เซลลูไลต์ ผิวเปลือกส้ม

คู่มือสลาย เซลลูไลต์ ฉบับสมบูรณ์

เทคนิคกำราบเซลลูไลต์ให้อยู่หมัดด้วย 4 วิธี ดังนี้

1  กินปราบเซลลูไลต์

การจะกำจัดเซลลูไลต์ได้ อันดับแรกต้องเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมการกินค่ะ

แคซีย์ แมคลูสกีย์ (Casey McCluskey) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ผู้ก่อตั้ง Weight Loss Blueprint ให้ข้อมูลว่า ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเป็นกรดเล็กน้อยซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ได้แก่ พวกเนื้อสัตว์ ไข่ แป้งขัดขาว ไขมัน ของหวาน ชา กาแฟ แอลกอฮอล์ของหมักดอง และผงชูรส

แนะนำให้กินอาหารสะอาด สดใหม่ ที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปและมีความเป็นด่างเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น เนื้อปลา ผักและผลไม้ เนื่องจากร่างกายจะสามารถขจัดสารพิษและของเสียได้ดี หากเลือดอยู่ในภาวะเป็นด่างเล็กน้อย

เราจึงมีอาหาร ผักและผลไม้ปราบเซลลูไลต์ มาแนะนำดังนี้

1. ใบบัวบก มีคุณสมบัติดีเยี่ยม ในการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว ซึ่งจะช่วยลดปริมาณเซลลูไลต์ให้น้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ขจัดพิษตกค้าง รักษาแผลและอาการช้ำ

เราสามารถซื้อใบบัวบกสดๆ จากตลาดมาทำน้ำใบบัวบกดื่มเองได้ หรือกินสดๆ เป็นผักจิ้มน้ำพริกถือเป็นมื้อสุขภาพที่อร่อยและได้ประโยชน์มากทีเดียว

2. เมล็ดลินินหรือแฟลกซ์ซีด (Flaxseed) ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนเอสโทรเจนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวหนังแข็งแรงหนานุ่มขึ้น จึงลดเลือนการมองเห็นเซลลูไลต์ให้น้อยลง

แนะนำให้กินเปล่าๆ หรือโรยในอาหารเช้า เช่น โจ๊ก ข้าวกล้องโยเกิร์ตซีเรียล ปริมาณครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ

เมล็ดลินิน หรือแฟลกซ์ซีด กำจัดเซลลูไลต์
กินเมล็ดลินิน หรือแฟลกซ์ซีด ช่วยลดเลือนการมองเห็นเซลลูไลต์

3. เมล็ดทานตะวัน เรเนีย บาทายเนห์ (Rania Batayneh) ผู้เขียนหนังสือ The One One One Diet กล่าวว่า

เมล็ดทานตะวันอุดมไปด้วยวิตามินอี โพแทสเซียม สังกะสี และวิตามินบี 6 ซึ่งช่วยให้ร่างกายสร้างโปรตีนเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและซ่อมแซมเนื้อเยื่อต่างๆ ได้ รวมถึงช่วยกำจัดไขมันได้ดีขึ้นด้วย          4. สาหร่ายทะเลสีน้ำตาลหรือเคลป์ (Kelp) พบสารคลอโรฟิลล์และสารออกฤทธิ์บางชนิดในสาหร่ายสีน้ำตาลและผักใบเขียว ซึ่งช่วยให้ร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น จึงช่วยลดน้ำหนักและเซลลูไลต์ได้

เราอาจซื้อสาหร่ายแบบแห้งมาใส่ในซุปมิโซะหรือใส่สลัดก็ได้

5. ปลาแซลมอน อุดมไปด้วยสารแอนติออกซิแดนต์ซึ่งมีคุณ-ประโยชน์ช่วยขจัดไขมัน คุณโจชัว ซิชเนอร์ (Joshua Zeichner)ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยคลินิกด้านผิวหนังและเครื่องสำอาง โรงพยาบาลเมาท์ซินายแห่งนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า

ปลาแซลมอนมีกรดไขมันโอเมก้า - 3 มีคุณสมบัติช่วยลดความหิวแก้อักเสบ ซ่อมแซม และสร้างความแข็งแรงให้แก่เซลล์ผิวหนังลดการสร้างสารพิษในเลือดและช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

6. พริก มีวิตามินบี 6 ช่วยฟื้นฟูการทำงานของเนื้อเยื่อและช่วยป้องกันไม่ให้เกิดผิวเปลือกส้ม นอกจากนี้ยังพบสารแคปไซซิน(Capsaicin) ซึ่งช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญพลังงานให้เพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์

พบว่า หลังจากกินพริกไปราว 3 ชั่วโมง ร่างกายจะสามารถเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน กำจัดไขมันในร่างกายได้ จึงช่วยให้การไหลเวียนโลหิตและขจัดสารพิษดีขึ้น

พริก ป้องกันผิวเปลือกส้ม
พริก มีวิตาวินบี 6 ช่วยลดการเกิดผิวเปลือกส้ม

7. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่สีเข้ม เช่น บลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ซึ่งมีสารแอนติออกซิแดนต์ปริมาณสูง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ช่วยขจัดไขมันที่ติดอยู่กับเซลล์ผิวหนังจึงช่วยลดการเกิดรอยบุ๋มหรือผิวเปลือกส้มได้

8. ชาเขียวและชาสมุนไพร เช่น แดนดิไลออน ขิง มีสารอีจีซีจี(EGCG - Epigallocatechin gallate) ที่มีคุณสมบัติช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญพลังงานและไขมันภายในร่างกาย ช่วยหยุดการขยายตัวของเซลล์ไขมันอันเป็นสาเหตุของเซลลูไลต์

นอกจากนี้ คาร์ลีน คาร์สต์ (Karlene Karst) โภชนากรแห่งมหาวิทยาลัยแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ยังบอกอีกว่า กาเฟอีนปริมาณน้อยในชาเขียวช่วยขับสารพิษและลดขนาดเซลล์ไขมันให้เล็กลงได้

9. น้ำมันมะกอก แน่นอนว่าการกินไขมันในปริมาณมากทำให้อ้วนแต่ไขมันใช่จะร้ายไปเสียทั้งหมด การใช้น้ำมันมะกอกปริมาณพอเหมาะปรุงอาหารโดยใช้ความร้อนต่ำ หรือใช้ทำน้ำสลัดนั้นมีประโยชน์มาก

เนื่องจากในน้ำมันมะกอกมีสารพอลิฟีนอล ซึ่งช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานเป็นปกติ โดยต่อมไทรอยด์มีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นการเผาผลาญพลังงานภายในร่างกาย ช่วยกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างเซลล์ให้หนาขึ้น และช่วยลดการขยายตัวของเซลล์ไขมัน

 

 

 

 

<< อ่านต่อหน้าที่ 4 >>

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.