2. เมื่อเห็นสาเหตุชัดเจนแล้ว ให้ทำความเข้าใจปัญหานั้น จะช่วยให้แก้ไขปัญหาได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ถ้าปัญหาทำให้หนักอกหนักใจมากจนแน่นอกไปหมด อาจหาใครสักคนที่เรารัก เช่น เพื่อนหรือคนในครอบครัว มาช่วยรับฟัง เพราะการได้ระบายปัญหาที่หนักอกหนักใจออกไป บ้าง จะช่วยลดความกดดัน และความหนักใจจะลดลงไปได้ มาก หลายคนเมื่อได้ระบายปัญหาออกไปแล้วจะรู้สึกว่าจิตใจ โล่งโปร่งสบายมากขึ้น ทำให้มองเห็นทางออกของปัญหาได้ดีขึ้น
4. ไตร่ตรองปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามีอะไรบ้าง โดยมีแนวทางดังนี้
– เขียนปัญหาทั้งหมดลงกระดาษ การเขียนจะช่วยให้มองเห็นปัญหา และแนวทางแก้ไขได้ชัดเจนขึ้นเป็นระบบมากขึ้นมากกว่าการคิดวนเวียน อยู่ในหัว ซึ่งยิ่งคิดจะยิ่งเพิ่มความยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีก
– ไตร่ตรองดูว่าปัญหาไหนแก้ไขได้ก็ให้หาทางออกให้เต็มที่ เขียน ทางแก้ทุกทางออกมาให้มากที่สุด
– ส่วนปัญหาไหนที่แก้ไขไม่ได้แล้วจริงๆ ควรฝึก “ยอมรับ” เพราะ เป็นหนทางที่ดีที่สุด การยอมรับช่วยให้ใจสงบขึ้นได้มากกว่าการไม่ยอมรับ ใจที่สงบขึ้นเป็นใจที่มีคุณภาพดี มีประสิทธิภาพสูง ที่จะช่วยหาทางออกของ ปัญหาต่าง ๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้น
5. ฝึกผ่อนคลายร่างกายตนเอง เช่น การนั่งสบายๆ หายใจเข้า – ออก ช้าๆ สบายๆ หรือการฟังเพลงบรรเลงที่ทำให้จิตใจสงบสบาย ผ่อนคลาย หรือการนึกภาพธรรมชาติที่ทำให้ใจสงบสบาย เป็นต้น
การผ่อนคลายร่างกายทุกวัน อย่างน้อยวันละ 5 นาที จะช่วยให้ จิตใจผ่อนคลายได้ง่ายขึ้น แถมเป็นการชาร์จแบตให้กับร่างกายและจิตใจ ตนเองได้อย่างดีเลยค่ะ เพื่อจะได้พร้อมกลับไปใช้ชีวิตในวันต่อไป
จาก คอลัมน์ MIND UPDATE นิตยสารชีวจิต ฉบับ 466
บทความน่าสนใจอื่นๆ
3 วิธี “ลดเครียด” ของเวิร์คกิ้งวูแมน
เคล็ดลับลดเครียด เมื่อที่ทำงานไม่รื่นรมย์