DETOX PROGRAM PART I
โปรแกรมเตรียมตัวก่อนล้างพิษ
ดร.คริสตินาอธิบายว่า ด้วยเหตุที่กลุ่มคนวัยทำงานมักมีพฤติกรรมการกิน ดื่ม สูบ เพื่อลดความเครียด ร่างกายจึงมีพิษสะสมนานนับปี
เมื่อร่างกายเคยชินกับสารพิษเหล่านั้น หากเข้าโปรแกรมล้างพิษหลักทันทีอาจมีผลต่อร่างกายและมักเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น วิงเวียนศีรษะ ระบบย่อยและวงจรการนอนหลับมีปัญหา ไปจนถึงสภาวะอารมณ์เชิงลบ เช่น ไม่มีสมาธิ ซึมเศร้า อารมณ์ฉุนเฉียว เป็นต้น
ดังนั้นเพื่อลดอาการไม่พึงประสงค์หลังเข้าโปรแกรมล้างพิษหลักทุกครั้ง ดร.คริสตินาจึงแนะนำว่า ทุกครั้งก่อนเข้าโปรแกรมล้างพิษหลัก ควรสำรวจตนเองว่ามีพฤติกรรมด้านลบหรือใช้สารกระตุ้นชนิดใดบ้าง แล้วเข้าโปรแกรมล้างพิษย่อยเสียก่อน โดยแยกตามพฤติกรรมการกิน ดื่ม สูบของตน ก่อนจะทำโปรแกรมล้างพิษหลัก
1. นักดื่มกาเฟอีนตัวยง
ดร.คริสตินาระบุว่า ในกลุ่มคนวัยทำงาน มีน้อยคนนักที่จะไม่ดื่มชากาแฟ หรือน้ำอัดลมเลย ดังนั้น ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ เป็นประจำทุกวันย่อมต้องมีสารกาเฟอีนตกค้างในร่างกายปริมาณมากโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดอาการอ่อนล้า (Fatigue) และส่วนใหญ่มักเพิ่มปริมาณการดื่มเมื่อเกิดภาวะเครียด
ผลเสียคือ กาเฟอีนทำให้ความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ และระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้น ซึ่งทำให้รู้สึกอยากอาหารหวานมากกว่าปกติและทำให้ระบบย่อยอาหารมีปัญหา เช่น ท้องเสีย หากดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนใกล้ ๆ กับเวลาที่กินอาหารมื้อหลัก ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็กได้น้อยลง ซึ่งในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะกระดูกพรุนและโลหิตจางได้
มีรายงานว่า กาเฟอีน เป็นสาเหตุให้เกิดเนื้องอกในเต้านมในเพศหญิง ขณะที่หญิงตั้งครรภ์ซึ่งดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนจะทำให้ทารกในครรภ์มีน้ำหนักลดลง ทางองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา จึงมีข้อกำหนดเรื่องปริมาณกาเฟอีนในหญิงตั้งครรภ์อย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า กาเฟอีนเพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งและนิ่วในไตอีกด้วย
โปรแกรมเตรียมตัว ทั้งก่อนและหลังล้างพิษ
- งดเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน ทั้งก่อนและหลังล้างพิษ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หลังเข้าโปรแกรมล้างพิษ ไม่ควรรับกาเฟอีนเข้าสู่ร่างกายเกินวันละ 100 มิลลิกรัม โดยชาร้อน 1 แก้ว มีปริมาณกาเฟอีนราว 45 - 55 มิลลิกรัม ขณะที่กาแฟสำเร็จรูป 1 แก้ว มีปริมาณกาเฟอีน 60 - 70 มิลลิกรัม ถ้าเป็นกาแฟสด 1 แก้ว มีปริมาณกาเฟอีน 80 - 150 มิลลิกรัม
ข้อควรระวัง
- เมื่อปริมาณกาเฟอีนในร่างกายลดลงหลังการล้างพิษ อาจมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนล้า ซึมเศร้า ไม่มีสมาธิ ระบบย่อยอาหารทำงานไม่ปกติ วงจรการนอนหลับเปลี่ยนไป
2. คนติดรสหวาน รักน้ำตาลทุกเมนู
ดร.คริสตินาอธิบายว่า ระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์ไม่ได้ออกแบบให้รับน้ำตาลปริมาณมากจากอาหารในยุคปัจจุบันตัวอย่างเช่น เพียงกินเค้กชิ้นเล็กๆ กับน้ำอัดลม 1 แก้ว ก็มีปริมาณน้ำตาลถึง 6 - 12 ช้อนชา ซึ่งเกินเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำไว้ที่วันละ 4 ช้อนชาถึงเกือบ 2 เท่าแล้ว
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดจึงมีคนวัยทำงานทั่วโลก ต้องเผชิญหน้ากับโรคเบาหวานและไฮโปไกลซีเมียมากขึ้นทุกที และหลายรายพัฒนาเป็นโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ ไตวายนำไปสู่ภาวะเส้นเลือดสมองแตก จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตอย่างเฉียบพลันในที่สุด
เมื่อรับน้ำตาลเข้ามาแล้ว ร่างกายจะดูดซึมผ่านลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสโลหิตอย่างรวดเร็ว ทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมาในปริมาณมาก หลังจากน้ำตาลดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตภายใน 3 - 4 ชั่วโมงหลังมื้ออาหาร จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดตกวูบ จึงเป็นเหตุให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เช่น ไมเกรน อ่อนเพลียปวดศีรษะอ่อนๆ สับสน อารมณ์แปรปรวนและก้าวร้าว
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า การกินน้ำตาลปริมาณสูงๆ เป็นประจำก่อให้เกิดการเสพติดได้ เพราะน้ำตาลทำให้สมองหลั่งสารเคมีที่ช่วยทำให้อารมณ์ดี ลดอาการเจ็บปวด และเมื่อเกิดกระบวนการนี้ซ้ำ ๆ จึงส่งผลให้เกิดการเสพติดน้ำตาลได้ในระยะยาว
โปรแกรมเตรียมตัว ทั้งก่อนและหลังล้างพิษ
- ลดปริมาณน้ำตาลในอาหาร 2 – 4 สัปดาห์ก่อนและหลังล้างพิษ เช่น หากคุณชอบกินขนมหวานหลังอาหารทุกมื้อ ควรงดของหวาน และงดปรุงรสหวานโดยตักน้ำตาลเติมในอาหารเพื่อลดอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น
- การงดน้ำตาล หมายถึง ต้องเลือกผลไม้ที่บริโภคให้เหมาะสมด้วย ควรงดผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เช่น องุ่น มะม่วงสุก มะขามหวาน หันมากินฝรั่ง ชมพู่ แอ๊ปเปิ้ลเขียว ซึ่งมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า แต่ก็ต้องจำกัดเพียงวันละไม่เกิน 1 ผล หรือ 40 – 60 กรัม
- ไม่ควรดื่มน้ำผลไม้บรรจุกล่อง เพราะมีปริมาณน้ำตาลสูงแต่ให้เลือกกินผลไม้สดเพราะจะได้ใยอาหารและน้ำตาลน้อยกว่าแทน
- ดื่มน้ำเปล่าไม่ต่ำกว่าวันละ 2 – 2.5 ลิตร เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 – 2 แก้วเป็นอย่างต่ำ ทั้งก่อนและหลังล้างพิษ 1 – 2 สัปดาห์จะช่วยให้อาการไม่พึงประสงค์ที่กล่าวมาข้างต้นลดลงได้
ข้อควรระวัง
- อาการไม่พึงประสงค์ ที่อาจเกิดขึ้นหลังล้างพิษและอาจเป็นต่อเนื่องได้ 3 – 7 วันในกรณีที่เคยกินน้ำตาลปริมาณมาก คือเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อารมณ์ฉุนเฉียว หรือไวต่อการกระตุ้นจากสิ่งรอบข้างได้ง่าย
- หากงดน้ำตาลแล้ว ไม่ควรหันไปกินอาหารประเภทไขมันหรือแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์มากขึ้น
