6 Ways ดูแลตับกำราบเอสแอลอี
เนื่องจากตับเป็นต้นเหตุแห่งการเกิดโรค หากเราคิดว่าตนเองมีความเสี่ยง โดยเฉพาะมีเครือญาติเป็นโรคดังกล่าว หรือมีอาการข้างต้นแพทย์แผนไทยคมสันได้แนะนำอาหารและวิธีการปฏิบัติตัวเพื่อเยียวยา และป้องกันโรคเอสแอลอีไว้ดังนี้
- ไม่กินอาหารมัน ไม่ว่าจะเป็นของทอดหรืออาหารฟาสต์ฟู้ดซึ่งมีไขมันสูง แนะนำให้กินอาหารที่ปรุงด้วยการต้ม ยำ แกงเท่านั้น เพราะตับทำหน้าที่ผลิตน้ำมันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องกินน้ำมันเพิ่มเข้าไปอีกเพราะจะทำให้มีโอกาสเกิดภาวะไขมันพอกตับได้
- ไม่ดื่มเหล้าและกินยาเกินความจำเป็น การดื่มเหล้าและกินยาเกินความจำเป็นส่งผลให้ตับทำงานหนัก จึงไม่ควรดื่มเหล้า และกินยาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อถนอมตับให้ทำงานได้นานขึ้น
- กินพืชผักและยารสขม เมื่อร่างกายเกิดความร้อนภายใน ให้นำผักรสขม เช่น สะเดา มะระ ขี้เหล็ก มาปรุงเป็นอาหาร หรือกินยาขมซึ่งมีจำหน่ายตามร้านขายยาแผนโบราณทั่วไป สัปดาห์ละ 3 - 4 ครั้ง
- ผ่อนร้อนให้ตับบ้าง เมื่อร่างกายเกิดความร้อนภายใน แนะนำให้กินยาเขียว สมุนไพรฟ้าทลายโจร ดื่มน้ำสมุนไพรสีเขียว เช่นน้ำใบบัวบก น้ำใบย่านาง เป็นต้น หากร่างกายเย็นลงแล้วให้หยุดกินหรือดื่มทันที มิฉะนั้นจะส่งผลเสียต่อตับ
- เข้านอนแต่หัวค่ำ ช่วงเวลา 22.00 น. - 2.00 น. เป็นเวลาที่ตับเริ่มจ่ายความร้อน (กำเดา) ออกมาทำให้เลือดไม่เย็นและเกิดความหนืดจึงเป็นเวลาที่เราควรนอนหลับ ไม่ควรทำกิจกรรมอย่างอื่น มิฉะนั้นจะเกิดความหิว แต่การกินอาหารตอนกลางคืนจะทำให้ตับต้องผลิตน้ำดีออกมาย่อยอาหาร และระบบย่อยอาหารจะส่งไขมันกลับไปพอกที่ตับ
- ดื่มน้ำกระสายยากล่อมตับ โดยมีสูตรและวิธีดื่มดังนี้
ตัวยา ใช้นมผักกระเฉด (ที่เราทิ้งกัน) ใบบัวบก (แห้งหรือสดก็ได้) รากบัวไทยลูกใต้ใบ ใบย่านาง ลูกสมอไทย ลูกสมอพิเภก และลูกมะขามป้อม ในอัตราส่วนที่เท่ากัน ซึ่งมีตามร้านขายยาแผนโบราณทั่วไป พร้อมทั้งน้ำสะอาดปริมาณท่วมตัวยา
วิธีทำ ต้มน้ำให้เดือด แล้วหรี่ไฟ ใส่ตัวยาทั้งหมดลงไป ต้มต่ออีก 30 นาทียกลง กรองเฉพาะน้ำ จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟใหม่ ใส่น้ำตาลกรวดลงไปเล็กน้อย (พอให้ออกรสหวาน) คนให้น้ำตาลละลาย ยกลง ตั้งทิ้งไว้ให้คลายความร้อน แล้วใส่น้ำใบเตยคั้นและน้ำมะนาวตามชอบ จะได้น้ำกระสายยาสีเขียวกลิ่นหอม รสเปรี้ยวหวานอร่อย
วิธีดื่ม ดื่มอุ่นๆ วันละ 2 แก้ว ติดต่อกัน 1 สัปดาห์ แล้วหยุด 1 สัปดาห์ จึงดื่มต่อได้ สลับกันไป
