โรคหลอดเลือดหัวใจ มัจจุราชเงียบ
คุณหมอสมคนึง เล่าถึงกลไกการเกิดพลัคและอันตรายของมันซึ่งเปรียบประดุจมัจจุราชเงียบ ว่า
“เมื่อพลัคนี้มีขนาดโตถึงระดับหนึ่ง จะสังเกตเห็นไขมันสีเหลืองแทรกอยู่ภายใน หากผู้ป่วยไม่ควบคุมโรคเบาหวานไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง หรือยังสูบบุหรี่จัด จะทำให้เกิดการอักเสบของพลัค โดยจะทำให้ไขมัน เริ่มอ่อนตัวลงจากของแข็งกลาย เป็นของเหลว (Oxidised) สุดท้ายจะเกิดการแตกของพลัค
“ในขณะที่พลัคแตกนั้น ภายในหลอดเลือดหัวใจก็ยังมีเลือดไหลผ่านตลอด ดังนั้น คราบของพลัคที่แตกจะจับตัวกับเกล็ดเลือดเป็นลิ่มเลือดอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 5 - 6 วินาทีก็อาจอุดตันได้เต็มหลอดเลือด ซึ่งเป็นจุดที่น่ากลัวมาก เพราะจะทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายทันที”
ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงเป็นลมและเสียชีวิตทันที ซึ่งเป็นอาการที่ค่อนข้างพบมากในคนทำงาน ที่ไม่ทราบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และไม่ได้รับยาควบคุมโรคมาก่อน
คุณหมอสมคนึงอธิบายเหตุผลข้อนี้ว่า
“โรคหลอดเลือดหัวใจตีบจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อเกิดการสะสมของพลัคจนทำให้เกิดการตีบของหลอดเลือดเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะทำให้อัตราการไหลของเลือดลดลงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งกระบวนการนี้อาจค่อยเป็นค่อยไปหรือเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วก็ได้
“ในผู้ป่วยระยะแรกที่มีการสะสมของพลัคน้อย เช่น 20เปอร์เซ็นต์ อาจไม่มีอาการเจ็บหน้าอกเลย จึงไม่รู้ตัวว่าป่วยเป็นโรคหัวใจแล้ว การมีพลัคสะสมในปริมาณไม่มากเช่นนี้ แต่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น สูบบุหรี่ เป็นเบาหวานโดยไม่ได้ควบคุมอาการ ก็ทำให้เกิดการแตกของพลัคเฉียบพลัน ซึ่งทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลันได้เช่นกัน”
Easy Steps เช็กอาการก่อนหัวใจวาย
เห็นความน่ากลัวแล้วใช่ไหมคะ ทำให้อยากทราบต่อว่า เราจะสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคหลอดเลือดหัวใจได้อย่างไร
คุณหมอสมคนึงแนะนำวิธีสังเกตอาการแยกเป็น 2 กลุ่มดังนี้ค่ะ
1. กลุ่มอาการพื้นฐานที่คนทั่วไปทราบกัน
- เหนื่อยง่ายกว่าเดิม เช่น จากที่เคยเดินได้ระยะทาง 20 เมตรไม่เหนื่อย มาเป็นเดินระยะทาง 10 เมตรแล้วมีอาการเหนื่อยมาก
- เจ็บบริเวณกลางหน้าอกหรือรู้สึกแน่นหน้าอกเหมือนมีสิ่งของหนักๆ มากดทับ
- มีอาการเจ็บร้าวบริเวณหน้า ใต้ลิ้น คาง ใบหู หัวไหล่พร้อมกับมีเหงื่อออกโชกคล้ายถูกน้ำราดลงมาที่ตัว
- มีอาการไอ หอบ เหนื่อย หายใจไม่ออกเวลานอนราบ
2. กลุ่มอาการที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ
- ชาและเจ็บบริเวณแขนข้างซ้าย เริ่มตั้งแต่นิ้วชี้และนิ้วก้อยไล่มาที่ตลอดแนวท้องแขนไปจนถึงรักแร้
- เวลาตื่นเต้น มือจะเย็นมากและมีเหงื่อออกชุ่ม ร่วมกับหายใจไม่ออกและเหนื่อยมาก
- มีความดันโลหิตสูงกว่าปกติมากโดยไม่ทราบสาเหตุ
นอกจากนี้คุณหมอสมคนึงยังฝากวิธีเช็กความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เพื่อให้คุณผู้อ่านได้ป้องกันตัวก่อนที่จะป่วยเป็นโรค มาแนะนำดังตารางต่อไปนี้ค่ะ
ตารางแสดงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
ปัจจัยเสี่ยง ความเสี่ยงก่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (ร้อยละ)
ป่วยเป็นเบาหวาน 30
สูบบุหรี่ 30
มีไขมันในเลือดสูง 20
มีความดันโลหิตสูง 10
พฤติกรรมทำร้ายสุขภาพอื่นๆ 5
พันธุกรรม 5
จากตารางแสดงให้เห็นว่า ถ้าคุณผู้อ่านไม่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไม่สูบบุหรี่และดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง เท่ากับว่าโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบจะลดลงมาก
การดูแลตัวเองตามหลักชีวจิต กิน นอน พักผ่อนออกกำลังกาย และทำงาน ให้สมดุล คือทางป้องกันโรคทุกโรคได้อย่างดีเยี่ยม ลองนำไปปฏิบัติดูสิคะ
จาก คอลัมน์ Healthy Lifestyle นิตยสารชีวจิต ฉบับ 333
บทความน่าสนใจอื่นๆ
วิธีเดิน เพิ่มความแข็งแรงให้หัวใจ
หยุดฟุ้งซ่าน ป้องกันโรคหัวใจ By หมอสันต์ ใจยอดศิลป์