ปวดแบบกดดัน (tension) และแบบเกี่ยวกับหลอดเลือด(vascular)
มีอยู่ 3 ชนิด ชนิดแรก ปวดกล้ามเนื้อบริเวณหัวกะโหลกคอ และใบหน้า ชนิดที่สอง ปวดเพราะเส้นเลือดบริเวณศีรษะตีบชนิดที่สาม ปวดเพราะเส้นเลือดในสมองขยาย
ทั้งสามชนิดนี้อาการปวดคล้ายกันหรือเหมือนกันคืออาการปวดจะเป็นการปวดปานกลาง พอทนได้?จะปวดด้านหน้าและด้านหลังของศีรษะ บริเวณกล้ามเนื้อรอบๆ หัวก็จะปวดด้วย
การปวดนั้นจะปวดไม่เหมือนกัน บางคนปวดตุบๆ บริเวณขมับสองข้าง บางคนปวดเหมือนมีคีมมาบีบทั่วทั้งหัว หรือปวดบริเวณท้ายทอยอย่างเดียว
การที่ว่าการปวดแบบนี้เป็นโรคเงียบนั้น ก็เพราะตอนแรกจะปวดน้อย เพียงวันสองวันก็หาย?แต่ต่อมาชักจะปวดถี่ขึ้นอาทิตย์หนึ่งปวด 2 – 3 วัน ต่อมาก็ปวดทุกวัน
ปวดอย่างนี้มักจะไม่เลือกอายุ ไม่เลือกเพศ แต่อายุนั้นค่อนข้างจะแน่ว่า เด็กๆ ต่ำกว่า 14 – 15 ปีไม่ค่อยเป็น เมื่อเป็นผู้ใหญ่อายุกว่า 20 ขึ้นไป ถ้าปวดแบบไม่รุนแรง ไม่ช้ามักจะปวดทุกวัน
ถ้าอายุเริ่ม 50 ขึ้นไป ผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชาย
เอาละครับ ตอนนี้มาดูสาเหตุที่ทำให้ปวดหัวเป็นประจำเสียหน่อย
ถ้านอนไม่หลับ จะทำให้อาการปวดหัวเป็นมากขึ้น
ดื่มมากหรือกินมาก จะทำให้ปวดหัวเป็นมากขึ้นเช่นกัน
ทำงานหนักเกินไป ก็ปวด
เครียดหรือมีความกดดัน ก็ปวด
ใช้สายตาหรืออยู่กลางแดดมากเกินไป ก็ปวด
กินอาหารน้อยหรือขาดอาหาร ก็ปวด
คุณผู้หญิงเริ่มหมดประจำเดือน ก็ปวด
แพ้อาหาร – แพ้ยา ก็ปวด
ทั้งหมดนี้จะต้องดูให้แน่เสียก่อนว่าเป็นพฤติกรรมซึ่งคุณปฏิบัติเป็นประจำหรือเปล่า เช่น นอนดึกบ่อยๆ และนอนไม่หลับบ่อยหรือไม่
ถ้าเป็นพฤติกรรมชั่วครั้งชั่วคราว คุณจะไม่ถึงกับปวดหัวประจำ แต่ถ้าหากทำอยู่บ่อยๆ ก็จะทำให้ปวดหัวซึ่งมักจะปวดบ่อยๆ อยู่แล้ว กลายเป็นปวดหัวประจำตัวได้
ทั้งหมดนี้คุณจะต้องสำรวจตัวเองอยู่บ่อยๆ จะช่วยให้คุณหายจาก “โรคเงียบ” ได้ เพราะอย่างเรื่องปวดหัวนั้น มันไม่ใช่ว่าอยู่ๆ ก็จะเกิดเป็นโรคประจำตัวขึ้นมามันจะค่อยๆ ปวดชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าคุณไม่สังเกตตัวเองและไม่เคยคิดแก้ มันจะกลายเป็นปวดหัวประจำ และกลายเป็น “โรคเงียบ” ขึ้นมาได้