โรคมะเร็งตับอ่อน,โรคมะเร็ง

เรื่องเล่าจากหมอ โรคมะเร็งตับอ่อน ภัยร้ายไม่คาดคิด (2)

โรคมะเร็งตับอ่อน ภัยร้ายไม่คาดคิด (ตอนจบ)

บทความในตอนนี้ จะเป็นบทสรุปของ เรื่องเล่าจากหมอ ตอน โรคมะเร็งตับอ่อน ภัยร้ายไม่คาดคิด ซึ่งคุณหมอชัญวลี ศรีสุโข ได้เขียนไว้แล้วค่ะ

บทเรียนจากมะเร็งตับอ่อน

สตีเวน  พอล  จ็อบส์(สตีฟ  จ็อบส์)  อดีต ประธานและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังเป็นชายอีกคนที่โชคร้ายเป็นมะเร็งตับอ่อน

แม้เขาจะเป็นมะเร็งตับอ่อนที่ต่อมไร้ท่อ ซึ่งทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) ส่งเข้ากระแสเลือด (Islet cell neuroendocrine tumor) ไม่ใช่มะเร็งตับอ่อนที่ต่อมมีท่อชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา (Adenocarcinoma) ซึ่งพบมากกว่าและร้ายกาจมากกว่า แต่ก็ทำให้ถึงแก่ชีวิต ประมาณ 7 ปีหลังจากพบโรคและผ่าตัดรักษา

ว่ากันว่าสตีฟ จ็อบส์จากไปอย่างสงบเพราะเข้าใจหลักธรรมชาติ

โรคมะเร็งตับอ่อน,มะเร็งตับ

ฉันไม่ทราบรายละเอียดโรคของเขา เนื่องจากอยู่ไกลตัว แต่ฉันมีคนใกล้ตัวที่รู้จักคุ้นเคยและเป็นโรคมะเร็งตับอ่อน เธอชื่อชื่น (นามสมมติ) อายุ 45 ปี เป็นพยาบาลที่ทำงานในโรงพยาบาลเดียวกัน

พี่ชื่นเป็นคนเก่งและเป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นๆเนื่องจากพูดเก่ง พูดเพราะ และน้ำเสียงไพเราะจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกหรือพิธีกรทุกงาน

เธอแต่งงานแล้ว และมีลูกชายสองคน หน้าตาสะสวย แต่หุ่นท้วมเล็กน้อย ซึ่งไม่น่าแปลกเพราะเธอเป็นนักชิม ร้านอะไร ตรงไหนอร่อย
พี่ชื่นจะเป็นคนแรกๆที่ไปชิม ทั้งฝีมือทำอาหารก็เยี่ยมยอด จึงมักบ่นเรื่องน้ำหนักของตนเอง ทั้งที่ตอนเป็นสาวมีรูปร่างผอม เอวบาง หุ่นเหมือนนางแบบ

พี่ชื่นเป็นคนอารมณ์ดี ชอบเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร แถมเป็นนักกีฬาเทนนิส ซึ่งน่าทึ่งมาก เพราะเล่นเทนนิสกับคู่หูหนุ่มน้อยได้นานหลายชั่วโมงโดยไม่เหน็ดเหนื่อย

ก่อนเกิดเหตุ หลายคนสังเกตว่า เดี๋ยวเธอก็อ้วน เดี๋ยวเธอก็ผอม เวลาถูกทักว่าผอม พี่ชื่นมักบอกว่าลดน้ำหนักโดยการคุมอาหาร แต่เวลาอ้วนจะบอกว่าไม่รู้เป็นไร กินเท่าเดิม แต่มันอ้วนเอง

ต่อมาเธอเกิดอาการปวดหลัง คิดเอาเองว่าเป็นเพราะยืนมาก เมื่อไปหาหมอกระดูก ก็ได้รับยามาหลายขนาน แต่ไม่ดีขึ้น แม้ไปทำกายภาพบำบัดใส่แผ่นพยุงหลัง อาการก็ยังไม่ดีขึ้น ทำให้เธอโกรธว่าตนเองเป็นนักกีฬา หน็อยแน่ ยังดันมาปวดหลัง จึงหักโหมเล่นเทนนิส บางครั้งเล่นทั้งเช้าทั้งเย็น วันละ 4 ชั่วโมง แต่ยังปวดหลังเหมือนเดิม

ต่อมาพี่ชื่นเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร ท้องอืดร่างกายผ่ายผอมผิดปกติ คราวนี้จึงไปตรวจหาสาเหตุอย่างจริงจัง ผลการตรวจอัลตราซาวนด์
ในช่องท้องไม่พบความผิดปกติ แต่ผลเลือดซีเอ 19-9 (การตรวจวัดค่ามะเร็ง) มีค่าสูงมาก ต้องตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์เพิ่ม นั่นเองแพทย์จึงสงสัยว่ามีสิ่งผิดปกติที่ตับอ่อน

เธอเข้ารับการตรวจโดยการส่องกล้องเข้าไปทางกระเพาะอาหาร ผ่านไปที่ลำไส้เล็ก เพื่อตรวจตับอ่อน เมื่อได้คำวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนแพทย์รักษาโดยการผ่าตัดเปิดช่องท้อง

ผลพบว่า มะเร็งกระจายออกจากตับอ่อนไปทั่วท้องแล้ว การผ่าตัดไม่สามารถตัดมะเร็งออกหมดแพทย์จึงตัดตับอ่อนบางส่วน แล้วฉายแสง (รังสี-บำบัด) และให้เคมีบำบัดต่อ

อาการเดี๋ยวอ้วนเดี๋ยวผอมเป็นผลพวงจากมะเร็งตับอ่อน เพราะมะเร็งทำลายตับอ่อนส่วนต่อมไร้ท่อที่สร้างฮอร์โมนอินซูลินช่วยลดระดับ
น้ำตาลในเลือด ทำให้เบื่ออาหาร กินไม่ได้ และมีโรคเบาหวานแทรกซ้อน เช่นเดียวกับอาการปวดหลังกว่าจะรู้ว่าเป็นเพราะมะเร็งตับอ่อน พี่ชื่นมีอาการปวดหลังนานเกือบปี

ทว่าการฉายแสงและเคมีบำบัดไม่สามารถสกัดกั้นมะเร็งที่ลุกลามไปทั่วท้อง เธอเริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง พร้อมกับปวดท้องอย่าง
รุนแรง

เมื่อแพทย์ลงความเห็นว่าการรักษาไม่ได้ผลพี่ชื่นขอหยุดการรักษา เพราะทำให้ทรมาน กินอะไรไม่ได้ แพทย์ผู้ดูแลจึงสั่งยาแก้ปวดแบบแผ่น แปะสำหรับให้เธอใช้ทั้งวัน

เมื่อรู้ว่าไม่มีทางรักษาแล้ว พี่ชื่นตั้งสติ ไม่คร่ำครวญ สิ้นหวัง หรือท้อแท้ เหมือนคนที่รับไม่ได้ว่าตนเองเป็นมะเร็ง จากนั้นวางแผนรับมือกับเวลาที่เหลือ เขียนพินัยกรรม วางแผนอนาคตให้ลูกชายสองคน ซึ่งยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา

เธอมีกำลังใจดีมาก เวลาที่เหลือยังทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น มาเซ็นชื่อทำงาน ครั้นมีแรงก็เดินเยี่ยมคนในโรงพยาบาล ไปพูดคุย
ให้กำลังใจคนไข้ตามตึก ทำอย่างนี้ได้เป็นเดือน จนสุดท้ายเดินไม่ไหว กินอะไรไม่ได้ แพทย์จึงรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่เธอทำงาน ให้น้ำเกลือให้ยาบำรุง เพื่อรักษาตามอาการ

วันสุดท้ายของชีวิตมาถึง

วันสุดท้ายของชีวิตมาถึง ญาติมิตรนิมนต์พระมาสวด พี่ชื่นรับศีล ฟังเทศน์ฟังธรรม เมื่อเสร็จพิธีสงฆ์ ญาติ สามี และเพื่อนๆได้กล่าว
คำขออภัย เล่าคุณความดีที่เธอทำมาตลอด เมื่อพี่ชื่นหายใจช้าลง เพื่อนกล่าวคำว่า นะโม จนเธอจากไปอย่างสงบ

จากวันที่รู้ว่าเป็นมะเร็งตับอ่อน ผ่าตัดรักษาจนถึงวันสุดท้ายของลมหายใจของพี่ชื่นเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งปี

บทเรียนจากมะเร็งตับอ่อนครั้งนี้ทำให้ตระหนักได้ว่า

1. ยอมรับความจริง เพราะเราไม่อาจฝืนสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

2. มีสติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ การร้องร่ำพร่ำบ่นว่า ทำไมจึงต้องเกิดเรื่องร้ายๆกับตัวฉัน ทำไมฉันจึงโชคร้ายอย่างนี้ไม่ช่วยอะไร คุณเสียใจได้ แต่ต้องไม่ใจเสีย ต้องตั้งสติรับมือกับสถานการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นให้ได้

3. ทำให้ดีที่สุดตามความสามารถที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

4. รู้จักวางแผนชีวิต เพราะบางโรคอาจรักษาไม่หาย จึงควรวางแผนชีวิตขั้นต่อไป เพื่อจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุขที่สุด

ขอจบบทเรียนจากมะเร็งตับอ่อนด้วยสัจธรรมชีวิตจากข้อเขียนของ พระไพศาล  วิสาโล เรื่องน้อมใจรับสัจธรรม ตีพิมพ์ในวารสารธรรมมาตาที่ว่า

“คนเรามักลืมคิดถึงความธรรมดาของชีวิตที่ต้องมีการพลัดพรากสูญเสีย…น้อยนักที่เราจะเผื่อใจนึกถึงความไม่เที่ยงของสิ่งที่เรามี และในบรรดาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เรามีนั้น มีสิ่งหนึ่งที่เราแทบจะไม่ยอมนึกถึงวันที่จะต้องพลัดพรากจากมันไป สิ่งนั้นคือชีวิตของเราเอง…ความตายเป็นสิ่งที่เราหลีกหนีไม่พ้น นี่คือความแน่นอนที่ต้องเกิดขึ้น”


บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เช็กสาเหตุทำ ตับ ป่วย ด้วยแพทย์แผนจีน

เคล็ด(ไม่)ลับ ช่วย ยืดอายุ ตับ ไต หัวใจ สมอง ตา (ของแท้ ต้องที่นี่เท่านั้น)

ด่วน!! พบอกไก่ – ตับไก่ มีสารตกค้างยาปฏิชีวนะ เสี่ยงดื้อยา

สยบ โรคไขมันแทรกตับ

 

ติดตาม ชีวจิต ในช่องทางต่างๆ ได้ที่

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.