ระวัง! โรคหน้าหนาว By กูรูต้นตำรับชีวจิต
โรคหน้าหนาว เมื่อฤดูหนาวมาเยือน ร่างกายมักต้องปรับตัวขนาดหนัก เพื่อให้แข็งแรงปลอดภัยจากอาการ ผิดปกติทั้งหลาย นี่ถือเป็นข้อควรระวังประการแรก ที่ร้ายกว่านั้น อันเป็นประการที่สอง คือ เชื้อโรคร้าย ที่มักมากับอากาศหนาวเย็น จนสามารถก่ออันตรายต่อร่างกายจนถึงขั้นเสียชีวิต
กูรูต้นตำรับชีวจิต แนะนำ เชื้อโรคร้ายที่ควรระวัง เพื่อเตือนให้เรารีบเสริมสร้างอิมมูนซิสเต็มป้อง กันโรค ด้วยการกิน นอน พักผ่อน ออกกำลังกาย และทำงานให้สมดุล
หน้าหนาวย่างเข้ามาแล้ว ไม่เข้ามาเปล่าๆ แต่มักจะพ่วงเอาโรคภัยไข้เจ็บเข้ามาเป็นพวงด้วย แรกทีเดียวก็คือ เรื่องโรคหวัดลูกๆ ของเพื่อนๆ และแฟนประจำที่มาหาผมขณะนี้ กำลังเป็นหวัดกันงอมแงม
หวัดธรรมดาๆ ก็ยังไม่เท่าไหร่ พักเสียหน่อย 4-5 วันคงจะหาย แต่ถ้าเราไม่แข็งแรงอยู่แล้วแถม เจออากาศหนาวและอากาศแปรปรวน (สังเกตหรือเปล่า หน้าหนาว ฝนก็ยังตกได้) เข้าด้วยมันจะหนักจนถึงกับเป็นไข้หวัดใหญ่ แล้วอาจลามไป ถึงนิวมอเนียหรือปอดบวมเข้าด้วย และที่ผม (อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง) กลัวมากๆ ถึงกับภาวนาไม่ให้มันเกิดขึ้นก็คือ โรคระบาดโดยเฉพาะโรคระบาดจากไข้หวัดนก
เอาละสิ ตอนนี้มีเรื่องจะเขียนยาวเลยที เดียว แต่ก่อนจะพูดกันถึงโรคภัยไข้เจ็บกัน อย่างจริงจัง อนุญาตเตือนเพื่อนๆ สักนิด (ทั้งเก่าและใหม่) ถึงสไตล์การเขียนของผมว่า ไม่อยากจะให้เป็นเรื่องเครียดเอาจริงเอาจัง แต่จะคุยกันสนุกๆ แล้วก็แทรกเรื่องความรู้และวิชาการลงไปด้วย เอาอย่างนี้ดีกว่านะครับ
ก่อนอื่น ขอแนะนำให้รู้จักเชื้อโรคตัวหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วผมเครียดกับเจ้าตัวนี้มาก เราเพิ่งรู้จักมาไม่นาน แต่เป็นตัวที่มีความร้ายกาจมากมาย และเรื่องจริงๆ มันก็คือ เป็นเชื้อโรคตัวเก่า แต่ได้พัฒนาตัวเองอย่างฉลาดและอย่างเงียบๆ ไปผสมกับเชื้อโรคกลุ่มอื่นๆ และกลายเป็นตัวใหม่พันธุ์ ใหม่ขึ้นมา
เจ้าตัวนี้ คือ CHLAMYDIA (อ่านว่าเคลอไมเดีย) ฟังแต่ชื่อ ก็รู้สึกว่าเพราะ น่ารักดี แต่อย่าไปหลงลมเจ้าตัวนี้เข้านะครับ เพราะร้ายมากดังที่กล่าวมาแล้ว
เชื้อโรคชนิดต่างๆ เราจำกันไม่ได้หมดต่อให้เป็นเทวดาก็จำไม่ได้ เพราะมีกันเป็นหมื่นๆ แสนๆ ชื่อ เราจึงได้แบ่งกลุ่ม เชื้อโรคแบบง่ายๆ ออกเป็น 5 กลุ่ม ซึ่งทำให้การศึกษาเรื่อง โรคภัยไข้เจ็บทำได้ง่ายขึ้น กลุ่มต่างๆ นั้นก็ คือ
1. กลุ่มแบคทีเรีย (BACTERIA)
2. กลุ่มไวรัส (VIRUS)
3. กลุ่มโปรโตซัว (PROTOZOA)
4. กลุ่มเชื้อรา (FUNGUS)
5. กลุ่มพยาธิ (PARASITE)
มีกัน 5 กลุ่ม อย่างนี้ก็ดี แล้วเจ้าตัว เคลอไมเดีย นี่มันอยู่กลุ่มไหนล่ะ นี่ล่ะสิ ที่ผมบอกว่าเจ้าตัวนี้มันร้ายนัก มันรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง เดิมทีมันก็เป็นตัวหนึ่งอยู่ในกลุ่ม แบคทีเรีย แล้วมันก็รู้วิธีหลบ โดยใช้วิธี “เก่งแล้วแยกวง” คือ ไปอยู่ด้วยตัวของมันเอง แล้วไปคบกับกลุ่มอื่น คือ กลุ่มไวรัส
แยกตัวจนได้ดี ไปคบกับเจ้าตัวนั้นตัวนี้ของกลุ่มใหม่ ผสมพันธุ์กันอย่างไรไม่ทราบ เลยกลายเป็นพันธุ์ใหม่ แบบหัวมังกุดท้ายมังกร คือจะเป็นแบคทีเรียก็ไม่ใช่จะเป็นไวรัสก็ไม่เชิง เลยกลายเป็นพันธุ์ใหม่ตั้งตัวเองเป็น ตัวผสม คือ เคลอไมเดีย (CHLAMYDIA) เป็นมันทั้งแบคทีเรียและเป็นทั้งไวรัสพร้อมกัน
เห็นไหมละครับว่าวงจรของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้มันน่า สนใจเพียงไหน เอาเรื่องมนุษย์เป็นตัวอย่างกว่าเราจะกลายเป็นคนขึ้นมาได้ ก็ต้องเป็นสัตว์น้ำมาก่อนแล้วเริ่มเป็นครึ่ง น้ำครึ่งบก ก่อนกลายเป็นสี่ขามาอยู่บนบกแล้วก็กลายมา เป็นเดินสองขา กลายเป็นคนเขียนหนังสืออย่างผมนี่ไงล่ะ
เห็นไหมว่ากว่าผมจะมานั่งเขียนหนังสือให้คุณอ่านได้ อย่างเดี๋ยวนี้ เมื่อหลายสิบล้านปีก่อนผมเป็นลิงเกาะต้นไม้ ใกล้กับคุณ หาเหาหาหมัดให้คุณ จำได้หรือเปล่า
อ้าว! นอกเรื่องไปเสียแล้ว ขออภัยครับ
เจ้าเชื้อโรคนี่ยิ่งพัฒนาตัวเองเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์ได้เร็วเท่าไหร่ ก็จะกลายเป็นตัวร้าย-ร้ายมากขึ้นเท่านั้น เจ้าเคลอไมเดียสมัยที่ยังเป็นแบคทีเรียอยู่นั้น จะร้ายมากๆ ตรงทีแรกมันก็จะเป็นพวกเชื้อหวัดธรรมดา
แต่อยู่ไป อยู่ไป เริ่มร้ายขึ้นๆ กลายพันธุ์มากขึ้น จนกลาย เป็นตัวร้ายในเรื่อง จากเป็นหวัด สามารถจะกลายพันธุ์เป็นนิวมอเนียหรือปอดบวมได้อย่างรวดเร็ว
แต่ก่อนจะร้ายมากๆ สมัยเป็นหวัดและนิวมอเนีย และ นิวมอเนียตอนแรกๆ จะมีเพียงชนิดเดียว แต่เมื่อเชื้อกลาย พันธุ์เป็นนิวมอเนียตัวร้าย มันก็จะทำให้เกิดเชื้อนิวมอเนีย หลายๆ ชนิดแต่ละชนิดร้ายแรงถึงทำให้ตายได้อย่างแน่นอน
อย่างเช่น นิวมอเนีย ซึ่งจะเป็นในขั้นสุดท้ายของผู้ที่ป่วยเป็นโรคเอดส์ จะเป็นนิวมอเนียชนิดร้ายแรง และร้ายแรง ขนาดที่ยาปฏิชีวนะชนิดเก่งแค่ไหนก็เอาไม่อยู่จึงมีแต่ต้อง เสียชีวิตท่าเดียว หรือโรคหวัดนกที่กลัวกันนักกลัวกันหนา ก็กลายเป็น นิวมอเนียชนิดร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตยาปฏิชีวนะเอาไม่อยู่ อีกเช่นกัน นี่ก็คือฤทธิ์เดชของเคลอไมเดียทั้งสิ้น
