เส้นพาสต้า, วิธีกินแป้งลดอ้วน, ลวกหมี่หยก, ไม่ลวกหมี่หยก, ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก

แป้ง คาร์โบไฮเดรต และการปรุงอาหาร ช่วยลดอ้วน

วิธีกินแป้งลดอ้วน ได้พลังงานและปริมาณน้ำตาลน้อย

วิธีกินแป้งลดอ้วน ที่กำลังถกเถียงกันจนกลายเป็นไวรัลให้ชาวโซเชียลได้พูดถึงกัน นั่นคือ #ทีมลวกหมี่หยก และ #ทีมไม่ลวกหมี่หยก กินแบบไหนสไตล์ไหนดีกว่ากันถ้าไม่รวมความชื่่นชอบส่วนตัว ในเเง่ของคุณค่าทางอาหาร และการให้พลังงานล่ะเป็นอย่างไร

จะกินแป้ง(เส้นต่างๆ รวมถึงหมี่หยก) แบบลวก หรือกินแบบไม่ลวก (ผ่านความร้อนเยอะขึ้น)  ให้พลังานเท่ากันหรือไม่ ?

ชีวจิตออนไลน์ มีคำตอบมาไขข้อข้องใจให้ทุกคนจ้าา

ลวก/ไม่ลวกแป้ง (หมี่หยก) แบบไหนกินแล้ว “อ้วน” กว่ากัน?

ก่อนถึงมาทำความเข้ากันก่อนว่า ไม่ว่าจะเป็นข้าว หมี่หยก อาหารจำพวกเส้นต่างๆ ล้วนเเล้วเเต่เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้น  โดยเฉพาะน้ำตาลกลูโคสที่สร้างปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ฯลฯ ให้กับเราได้ตลอดเวลา

แน่นอนว่าหากเราไม่รู้จักการเลือกกินแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตที่ถูกต้อง เเละเพียงพอต่อความต้องการของพลังงานในเเต่ละวัน โรคที่ไม่พึงประสงค์ก็จะตามมาอย่างเเน่นอน คงไม่มีสาวๆคนไหนอยากอ้วน หรือมีพุงหรอกว่าไหม?

 

หมี่หยก, วิธีกินแป้งลดอ้วน, ลวกหมี่หยก, ไม่ลวกหมี่หยก, ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก
กินหมี่หยกเย็น หรือนำมาอุ่นอีกครั้ง มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด

 

เเต่ช้าก่อน อย่างพึ่งหมกดกำลังใจไปนะครับ จากการสืบค้น พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า นอกจากการเลือกกินแป้งที่ดีแล้ว ถ้าเราเพียงเเค่เปลี่ยนวิธีการเตรียมหรือปรุงอาหารจำพวกแป้ง และเส้นต่างๆที่ถูกต้อง พบว่ามีโอกาสน้อยมากที่เราจะได้รับพลังงานหรือน้ำตาลที่เยอะมากจนเกินไป

นั่นก็เป็นที่มาว่า ลวกหรือไม่ลวก กินเเบบไหนให้พลังงานน้อยกว่า

ดร. เดนิส โรเบิร์ตสันส์ นักวิทยาศาสตร์โภชนาการ มหาวิทยาลัย Surrey  ระบุว่า

การกินแป้งหรือพาสต้า เย็นหรือนำมาอุ่นอีกครั้ง มีผลต่อการระดับน้ำตาลในเลือดที่เพิ่มขึ้นได้

จากข้อมูลทดลองในร้านอาหารอิตาเลียน พบว่า

การกินพาสต้าที่ปรุงสดใหม่นั้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นมากที่สุด สำหรับการกินพาสต้าเย็นทำให้ระดับน้ำตาลเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และพาสต้าที่ถูกทำให้สุกแล้วแช่เย็น แล้วนำมาอุ่นอีกครั้ง ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นน้อยที่สุด

เส้นพาสต้า, วิธีกินแป้งลดอ้วน, ลวกหมี่หยก, ไม่ลวกหมี่หยก, ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก
เส้นพาสต้าที่ปรุงสุกแล้วถูกทำให้เย็นลง จะให้พลังงานน้อยว่าตอนที่ปรุงสุกใหม่ๆ

เพราะอะไรที่ทำให้ระดับน้ำตาลมีความเเตกต่างกัน ?

ดร.เดนิส อธิบายว่า แป้งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่พบมากที่สุดในอาหารที่เราบริโภค เเละมีโครงสร้างโมเลกุลกลูโคสเชื่อมต่อกันเป็นสายยาว  อาหารประเภทแป้งดิบ เช่น มันฝรั่งดิบ จะมีโครงสร้างที่ยาวมากแถมย่อยได้ยากอีกด้วย เเต่ถ้าหากผ่านความร้อนในน้ำก็จะทำให้โมเลกุลโครงสร้างอ่อนตัวลง ทำให้เอนไซม์ในลำไส้สามารถย่อยสลายกลูโคสได้ง่ายขึ้น

กลูโคสจากอาหารประเภทแป้งที่ปรุงสุก เช่น ข้าวขัดสี  พาสต้า เส้นต่างๆ และมันฝรั่ง จะถูกดูดซึมได้เร็วเท่ากับกลูโคสจากเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล  หรือที่เราเรียกว่า อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง  หรือ GI

แต่ในทางกลับกันอาหารจำพวกแป้งที่ถูกทำให้เย็นลง (ไม่ผ่านความร้อนซ้ำ หรือหมี่หยกที่ลวกมาเเล้ว) โครงสร้างของพวกนี้นจะถูกจัดระเบียบใหม่อีกครั้ง และเอนไซม์ย่อยแป้ง ย่อยน้ำตาล ไม่สามารถทำงานได้หรือสามารถย่อยได้น้อยลง ทำให้ได้คลูโคสที่น้อย หมายถึงพลังงานก็ลดลงด้วยเช่นกัน

จึงเป็นที่มาว่าทำไม พาสต้าเย็น (ในการทดลอง) หรือ #ทีมไม่ลวกหมี่หยก ถึงให้ระดับปริมาณน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในทางกลับกันพาสต้าที่ลวกผ่านความร้อนอีกครั้ง หรือ #ทีมลวกหมี่หยก ให้ระดับปริมาณน้ำตาลที่สูงขึ้น

ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาว่า  กระบวนการให้ความร้อนความเย็นในการปรุงพาสต้าหรืออาหารจำพวกแป้งอื่น ๆ มีผลให้ได้รับพลังงานที่เเตกต่างกัน ยิ่งผ่านความร้อนเยอะขึ้น ดัชนีน้ำตาลในเลือดก็ยิ่งสูงขึ้น

สุดท้าย วิธีกินแป้งลดอ้วน จะลวกหรือไม่ลวกเส้น คิดกันได้หรือยังครับ

อ่านเพิ่มเติม

ป๊อป ปองกูล วิ่งลดอ้วน 15 โล เขาทำได้ จริง!

ชัวร์หรือมั่ว : กินแป้งและน้ําตาล เท่านั้นที่ทำให้เป็นเบาหวาน

ระวัง! กินแป้ง กินหวาน มาก อาการย่น เหี่ยว ชา มากันครบ

 

ที่มา : The British Diabetic Association operating as Diabetes UK

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.