สังกะสี
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการรักษาความสะอาดขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า และสามารถต้านการอักเสบของสิวได้ดี โดยปกติแล้วแร่ธาตุชนิดนี้จะทำงานร่วมกับกรดไขมันโอเมก้า – 3 ในการกระตุ้นระบบเผาผลาญในร่างกาย สังกะสียังช่วยลดปริมาณซับสแตนพี (substant P) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นการผลิตไขมันเวลาที่ร่างกายเกิดความเครียด นอกจากนี้แร่ธาตุชนิดนี้ยังมีหน้าที่ลำเลียงวิตามินเอจากตับไปใช้ในส่วนต่างๆของร่างกายอีกด้วย
ผลการวิจัยล่าสุดระบุว่า ผู้ที่มีภาวะสิวคุกคามเรื้อรังจะมีปริมาณสังกะสีในร่างกายต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้มีภาวะดังกล่าว ทั้งนี้แพทย์จะแนะนำให้ผู้ที่เป็นสิวอักเสบใช้ยาแต้มสิวที่มี ส่วนผสมของสังกะสีและกินอาหารที่มีส่วนประกอบของสังกะสีให้ได้อย่างน้อย 30 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งอาหารที่มีแร่ธาตุนี้อยู่มากได้แก่
ถั่วเหลือง บางคนอาจเคยได้ยินคำแนะนำที่ว่าเป็นสิวให้กินถั่วทั้งนี้เพราะถั่วเหลืองมีปริมาณสังกะสีมากถึง 4.89 มิลลิกรัมอย่างไรก็ตามควรเลือกชนิดที่ไม่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมและไม่ควรกินมากกว่าปริมาณที่กำหนด
งาดำงาขาว ถือว่าเป็นแหล่งอาหารที่เต็มไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย และหาซื้อได้ไม่ยากในงาดำและงาขาว มีปริมาณสังกะสีอยู่ที่ร้อยละ 4.1 – 6.5 ต่อการบริโภค 1 ครั้ง ซึ่งเพียงพอที่ร่างกายจะนำไปใช้บำรุงผิวหนังและลดสาเหตุการเกิดสิวได้
กระเทียม เป็นอาหารสุขภาพที่เต็มไปด้วยสังกะสีซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางในหมู่นักโภชนาการในกระเทียม 100 กรัมมีปริมาณสังกะสีอยู่ที่ 1.16 มิลลิกรัม สังกะสีในกระเทียมสามารถควบคุมการผลิตไขมันที่มากเกินไปของต่อมไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวนั่นเอง
ทับทิม ไม่ว่าจะกินสดหรือคั้น เป็นน้ำดื่มต่างก็ให้ปริมาณสังกะสีต่อร่างกายไม่น้อยไปกว่ากันเลย สังกะสีจากทับทิมจะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการเกิดสิวอักเสบแล้ว ยังทำให้รอยแผลเป็นหรือรอยดำที่เกิดจากสิวจางลงอีกด้วย
อะโวคาโด เป็นผลไม้ที่มีปริมาณสังกะสีสูงอีกชนิดหนึ่ง ที่ช่วยควบคุมการเกิดสิวได้ดี โดยเฉพาะสิวอักเสบที่เกิดจากฮอร์โมน เพราะสังกะสีจะทำงานร่วมกับวิตามินบี 6 ในการปรับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุล
ซีลีเนียม
ซีลีเนียมเป็นแร่ธาตุที่มีสารต้านอนุมูลอิสระทำหน้าที่เป็นเอนไซม์ป้องกันการเกิดสิวอักเสบ และยังช่วยเสริมการทำงานของสังกะสีให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย หนุ่มสาววัยทำงานควรได้รับปริมาณซีลีเนียมวันละ 55 ไมโครกรัม ซึ่งจะมีผลช่วยยับยั้งการเกิดสิวได้
นอกจากนี้มีงานวิจัยหนึ่งพบว่า การที่ร่างกายขาดซีลีเนียมเป็นเวลานาน นอกจากจะทำให้เกิดสิวและเกิดการอักเสบของผิวหนังแล้ว ยังส่งผลให้เกิดโรคผิวหนังและโรคสะเก็ดเงินได้ด้วยอาหารที่มีปริมาณซีลีเนียมสูงมีดังนี้
อาหารทะเล อาหารทะเลอย่างปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน และกุ้ง เป็นเนื้อสัตว์ที่นำมาปรุงอาหารได้ง่ายและยังมีปริมาณซีลีเนียมที่สูงด้วย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคาร์โบไฮเดรตและแคลอรีต่ำแซนด์วิชทูน่าเพียงแค่ 1 ชิ้น ก็สามารถเพิ่มปริมาณซีลีเนียมในร่างกายได้แล้ว
บราซิลนัท ถ้าคุณไม่ใช่คนที่แพ้ถั่ว และอยากได้รับซีลีเนียมจากธัญพืชบราซิลนัท ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะในบราซิลนัท 1 เม็ด มีปริมาณซีลีเนียมอยู่ถึง 68 – 91 ไมโครกรัม
เห็ด นอกจากเห็ดจะเป็นแหล่งอาหารที่มีซีลีเนียมแล้ว เห็ดยังมีธาตุเหล็กโพแทสเซียมทองแดง วิตามินซี และวิตามินดี ที่ล้วนมีผลดีต่อการทำงานของเซลล์ผิวรวมไปถึงลดสาเหตุของการเกิดสิวด้วย
กีวี เพียงกินเจ้าผลไม้ที่มีเอกลักษณ์สีเขียวนี้วันละ 1 ผล ก็ช่วยให้ร่างกายได้รับปริมาณซีลีเนียมเพียงพอ แต่เราแนะนำให้เลือกกินกีวีสีทอง เพราะกีวีสีทองนี้มีปริมาณซีลีเนียมมากกว่าสีเขียว โดยกีวีสีทอง 100 กรัมจะมีปริมาณซีลีเนียม อยู่ที่ 3.1 มิลลิกรัม
จาก คอลัมน์ ACTIV STORY นิตยสารชีวจิต ฉบับ 478
บทความน่าสนใจอื่นๆ
ผิวมัน ดูแลยังไงให้หน้าเนียนเด้ง ไร้สิว
7 สมุนไพรแก้ร้อนใน ดับร้อน ป้องกันสิวเห่อ