ผักพื้นบ้านฮอร์โมนธรรมชาติ
นอกจากดื่มน้ำคั้นแล้ว คุณก็อตยังศึกษาเรื่องการกินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน ฤทธิ์เย็น และเลือกกินอาหารทดแทนฮอร์โมนเอสโทรเจนชนิดอื่นๆ ด้วย
“อาหารทดแทนฮอร์โมนเอสโทรเจนและมีฤทธิ์เย็นที่ดื่มประจำคือ น้ำมะพร้าว แต่ไม่ดื่มมากจนเกินไป และไม่กินอาหารที่มีฤทธิ์ร้อนบ่อยๆ เช่นอาหารไขมันต่างๆ โดยเฉพาะของทอด เพราะตัวเราเองค่อนข้างมีความร้อนเป็นพื้นอยู่แล้ว นอกจากนี้ ก็จะกินสมุนไพรสดๆ คือ เด็ดกินจากต้นเลยเพื่อให้ร่างกายได้รับเอนไซม์จากพืช จะกินอยู่ 2 ชนิด คือ กะสังกับพิลังกาสา
“นอกจากนี้เพื่อเสริมความแข็งแรงของกระดูกและเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ก็จะกินใบมะกรูด ซึ่งเป็นใบไม้ฤทธิ์ร้อนและมีแคลเซียมสูง นำมาคั่วให้กรอบ จากนั้นนำใบมะกรูดมาตำเป็นผงหยาบๆ โรยข้าวหรือกับข้าวก็อร่อย
“ท้ายสุดที่ขาดไม่ได้สำหรับการดูแลตัวเองในวัยฮอร์โมนเพศลดลง คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่หักโหม สำหรับตัวเอง เลือกโยคะช่วงเช้าด้วยท่าสุริยะนมัสการวันละ 3 – 6 รอบก็รู้สึกว่าสุขภาพโดยรวมดีและช่วยเรื่องผิวพรรณไม่ให้หย่อนคล้อยได้ดีเยี่ยม”
แพทย์แผนไทยตัวช่วยฮอร์โมนดี
จากประสบการณ์ตรงของคุณก็อตที่ประสบความสำเร็จในการใช้สมุนไพรดูแลสุขภาพโดยไม่ต้องพึ่งพาฮอร์โมนทดแทน คุณไพวัลย์ โคศรีสุทธิ์ แพทย์แผนไทยปฏิบัติการ โรงพยาบาลกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ได้อธิบายคุณประโยชน์ของสมุนไพรว่า
“เรื่องสมุนไพรกับฮอร์โมนอธิบายได้ในเรื่องของสรรพคุณการเป็นยารสเย็น รสร้อน และรสสุขุม ส่วนฮอร์โมนแพทย์แผนไทยจัดอยู่ในธาตุลมกองละเอียด
“อาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืน เป็นตะคริวเหนื่อยง่าย เป็นอาการของธาตุลมและธาตุไฟที่ไม่สมดุล เพราะในช่วงที่อายุมากขึ้น ฮอร์โมนเพศลดลง ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงจากธาตุไฟเป็นธาตุลมอย่างสมบูรณ์ พอธาตุเปลี่ยน ร่างกายจะตอบสนองด้วยอาการต่างๆ ตามมา อยู่ที่ว่าก่อนหน้านี้เราสะสมธาตุอะไรไว้มาก
“อย่างบางคนสะสมธาตุไฟไว้มากจากการเป็นคนเครียดง่าย ดื่มน้ำเย็นบ่อย เพราะการดื่มน้ำเย็นจะดับความร้อนช่วงที่ดื่มเท่านั้น แต่อีก 1 – 2 ชั่วโมงต่อมาหรือบางคนภายใน 10 - 20 นาที ก็จะเกิดความร้อนสะสมในร่างกาย”
คุณไพวัลย์อธิบายต่อว่า การกินสมุนไพรที่ถูกต้องจะช่วยลดอาการได้ สมุนไพรรสสุขุมและรสเย็นสามารถปรับความสมดุลของร่างกาย โดยสมุนไพร 10 ชนิด (สูตรคุณก็อต) มีสรรพคุณเป็นยารสเย็น มีคุณสมบัติเด่นแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่ม 1
มีสรรพคุณปรับระบบไหลเวียนโลหิตให้สมดุล ได้แก่ ว่านกาบหอย และน้ำนมราชสีห์
กลุ่ม 2
มีสรรพคุณปรับอุณหภูมิของเลือดและอวัยวะภายในร่างกาย ได้แก่ ใบย่านาง ใบเตย เครือหมาน้อย อ่อมแซ่บ (หรือเบญจรงค์ 5 สี หรือตำลึงหวาน) หญ้าม้า และเสลดพังพอนตัวเมีย
กลุ่ม 3
มีสรรพคุณช่วยปรับฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโต และช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ได้แก่ วอร์เตอร์เครสและหยวกกล้วย
ส่วนสมุนไพรที่กินใบสด เช่น กะสัง เป็นสมุนไพรรสเย็น ช่วยปรับอุณหภูมิภายในร่างกาย พิลังกาสา ช่วยบำรุงและเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
คุณไพวัลย์ยังได้ฝากเคล็ดลับการกินในวัยเลือดจะไปลมจะมาตามหลักแพทย์แผนไทยไว้ว่า
“คนที่กำลังจะหมดประจำเดือนควรกินอาหารบำรุงธาตุเดิมของตนไว้ก่อน เช่นเป็นคนธาตุไฟก็ควรกินอาหารบำรุงธาตุไฟ การกินอาหารบำรุงธาตุไฟไม่ได้หมายความว่ากินเพื่อเพิ่มธาตุไฟ แต่เป็นการปรับธาตุไฟให้เข้าสู่วัยแห่งธาตุลมอย่างสมบูรณ์
“นั่นคือ กินอาหารรสเผ็ดร้อนสลับกับอาหารรสสุขุมและอาหารรสเย็น เพื่อให้ร่างกายพร้อมที่จะรับความผิดปกติของบางอาการ เช่น วันนี้ฮอร์โมนแปรปรวนทำให้ร่างกายร้อนขึ้นมาก ก็ควรกินอาหารรสสุขุม รสเย็น จะช่วยลดอาการได้อาหารรสเย็นและรสสุขุม เช่น แกงอ่อม อาหารที่ใส่ผักเยอะๆ ใส่ผักหลายๆ ชนิดแต่ไม่ถึงกับขมมาก”
นอกจากนี้คุณไพวัลย์ยังฝากทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า การกินสมุนไพรหรือน้ำคั้นไม่ควรกินติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรหยุดกินเพื่อให้ร่างกายได้พัก แล้วค่อยกลับมากินต่อ ที่สำคัญ ต้องสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ ของร่างกายประกอบด้วย
นี่คือตัวอย่างของการเป็นหมอที่ดีที่สุดให้ตัวเอง รู้จักฟังเสียงตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างฉลาด และแนบชิดกับธรรมชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
จะใช้ฮอร์โมนหรือไม่ คุณเลือกได้…
จาก คอลัมน์เรื่องพิเศษ นิตยสารชีวจิต ฉบับ 380
บทความน่าสนใจอื่นๆ
เทคนิคกินวิตามินสำหรับสาววัยทอง วัยหมดประจำเดือน