10 พันธุ์ อาโวกาโด ที่ปลูกในประเทศไทย
ปัจจุบันได้มีการนำพันธุ์ อาโวกาโด จากต่างประเทศ มาปลูกคัดเลือกพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตาก (สถานีทดลองพืชสวนดอยมูเซอ) โดยใช้หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกพันธุ์ ให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด คือ เนื้อเหนียว ไม่มีเส้นใย เนื้อมาก รสชาติดี ให้ผลผลิตสูง มีความต้านทานต่อโรค และเป็นพันธุ์ที่ติดผลสม่ำเสมอ
- พันธุ์แฮสส์ (Hass) ลำต้นตั้งตรง ทรงพุ่มสม่ำเสมอ ปลายใบแหลม ( very acute) อยู่ในเผ่ากัวเตมาลัน เป็นพันธุ์ที่ให้ผลดกและสม่ำเสมอ รูปร่างผลเป็นรูปไข่กลับ (obovate) ผิวขรุขระมาก เมื่อแก่ผิวของผลมีสีเขียวเข้ม ผลสุกมีสีดำออกม่วงรสชาติดี เนื้อเหนียวไม่มีเส้นใย สีของเนื้อมีสีเหลืองเข้ม เมล็ดมีขนาดเล็ก น้ำหนักผลตั้งแต่ 150-250 กรัม โดยทั่วไปเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเดือนตุลาคม -ธันวาคม อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 9-10 เดือน
- พันธุ์อานาฮิม (Anaheim) ลำต้นตั้งตรง ทรงพุ่มสม่ำเสมอ ปลายใบแหลม (acute) อยู่ในเผ่ากัวเตมาลัน เป็นพันธุ์ที่ให้ผลดกและสม่ำเสมอ รูปร่างผลเป็นรูปไข่กลับ ผิวขรุขระเล็กน้อย เมื่อแก่ผิวของผลมีสีเขียวเข้ม ผลสุกมีสีม่วง รสชาติดี ไม่มีเส้นใย สีของเนื้อมีสีเหลืองอ่อน น้ำหนักผลตั้งแต่ 200-350 กรัม โดยทั่วไปเก็บเกี่ยวผลผลิตช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 6-7 เดือน
- พันธุ์ปีเตอร์สัน (Peterson) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลันกับเผ่าเวสต์อินเดียน ลำต้นตั้งตรงไม่สูง ทรงพุ่มหนาทึบ ใบเขียวเข้ม ปลายใบแหลมปานกลาง (intermediate) เป็นพันธุ์ที่ให้ผลดก รูปร่างผลคล้ายทรงกลม (spheroid) ผิว 10 เรียบ เมื่อแก่ผิวของผลมีสีเขียว ผลสุกไม่เปลี่ยนสี ไม่มีเส้นใย สีของเนื้อมีสีเหลืองอ่อนผลมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง น้ าหนักผลประมาณ 200-300 กรัม โดยทั่วไปเก็บเกี่ยว ผลผลิตช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 5-6 เดือน
- พันธุ์ดุ๊ก (Duke) เป็นพันธุ์ที่อยู่ในเผ่าเม็กซิกัน ใบมีกลิ่นเหม็น เป็นพันธุ์ที่ ค่อนข้างทนทานต่อโรครากเน่าที่เกิดจากเชื้อไฟทอปธอรา ทรงพุ่มแพร่กระจายกว้าง ปานกลาง ลำต้นแข็งแรง ผลรูปผิวของผลมีสีเขียวเรียบเป็นมัน ผลสุกมีสีม่วง ผล ขนาดเล็ก 60-100 กรัม เนื้อสีเหลืองซีด เปลือกบาง เมล็ดมีขนาดเล็กเมล็ดอยู่ในช่อง เมล็ดแน่น ผลแก่จัดจะร่วง ระยะการเก็บเกี่ยวผลในช่วงเดือนพฤษภาคม -เดือนมิถุนายน เป็นพันธุ์ที่ทนทานต่อดินฟ้าอากาศ แต่การขนส่งไม่ดีเพราะว่าเปลือกบาง
- บูช 7 (Booth-7) เป็นลูกผสมระหว่างเผ่ากัวเตมาลันและเวสต์อินเดียน ผลค่อนข้างกลม ผลขนาดกลาง น้ำหนักผลประมาณ 300-500 กรัม เนื้อสีเหลืองปนเขียว เมล็ดขนาดใหญ่ติดอยู่ในโพรงเมล็ดแน่น ช่วงเก็บเกี่ยวผลในเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ให้ผลดก ติดผลเกือบทุกปี พุ่มแผ่กว้าง
- บูช 8 (Booth-8) ผลรูปไข่ ขนาดผลมีขนาดกลาง น้ าหนักประมาณ 240-400 กรัม ผิวขรุขระสีเขียว เปลือกหนา เนื้อสีครีมอ่อน รสชาติพอใช้ มีไขมัน 6-12เปอร์เซ็นต์ เมล็ดมีขนาดกลางถึงใหญ่ อยู่ในช่องเมล็ดแน่น เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม
-
พันธุ์อาโวคาโดในปัจจุบัน ส่วนมากนำมาจากต่างประเทศ มีเนื้อเหนียว ไม่มีเส้นใย เนื้อมาก รสชาติดี - เฟอร์เออเต้ (Fuerte) เป็นลูกผสมเผ่ากัวเตมาลันกับเม็กซิกัน ผลมีขนาดเล็กถึงขนาดกลาง น้ าหนักประมาณ 200-350 กรัม ผลรูปไข่สีเขียว ผิวขรุขระเล็กน้อย เนื้อสีเหลืองครีม เมล็ดขนาดกลาง ช่วงเก็บเกี่ยวเดือนกรกฎาคม – มกราคมสายต้นมูเซอ 31 อยู่ในเผ่ากัวเตมาลา ผลรูปไข่สีเขียว ผิวขรุขระเล็กน้อยเนื้อสีเหลือง น้ำหนักผลประมาณ 200-300 กรัม ช่วงเก็บเกี่ยวคือเดือนกันยายน -เดือนตุลาคม
- สายต้นมูเซอ31 อยู่ในเผ่ากัวเตมาลา ผลรูปไข่สีเขียว ผิวขรุขระเล็กน้อย เนื้อสีเหลือง น้ำหนักผลประมาณ 200-300 กรัม ช่วงเก็บเกี่ยวคือเดือนกันยายน – เดือนตุลาคม
- สายต้นมูเซอ 241 ผลรูปไข่ ผิวเรียบสีม่วงปนเขียว มีจุดประสีเหลืองอ่อนทั่ว ทั้งผล ผลสุกมีสีม่วงแดง เนื้อสีเหลือง ผลแก่จัดจะร่วง ขั้วจะเปลี่ยนสีเหลืองเมื่อผลแก่ ข้อดีคือ เนื้อเหนียว เปอร์เซ็นต์เนื้อมาก รสชาติดี น้ำหนักผลประมาณ 150-370 กรัม อายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 6 เดือน ช่วงเก็บเกี่ยวคือเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
- สายต้นมูเซอ 320 ให้ผลผลิตสูง ติดผลดก ผลรูปไข่กลับ ( obovate) ผิว เรียบสีเขียว ผลสุกมีสีม่วง น้ำหนักผลประมาณ 250-440 กรัม เนื้อสีเหลือง ผลแก่จะ สังเกตเห็นขั้วของผลเป็นสีเหลือง ช่วงเก็บเกี่ยวคือเดือนสิงหาคม-กันยายน
โดยพันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้าในปัจจุบันส่วนมากเป็นพันธุ์ที่นำมาจากต่างประเทศและปรับตัวเข้ากับประเทศไทยได้ดี และบางส่วนเป็นพันธุ์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรตากได้พัฒนาและคัดเลือกไว้
ไม่เพียงเท่านี้เรายังไปเสาะหาผล อาโวคาโด ที่มีรสชาติดีที่สุดมาให้คุณผู้อ่านได้ลิ้มลองกันด้วยนะ
