น้ำมันมะพร้าว ลดน้ำหนัก ป้องกันอัลไซเมอร์ บำรุงเส้นผม

มหัศจรรย์ น้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพ

สำหรับคนโบราณแล้ว น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ต้องได้มาจากมะพร้าวที่แก่คาต้น และหล่นลงมาเอง เพราะนั่นหมายความว่าเนื้อในของมะพร้าวได้แห้งสนิท ไม่มี น้ำมะพร้าวหลงเหลืออยู่ เนื้อมะพร้าวแห้งหนึ่งผลสามารถสกัดน้ำมันมะพร้าว บริสุทธิ์ออกมาได้เพียง 20 – 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งในทางอายุรเวทถือว่าน้ำมัน มะพร้าวจากมะพร้าวที่แก่คาต้นนี้เป็นน้ำมันที่มีสรรพคุณทางยาที่ดีที่สุด

แต่ในปัจจุบันเรามีน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นที่สามารถคงคุณค่าสารอาหารตาม ธรรมชาติของน้ำมันมะพร้าวไว้ได้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วยการสกัดเย็น (Cold Pressed) ที่ไม่ใช้สารเคมีและความร้อนในการผลิต ทำให้ได้น้ำมันมะพร้าวที่มีความบริสุทธิ์ ใส มีกลิ่นหอม และมีอายุนานเป็นปีโดยไม่เสื่อมคุณภาพ

น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริก (Lauric Acid) ที่มีคุณสมบัติเหมือนกับสารอาหาร ที่มีอยู่ในน้ำนมแม่สูงถึง 50 – 53 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นสาร โมโนลอรินซึ่งเป็นสารปฏิชีวนะตามธรรมชาติ นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังมีโปรตีน แคลเซียม โซเดียม โพแทสเซียมในปริมาณสูง

น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ให้กรดไขมันความยาวขนาดกลาง (Shot and Medium- Chain Fatty Acids) ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะมีปฏิกิริยาคล้ายน้ำตาล คือถูกส่งผ่าน กระแสเลือดโดยตรง จึงเข้าสู่เซลล์และสลายตัวได้เร็ว มีส่วนช่วยกระตุ้นการ เผาผลาญอาหารในร่างกาย จนเป็นที่มาของสูตร Coconut Diet หลากหลายสูตรที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก

 

น้ำมันมะพร้าว ลดน้ำหนัก
กินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น กับอาหารแบบโลว์คาร์บ ช่วยลดน้ำหนักได้

ลดน้ำหนักด้วยน้ำมันมะพร้าว

การกินน้ำมันมะพร้าวเพื่อลดความอ้วนได้รับการ จุดประกายจากแนวคิดของแอตกินส์ ไดเอต (Atkins Diet) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ดาราฮอลลีวู้ด เช่น เจนนิเฟอร์ อนิสตัน

ทฤษฎีแอตกินส์แนะนำให้กินน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ควบคู่กับอาหารแบบโลว์คาร์บ ซึ่งเป็นอาหารที่มีคาร์โบ- ไฮเดรตต่ำ โดยอาจนำมาผสมกับสมู้ตที น้ำสลัด หรือ ซอส วันละ 2 – 3 ช้อนโต๊ะ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกราช เกตวัลห์ สถาบัน โภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลไว้ว่า

“ตัวน้ำมันมะพร้าวเองนั้นเป็นไขมันมีกรดไขมันสาย ปานกลางจึงย่อยได้ง่าย ซึ่งอาจย่อยได้ที่กระเพาะอาหาร ลำไส้ และดูดซึมที่ลำไส้เล็ก นอกจากนี้ยังมีข้อดีที่ เผาผลาญเป็นพลังงานได้เร็ว จึงเกิดการสะสมของกรดไขมัน ในร่างกายได้น้อยกว่ากรดไขมันที่มีโมเลกุลสายยาว”

อย่างไรก็ตาม ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม โดย เมื่อรวมกับน้ำมันและไขมันในอาหารชนิดอื่นๆ ต้องไม่เกิน วันละ 3 – 4 ช้อนโต๊ะ

 

ตัวอย่างตารางอาหาร Coconut Diet

อาหารเช้า ไข่ + เบคอน + สลัดผักน้ำใสผสมน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ

อาหารว่าง ถั่วแมคาเดเมีย 6 เม็ด

อาหารกลางวัน สลัดผักโขม + พายถั่วและอะโวคาโด

อาหารว่าง ถั่วอัลมอนด์อบ 12 เม็ด

อาหารเย็น ข้าวกล้อง + ปลาย่าง + สลัดน้ำใสผสมน้ำมันมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ

 

 

 

<< อ่านต่อหน้าที่ 3 >>

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.