อ้วน, โรคอ้วน, น้ำหนักเกิน, ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก

108 โรคร้าย อันตรายจากภัย อ้วน

108 โรคร้ายจากภัยอ้วน

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์สุเทพ อุดมแสวงทรัพย์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอธิบายถึงโรคแทรกซ้อนจากโรคอ้วนว่า

“ผู้ที่เป็นโรคอ้วนจะมีไขมันในร่างกายเกิน ทำให้มีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เช่น ไมเกรนเส้นเลือดสมองอุดตัน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจอุดตัน ความดันในปอดสูง เส้นเลือดดำอุดตัน

“หากไขมันเกาะตับ จะทำให้ตับที่ทำหน้าที่ทำลายสารพิษเสียไป จึงมีสารพิษสะสมในร่างกายมากขึ้น เป็นจุดตั้งต้นของอีกสารพัดโรค หากมีภาวะไขมันสะสมในช่องท้องก็ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อม ซีสต์ในรังไข่ รวมทั้งระบบปัสสาวะผิดปกติ”

นอกจากนี้ โรคอ้วนยังอาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งได้แพทย์หญิงกัญชนา ง้าวสุวรรณ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า

“โรคอ้วนอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ เช่นมะเร็งเต้านมในผู้หญิง มะเร็งลำไส้ในผู้หญิงและผู้ชาย มะเร็งตับอ่อน มะเร็งไต เป็นต้น

“เนื่องจากเมื่อร่างกายมีไขมันเกินจะไปรบกวนการทำงานของฮอร์โมนต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งในอวัยวะส่วนต่างๆ ทั่วร่างกายได้นั่นเอง”

เมื่อคุณหมอทั้งสองอธิบายจบ ผู้ที่มาเข้าร่วมงานนับร้อยคนต่างถอนหายใจ เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วนแล้วทั้งสิ้น มีตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น คนทำงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ สะท้อนให้เห็นว่า โรคอ้วนเป็นปัญหาสุขภาพร้ายแรงของสังคมไทย

คุณหมอสุเทพเล่าต่อว่า

“ในระยะสิบปีที่ผ่านมา พบว่า มีผู้ป่วยโรคอ้วนเพิ่มขึ้นทั้งเพศหญิงและชาย ทุกกลุ่มอายุ โดยผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) หรือค่าบีเอ็มไอ (BMI) มากกว่า 30 จะมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ และความเสี่ยงในการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นตามค่าบีเอ็มไอ

“จะเห็นได้ว่า ถ้าเราสามารถหยุดโรคอ้วนได้ โรคต่างๆ และอุบัติการณ์การเสียชีวิตก็ลดลง ซึ่งจะช่วยลดภาระต่างๆ ให้ครอบครัวและสังคม เพราะโรคแทรกทุกโรคต้องใช้ยาหรือวิธีการรักษาทั้งหมด ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มีมูลค่าสูงมากจริงๆ”

อ้วน, โรคอ้วน, น้ำหนักเกิน, ลดความอ้วน, ลดน้ำหนัก
ความอ้วน เป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง ไมเกรน เส้นเลือดสมองอุดดัน เบาหวาน และอื่นๆ

ตัวช่วยคนอยากลดน้ำหนัก

ดังนั้นเมื่อรู้ตัวว่าเริ่มมีภาวะอ้วนแล้ว เราต้องรีบแก้ไข โดยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ซึ่งคุณหมอกัญชนาแนะนำว่า

“การกิน ไม่แนะนำให้อดอาหาร แต่ใช้หลักกินอาหารคุณภาพตามหลัก ‘หนักเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น เว้นดึก’ แทน รวมทั้งควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 50 นาที หรือปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม

“นอกจากนี้ต้องรู้จักผ่อนคลายความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อยากกินอาหารจุบจิบตลอดเวลา จนทำให้น้ำหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว”

ส่วนคุณปิ๊ก หลังจากเข้ารับการรักษาโรคอ้วนจนทำให้น้ำหนักลดลงจาก 350 กิโลกรัม เหลือเพียง 90 กิโลกรัม แนะนำว่า

“ตอนเป็นโรคอ้วนทรมานมากค่ะ จึงไม่อยากให้ตัวเองกลับมาป่วย ตอนนี้จึงรู้จักเลือกกินอาหาร เมื่อก่อนจะชอบกินผลไม้หวานๆ ก็เลิก หันมากินผลไม้ไม่หวาน เช่น แอ๊ปเปิ้ลเขียวหรือฝรั่งแทนและลดปริมาณอาหารจำพวกแป้ง ของหวาน ของมันลง ซึ่งช่วยคงน้ำหนักตัวไม่ให้เพิ่มขึ้นได้ และโรคแทรกซ้อนทั้งหลายก็หายไปเกือบจะเป็นปกติ”

เห็นผลเสียต่อสุขภาพขนาดนี้ ดังนั้นหากใครกำลังเข้าข่ายมีน้ำหนักเกิน ลุกมาปฏิวัติตัวเองด่วน ก่อนจะต้องเข้ารับการรักษาซึ่งทำให้ทั้งเสียเวลา เสียทรัพย์ และเสียสุขภาพจิต

 

จาก คอลัมน์ Healthy Lifestyle นิตยสารชีวจิต ฉบับ 328


บทความน่าสนใจอื่นๆ

10 สูตรเด็ดอำลา ความอ้วน

คู่มือป้องกันอ้วน เฉพาะวัย ทำตามง่าย ได้ผลจริง

คู่มือสยบ 8 โรค แถมจาก ความอ้วน

ติดตาม ชีวจิต ในช่องทางต่างๆ ได้ที่

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.