20 ผักและผลไม้ ต้านมะเร็ง จากห้องวิจัย

ถั่วดำ

ดร. คลิฟฟอร์ด ดับบลิว. เบนิงเกอร์ (Clifford W. Beninger) นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยกวัฟล์ (University of Guelph) รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ยกให้ถั่วดำเป็นพืชที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ สูงกว่าถั่วเมล็ดแห้งชนิดอื่น ทั้งถั่วแดง ถั่วเหลือง และถั่วขาว

โดยจากการวิจัยทำให้พบว่า สาร แอนโทไซยานินคือสารต้านอนุมูลอิสระ ที่พบมากที่สุดในถั่วดำ โดยในถั่วดำ 100 กรัม มีปริมาณสารแอนโทไซยานินมาก กว่าปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระทั้งหมด ที่พบในส้มที่มีน้ำหนักเท่ากันถึง 10 เท่า

นอกจากนี้ยังพบว่า ถั่วดำมีผลเพิ่ม ความเข้มข้นของสารบิวทิเรต (Butyrate) ใน ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย โดยข้อมูลจากจุลสาร สมาคมแพทย์ระบบทางเดินอาหารแห่ง ประเทศไทย ฉบับที่ 81 อธิบายว่า สาร บิวทิเรตเป็นสารอินทรีย์ที่เกิดจากกระบวน การเมแทบอลิซึมของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ และเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของลำไส้ใหญ่ ซึ่งช่วยกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์เยื่อบุลำไส้ ทำให้แผลบริเวณเยื่อบุลำไส้หายเร็วขึ้น

โดยสามารถนำถั่ วดำมาทำอาหารได้ หลาก หลาย เช่น ซุปถั่วดำ สาคูถั่วดำ ขนม ไส้ถั่วดำ แต่ส่วนใหญ่ติดปัญหาที่ต้องใช้เวลา ต้มถั่วดำนานกว่าจะสุกนิ่ม แนะนำให้แช่ ถั่วดำในน้ำทิ้งไว้ข้ามคืน จึงนำมาต้ม จะได้ ถั่วดำที่สุกนิ่ม ไม่แข็งกระด้าง

HOW TO CHOOSE

เลือกเม็ดถั่วดำที่กลม ผิวเต่งตึง ไม่ย่น มีขนาดสม่ำเสมอ ไม่มีกลิ่นหืน

กินสารต้านอนุมูลอิสระเดี่ยวๆ อาจไม่ช่วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาทางลัด โดยเน้นกินอาหารเสริมอัดเม็ดแทนผักและผลไม้ จากธรรมชาติเพื่อต้านโรคมะเร็ง โปรดฟังทางนี้

สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) ให้ข้อมูลว่า

หลายการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่กินผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้าน อนุมูลอิสระสูงเป็นประจำมีความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งต่ำ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า สารต้านอนุมูลอิสระที่สั ฃงเคราะห์ หรือสกัดออกมาในรูปแบบอาหารเสริมจะให้ผลเหมือนกัน

หลายการศึกษาระบุว่า นอกจากไม่ช่วยลดความเสี่ยง สารต้านอนุมูลอิสระ ในรูปอาหารเสริมบางชนิด ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย

นอกจากนี้ยังพบว่า สารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารต่างๆ ที่พบในผักและ ผลไม้ ส่วนใหญ่ต้องทำงานร่วมกันจึงจะเกิดผลดีต่อสุขภาพ ผักและผลไม้หลายชนิด นักวิทยาศาสตร์ทราบถึงกลไกการทำงานร่วมกัน แต่ยังมีอีกหลายชนิดที่ไม่มีข้อมูล

ฉะนั้นคำแนะนำที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ควรกินผักผลไม้จากธรรมชาติเพื่อให้ร่างกาย ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระและสารอาหารที่หลากหลายดีกว่ากินในรูปอาหารเสริมที่เน้น เพียงสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง

หัวปลีดอกขจร ดอกแค พิชิตสารก่อกลายพันธุ์

สารก่อกลายพันธุ์พบได้ทั่วไปในอาหารประจำวัน เช่น อาหารรมควัน อาหารประเภท ปิ้ง ย่าง ทอด โดยเฉพาะในบริเวณที่ไหม้เกรียม บางชนิดมีลักษณะคล้ายสารที่เกิดจาก การเผาไหม้ในเครื่องยนต์ บุหรี่ และเตาเชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม

สารก่อกลายพันธุ์นับเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้เกิดความผิดปกติของดีเอ็นเอ (DNA) ในร่างกาย จนอาจส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ นำไปสู่มะเร็งร้าย เช่น งานวิจัยจากสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งนักวิจัยพบว่า สารก่อกลายพันธุ์ ที่มีชื่อว่ายูรีเทน (Urethane) ทำให้เกิดความผิดปกติที่รูขุมขนของแมลงหวี่ คือ จากเดิม ที่มีขนปีกเพียงเส้นเดียวภายในรูขุมขน กลับเพิ่มขึ้นเป็น 3 – 4 เส้น

จึงทดลองให้แมลงหวี่กินอาหารที่มีส่วนผสมของดอกไม้กินได้ทั้ง 8 ชนิด ได้แก่ หัวปลี ดอกขจร ดอกแค ดอกเข็ม ดอกบัว ดอกเฟื่องฟ้า ดอกโสน และดอกอัญชัน พร้อมกับ สารยูรีเทน ผลปรากฏว่า ความผิดปกติของขนปีกลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มแมลงหวี่ที่กินสาร ยูรีเทนเพียงอย่างเดียว

นักวิจัยสรุปว่า สารธรรมชาติในดอกไม้ทั้ง 8 ชนิดมีคุณสมบัติต้านการกลายพันธุ์ และลดความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในร่างกายได้ จึงแนะนำให้ปรุงอาหารจากดอกไม้หรือกินเคียง น้ำพริกร่วมกับผักสดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับอาหารต้านมะเร็ง

HOW TO CHOOSE

หัวปลีที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดคือ หัวปลีจากกล้วยป่า แต่หาได้ยาก รองลงมาคือ หัวปลีของกล้วยไม่ตกเครือ เพราะมีเนื้อแน่นและกรอบหวาน แต่น้อยคนจะยอมเสียกล้วย ไปทั้งเครือเพื่อแลกกับหัวปลี โดยทั่วไปจึงนิยมกินหัวปลีของกล้วยน้ำว้า เพราะมีรสฝาดน้อย และหาได้ง่าย

โดยเลือกหัวที่มีน้ำหนัก กาบปลีเกาะกันแน่น สีแดงอมน้ำตาลเรื่อ ผิวฉ่ำน้ำ ไม่แห้ง

<< อ่านต่อนหน้าที่ 7 >>