3. ความผิดปกติด้านพฤติกรรม
คือ แสดงบุคลิกท่าทางไม่เหมาะสม เช่น วุ่นวายกว่าปกติพูดจาเนื้อหาแปลกๆ จับใจความได้ยาก หรือนิ่งเฉยมากผิดปกติ เช่น ไม่ขยับตัว ไม่ขยับแขนขา ไม่ยอมลุกไปไหน หรือแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม เช่น เดินไหว้ เดินกราบสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา พูดพึมพำ ยิ้มหัวเราะอยู่คนเดียว หรือไม่ค่อยดูแล
สุขอนามัยและความสะอาด เช่น ไม่อาบน้ำ ไม่ดูแลเสื้อผ้าหน้าผมปล่อยปละละเลยร่างกายจนดูสกปรก
4. ความผิดปกติด้านความรู้สึก
เช่น ไม่แสดงอารมณ์หรือแสดงอารมณ์น้อยกว่าปกติ ขาดความกระตือรือร้น (Avolition) ขาดแรงจูงใจในการใช้ชีวิตหรือแสดงอารมณ์ออกมาไม่เหมาะสมกับบริบทรอบตัว ก้าวร้าวมากกว่าปกติในผู้ป่วยที่มีความคิดหวาดระแวง
5. ความผิดปกติด้านสังคมหรือบกพร่องในหน้าที่การงานอย่างชัดเจน
เช่น การเรียน การงาน สัมพันธภาพกับผู้อื่นแย่ลง ชอบเก็บตัว ไม่เข้าสังคม ไม่ดูแลตนเอง ทำงานไม่ได้
6. ระยะเวลาที่เจ็บป่วย
อย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่จะมีอาการต่อเนื่องมาเป็นปีหรือหลายปี
โรคนี้พบได้มากน้อยแค่ไหน
พบได้ร้อยละ 0.5 – 1 ในประชากรทั่วไป ช่วงอายุที่พบการเกิดโรคคือ 15 – 24 ปี ส่วนใหญ่เริ่มมีอาการในช่วงวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ตอนต้น ถ้าพบว่าคนรู้จักหรือญาติมีอาการลักษณะนี้ ควรพามาพบจิตแพทย์
ยิ่งพบจิตแพทย์เร็วเท่าไหร่ ยิ่งทำให้โอกาสในการรักษาหายมีมากขึ้น เหมือนศาสตราจารย์จอห์น แนช พระเอกในเรื่อง A Beautiful Mind ที่สุดท้ายก็ได้เข้าสู่การรักษา
จาก คอลัมน์ MIND UPDATE นิตยสารชีวจิต ฉบับ 477
บทความน่าสนใจอื่นๆ
16 สเต็ป วิธีคิดเพื่อ สุขภาพจิต
ฟิตสุขภาพใจ รับภัยอากาศเปลี่ยนแปลง