รีวิวแอปเปิ้ล ผลไม้สุดรัก ในหมู่คนรักสุขภาพ พันธุ์ที่อร่อยที่สุดในโลก

แต่ละสี มีดีซ่อนอยู่ แตกต่างกัน!

เว็บไซต์ GoodLifeupdate.com บอกไว้ว่า ผลแอปเปิ้ลแต่ละสี มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป นั่นคือ

– แอปเปิ้ลสีแดง: มีสารแอนติออกซิแดนต์มากที่สุด ทั้งยังมีเบตาแคโรทีนซึ่งพบมากในมะเขือเทศ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีคอลลาเจน ช่วยบำรุงสุขภาพผิว

– แอปเปิ้ลสีเขียว: ถึงจะมีรสชาติเปรี้ยวกว่า และดูเหมือนจะกินยากกว่าแอปเปิ้ลสีแดง แต่ในแอปเปิ้ลเขียวนั้น มีเอ็นไซม์ที่ช่วยทำให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น นอกเหนือไปจากวิตามินและเกลือแร่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว กรดผลไม้ที่มีอยู่ในแอปเปิ้ลสามารถช่วยควบคุมและยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนความอยากอาหาร
– แอปเปิ้ลสีเหลือง: ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็ง โรคหัวใจ มีการศึกษาพบว่า แอบเปิ้ลชนิดนี้ช่วยล้างสารพิษจากตับได้ และหากต้องการบำรุงสายตา ก็ควรเลือกกินแอปเปิ้ลสีเหลืองเพราะมีสารที่ช่วยบำรุงสายตาสูงกว่าชนิดอื่น แถมยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อกระจกได้
– แอปเปิ้ลสีชมพู: อย่างพันธุ์ Pink Lady ช่วยชะลอความแก่ เนื่องจากแอปเปิ้ลสีชมพูมีกรดโฟลิกมากที่สุดในบรรดาแอปเปิ้ลด้วยกัน กรดโฟลิกจะไปช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจน และยังช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เหมาะกับสาวๆ ที่กลัวกระ

คุณหมอคนดังพูดถึงแอปเปิลสีเขียว

แพทย์หญิงกอบกาญจน์ ไพบูลย์ศิลป แพทย์ธรรมชาติบำบัด Healthy Flavor Clinic Restaurant ได้ให้ความรู้ไว้ว่า…

“ในปัจจุบัน แอปเปิ้ลยังกลายเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับศาสตร์การดูแลสุขภาพ และลดน้ำหนักในแบบต่างๆ งานวิจัยทางโภชนาการสมัยใหม่พบว่า แอปเปิล 1 ผล ประกอบไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย และอุดมด้วยวิตามิน เช่น วิตามินเอ บี1 บี2 บี3 บี5 บี6 กรดโฟลิก วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี เหล็ก ฯลฯ
โดยส่วนตัว หมอชอบนำแอปเปิลเขียวมาปรุงอาหารสุขภาพเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มอาหารลดน้ำหนัก และจำกัดพลังงาน เพราะมีความหวานน้อย
อีกทั้งแอปเปิลเขียว ยังมีกรดผลไม้ชนิดพิเศษ ที่เรียกว่า “กรดมาลิก” (Malic Acid) เมื่อรับประทาน เข้าไปแล้วจะช่วยทำให้น้ำดีเหลวลง ส่งผลให้น้ำดีขับออกจากตับได้ง่ายขึ้น ….”

“แอปเปิล ยอดฮิต สุดยอดทางเลือกของว่าง”
ถ้าคุณมองหาของว่างพกสะดวก แอปเปิลเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะในแง่น้ำหนัก แอปเปิลประกอบด้วยน้ำ ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ กินเข้าไป ช่วยให้รู้สึกอิ่ม โดยไม่เพิ่มแคลอรี่มหาศาลให้กับร่างกาย

“เพื่อนคู่คิด มิตรคู่จาน กับอาหารสุขภาพอื่นๆ”
ลองโดยจับคู่คาร์โบไฮเดรตที่ดี กับไขมันที่ดี และโปรตีน ด้วยการทาเนยถั่วลงบนแอปเปิลฝาน ชีสแบบโลว์แฟตก็กินอร่อยเมื่อกินคู่กับแอปเปิล แถมแอปเปิลยังเป็นส่วนประกอบที่ยอดเยี่ยมในการนำไปปรุงสลัด (รวมถึงยำ) และเมนูซัลซ่าอีกด้วย

“เมื่อคิดจะกินแอปเปิล กินทั้งลูก และ กินทั้งเปลือก คือดีที่สุด”
เพราะสารอาหารที่มีประโยชน์ในแอปเปิล อยู่ที่เปลือกนั่นเอง

ที่สำคัญ ไม่ควรคั้นดื่มเฉพาะน้ำ เพราะเราจะได้แต่น้ำตาล และประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จำไว้เลยว่า ดื่มน้ำแอปเปิ้ลไม่ได้ให้ประโยชน์เทียบเท่ากับการกินทั้งผลแบบสดๆ นะ

รีวิวแอปเปิ้ล, แอปเปิ้ล, ผลไม้, ประโยชน์ของแอปเปิ้ล, ลดน้ำหนัก, ลดความอ้วน, apple — กินแอปเปิ้ลทั้งเปลือก จะได้ประโยชน์มากกว่ากินแต่เนื้อ หรือคั้นน้ำ

แต่ทางที่ดี ก่อนกินแอปเปิ้ลสดทั้งลูก ควรล้างให้สะอาดด้วยน้ำเกลือ หรือแช่ด่างทับทิม

และอีกวิธี ที่แนะนำโดยมาจาก food.ndtv.com ก็คือ
1. จุ่มผลแอปเปิลในน้ำร้อน 4-5 วินาที เพื่อขจัดคราบแวกซ์ที่มักจะเคลือบมาบนผิวแอปเปิล จากนั้นนำไปล้างใต้น้ำก๊อก
2. อีกวิธีคือ ผสมน้ำมะนาวหนึ่งช้อนโต๊ะ กับ เบกกิ้งโซดาหนึ่งช้อนโต๊ะในน้ำ จุ่มแอปเปิลลงไปทีละผล แล้วใช้แปรงขนอ่อนขัดถูกที่ผิวเปลือก จากนั้นนำไปล้างใต้น้ำก๊อก
3. สามารถใช้น้ำส้มสายชู แทนน้ำมะนาว ผสมในน้ำได้
4. น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์วิเนการ์ เป็นทางเลือกที่ดีวิธีหนึ่ง ใช้ทิชชูหรือผ้าสะอาดชุบน้ำส้มสายชูแอปเปิล นำมาเช็ดทำความสะอาดผิวเปลือกแอปเปิล ก่อนนำไปล้างด้วยน้ำเปล่า

อ่านเพิ่มเติม : น้ำส้มแอ๊ปเปิ้ลไซเดอร์ลดความอยากอาหาร ทำน้ำหนักลดได้

เทคนิคเลือกซื้อและเก็บรักษาแอปเปิ้ล (ข้อมูลจาก Epicurious)

เลือกแอปเปิ้ลที่ไม่มีรอยบุบช้ำ มีตำหนิ เมื่อจับดูที่ผล ควรจะมีความแน่นในระดับหนึ่ง (อาจแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์) มองหาเปลือกผลที่เงางาม เปลือกที่สีออกทึบๆ หม่นๆ อาจบ่งบอกว่าแอปเปิลนั้นสูญเสียความสดกรอบและรสชาติอร่อยตามธรรมชาติไปแล้ว

ที่เก็บ : ต้องแห้งและเย็นเท่านั้น

-แอปเปิล สูญเสียความกรอบอร่อยได้ง่ายในอุณหภูมิห้อง ควรเก็บในตู้เย็น ใส่ในถุงพลาสติก ที่เจาะรูระบายอากาศ
-อย่าเก็บแอปเปิลที่หั่นแล้ว หรือมีรอยช้ำรอยถลอก ร่วมกับแอปเปิ้ลสด ผลอื่นๆ เพราะจะทำให้เสีย
– รักษาความสดของแอปเปิลที่ปอกแล้ว ไม่อยากให้เนื้อแอปเปิลกลายเป็นสีน้ำตาล ดูไม่น่าทาน ให้จุ่มชิ้นแอปเปิลลงในชามที่ผสมน้ำกับน้ำมะนาว ในอัตราส่วน 3:1
(ถ้าเป็นสูตรบ้านเรา ก็คือนำแอปเปิลที่ฝานแล้วแช่ในน้ำที่ผสมเกลือ ใช่ไหมละ แต่บางทีแอดรู้สึกว่ามันติดรสเค็มปะแล่มๆ มาด้วย แต่สูตรแช่น้ำมะนาวนี้ พูดก็พูดเหอะ แอดลองทำตามแล้ว มันก็ติดกลิ่นของมะนาวมานิดๆ เหมือนกัน ก็เลยแก้ไขด้วยการจุ่มในน้ำสะอาดอีกรอบหนึ่ง)

มิน่า…ทำไมแอปเปิ้ล ถึงมีกลิ่นฮ้อม…หอม?

แพทย์หญิงกอบกาญจน์ ไพบูลย์ศิลป ให้เกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเพิ่มเติมไว้ว่า

“ในทางพฤกษศาสตร์ แอปเปิ้ลเป็นพืชในวงศ์ Rosaceae ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับ “ดอกกุหลาบ“ จึงมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะพิเศษ
คนยุโรปโบราณจึงถือว่าผลของแอ๊ปเปิ้ลเป็นผลไม้แห่งความรัก เมื่อคนกรีกอยากบอกรักกัน แอ๊ปเปิ้ล เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่ง ที่ผู้ชายจะมอบให้แก่หญิงสาว โดยความหมายลึกๆ ก็คือ “ผมอยากให้คุณเป็นแม่ของลูกผมนะครับ…รับรักผมเถอะ”
ซึ่งคุณหมอกอบกาญจน์ได้แนะนำทิ้งท้าย แบบเจืออารมณ์ขันไว้ว่า …
“คุณๆ ที่กำลังประสบกับปัญหาโรคอ้วนอยู่ ลองหันมาบริโภคแอปเปิลสักวันละผล นอกจากจะสุขภาพดีแล้ว ไม่แน่วันหนึ่ง อาจมีคนนำแอปเปิลมามอบให้ พร้อมความนัยข้างต้น ก็เป็นได้นะคะ”

เอาละ…เมื่อได้ฟังคำคุณหมอแล้ว ขอตัดสินใจว่า ต่อไปนี้แอดจะไม่ยอมให้แอปเปิลห่างกาย (ห่างปาก) แม้แต่วันเดียว!