัวเธออีกเลย

เธอได้นำโปรแกรมสำหรับรักษาตัวเองไปปฏิบัติต่อไป และเธอจะมาที่ศูนย์การแพทย์ลิฟวิงสตันปีละครั้ง เพื่อตรวจดูเชื้อของมะเร็งว่าเธอยังเป็นผู้ที่ปลอดมะเร็งอยู่อีกหรือเปล่า

ตั้งแต่บัดนั้นมาจนบัดนี้เป็นเวลา 15 ปีแล้ว (ขณะเขียนต้นฉบับ) โดโรธีได้มารับการตรวจร่างกายทุกปี ผลคือปลอดจากมะเร็ง 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้โดโรธีอายุได้ 76 ปีแล้ว

เรียบเรียงจากหนังสือ ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต เล่ม 2 สำนักพิมพ์คลินิกสุขภาพ

ข้อมูลเรื่อง ” อาหารรักษา มะเร็ง ได้ ” จากนิตยสาร ชีวจิต ฉบับที่ 337 ( 16 ตุลาคม 2555 )

คอลัมน์  “ เปิดประตูหลังบ้าน ” เรื่องโดย: สาทิส อินทรกำแหง

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.