HOW TO TREAT
ส่วนวิธีแก้ อาจารย์สาทิสแบ่งกลุ่มอาการออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเบา ระดับปานกลาง และระดับหนัก
อาการระดับเบา
หรืออาการที่ไม่หนักหนาสาหัส เช่น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ และมักมีอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ปวดเอว ปวดไปทั่วตัว และมีอาการมือชา เท้าชา ร่วมด้วย อาจารย์สาทิสแนะนำว่า
ไม่ควรนิ่งนอนใจไม่แก้ไขหรือรักษา เพราะอาจนำไปสู่โรคร้ายแรงได้
โดยอาจารย์สาทิสแนะนำวิธีแก้ไขไว้ว่า
- งดอาหารประเภทแป้งขาว ของหวาน และโปรตีนชนิดมีเนื้อติดไขมัน
- กินอาหารชีวจิตอย่างเคร่งครัด
สูตรอาหารชีวจิตที่แนะนำคือ สูตร 1 สำหรับคนทั่วไป ประกอบด้วย แป้งไม่ขัดขาว 50 เปอร์เซ็นต์ ผัก 25 เปอร์เซ็นต์ โปรตีนจากพืชผสมกับปลาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือ 15 เปอร์เซ็นต์ เบ็ดเตล็ด 10เปอร์เซ็นต์
สูตร 2 สำหรับคนอ้วน น้ำหนักเกิน หรือผู้ป่วยเบาหวาน ประกอบด้วย แป้งไม่ขัดขาว 30 เปอร์เซ็นต์ ผัก 35 เปอร์เซ็นต์ โปรตีน 25 เปอร์เซ็นต์ เบ็ดเตล็ด 10 เปอร์เซ็นต์ เบ็ดเตล็ดคือ สาหร่ายทะเล เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ผลไม้ไม่หวาน เห็ดชนิดต่างๆ
- ดื่มน้ำอาร์ซีทุกวัน เช้าแก้ว เย็นแก้ว เพียง 2 สัปดาห์ อาการก็จะดีขึ้น
อาการระดับปานกลาง
จะมีอาการคล้ายกลุ่มอาการระดับเบา แต่จะมีอาการมากถึงกับบังคับตัวเองไม่ได้ อย่างอาการเหนื่อยเพลียที่ควบคุมไม่ได้ เช่น กรณีกำลังพูดคุยอยู่ก็หมดแรงเหมือนจะเป็นลม ต้องหยุดพักหรือหลับตา ผ่านไป 2 – 3 นาทีก็จะฟื้นขึ้นมาพูดได้ แต่เนื้อหาจะไม่ต่อเนื่อง คล้ายมีอาการทางสมอง นอกจากนี้อาจมีอาการซ้ำเติม เช่น ถ่ายอุจจาระผิดปกติ ท้องผูกสลับท้องเดิน
อาจารย์สาทิสแนะนำวิธีดูแลตัวเองในเบื้องต้นดังนี้
- งดอาหารประเภทแป้งขาว ของหวาน และโปรตีนชนิดมีเนื้อติดไขมัน และควรกินอาหารชีวจิตอย่างเคร่งครัด
- ดื่มน้ำอาร์ซีทุกวัน เช้าแก้ว เย็นแก้ว
- กินยาธาตุบรรจบครั้งละ 3 เม็ด วันละ 3 มื้อควบคู่กับขมิ้นชันครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 มื้อ เช้า – เย็น
- ทำดีท็อกซ์ตอนเช้าทุกวัน 1 สัปดาห์
- กินวิตามินบีคอมเพล็กซ์ครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหาร 3 มื้อ
อาการระดับหนัก
หมายถึงมีอาการข้างต้นมากกว่า 20 อาการขึ้นไป นั่นหมายถึง ป่วยเป็นไฮโปไกลซีเมียมานานแล้ว อาจารย์สาทิสอธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยจะมีอาการเกี่ยวกับการทำงานของต่อมและระบบต่าง ๆ ในร่างกายผิดปกติ คือ มีปัญหาต่อมหมวกไต ต่อมไทรอยด์ ต่อมพิทูอิทารี และมีปัญหาเรื่องไตและตับอ่อน
นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นไฮโปไกลซีเมียอย่างหนักจะมีภูมิชีวิตต่ำมีอาการติดเชื้อราได้ง่าย มีภาวะอินซูลินในเลือดเพิ่ม มีโอกาสป่วยเป็นเบาหวานและไมเกรนได้ง่าย ลำพังการปฏิบัติตัวอย่างเข้มงวด และใช้วิตามินทั่วไปยังไม่พอ จำเป็นที่จะต้องดูแลเฉพาะตัวและใช้ยาซึ่งอยู่ในความดุแลของแพทย์เพิ่มขึ้น
นอกจากวิธีที่ต้องปฏิบัติตัวเช่นเดียวกับกลุ่มอาการระดับเบาและอาการระดับปานกลางแล้ว อาจารย์สาทิสแนะนำให้ดูแลตัวเองเพิ่มเติมดังนี้
- กินผลไม้สดตระกูลเบอร์รี่ เช่น ลูกหมากเม่า มัลเบอร์รี่ โดยเฉพาะลูกหมากเม่า กินสดๆ รสหวานอมเปรี้ยว ช่วยแก้ปัญหาเรื่องอินซูลินได้
- กินสมุนไพรรสขม เช่น ฟ้าทลายโจรชนิดเม็ด กินวันละ 3 เม็ดตอนเช้า
- กินรำข้าว ใช้คลุกข้าวหรือโรยเครื่องดื่ม กินอย่างน้อยวันละ 3 ช้อนโต๊ะ
- กินผักที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักบุ้ง คะน้า บรอกโคลี แครอต ตำลึง
- กินโครเมียมขนาด 200 ไมโครกรัม วันละ 1 เม็ด กินวันเว้นวัน 1 เดือนหรือหากรู้สึกว่าหายเพลียแล้ว โดยเฉพาะในช่วงสายๆ หรือบ่ายๆ ก็หยุดกินได้จะช่วยเรื่องระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ