งั้นเราลองมาดูกันเลยนะ ว่ามีอะไรบ้างที่เราเชื่อๆกันอยู่ (แอบคัดมาจากในอินเทอร์เน็ต)
-
ใบย่านาง
ใบย่านาง เป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่คนฮิตกินกันมาก กินกันอย่างพร่ำเพรื่อไปหมด ราวกับว่าเป็นยาครอบจักรวาล แต่ความจริงของใบย่านาง คือ เป็นยารสเย็น มีสรรพคุณใช้แก้พิษไข้ ดับพิษร้อนเสียเป็นส่วนใหญ่
การใช้แบบดั้งเดิมของแพทย์แผนไทย คือการใช้เป็นยาลดไข้ โดยประกอบอยู่ในตำรับยาลดไข้ต่างๆ เช่น ตำรับยาห้าราก สรรพคุณแก้พิษไข้ ถอนพิษ
งานวิจัยในปัจุบันส่วนมากก็เป็นในห้องทอดลอง น้อยชิ้นจะมีงานวิจัยที่ทำในคน เช่น ลดอาการอักเสบ ลดความดันโลหิตสูง มีสารแอนติออกซิแดนท์ ฯลฯ
ดังนั้น การกินใบย่านาง เพื่อลดระดับไขมันในเลือดอาจจะไม่ค่อยตอบโจทย์สักเท่าไหร่ แถมการกินติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเป็นพิษได้ กล่าวคือทำให้ธาตุไฟในร่างกายดับลง ความเย็นเข้ามาแทนที่ ส่งผลให้ร่างกายมีอาการชาได้ เพราะเนื่องจากสมดุลของร่างกายเปลี่ยนไป
-
สูตรชาสมุนไพร
ก่อนอื่นเราต้องมาทำความเข้าใจกับคำว่าชากันก่อน ชา มีความหมายอยู่สองอย่าง คือ ชา ที่เป็นพืช Camellia sinensis และชา ในอีกความหมายคือ พืชที่ผ่านกระบวนการทำให้แห้ง แล้วนำมาทำเป็นชาเครื่องดื่ม ซึ่งจะมีประโยชน์ที่แตกต่างกันไปตามส่วนประกอบของพืชหรือสมุนไพรแต่ละชนิดไป
ชา หรือพืชสมุนไพรที่นำมาทำเป็นชา อาจจะไม่ได้ช่วยลดน้ำหนักได้โดยตรงอย่างชัดเจนเหมือนที่หลายหลายคนเข้าใจ เเต่จะเป็นตัวช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหารมากกว่า หรือลดระดับไขมันในเลือดมากกว่า ขึ้นอยู่กับว่าในชาสูตรนั้นประกอบด้วยอะไรบ้าง
เเต่จากการที่สังเกตุสูตรชาลดน้ำหนักเเต่ละสูตร จะเน้นสมุนไพรหรือส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องกับการระบายเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเชื่อว่าการกินแล้วระบายอุจจาระออกมาจะทำให้น้ำหนักลดลง หน้าท้องแบนราบ พุงยุบ ก็เพราะไม่มีอุจจาระในลำไส้ หรือในบางครั้งที่น้ำหลักลดไปเพราะปริมาณน้ำหนักน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปกับอุจจาระต่างหาก
เเต่ถ้าจะหวังผลระยะยาวนั้นอาจต้องลำบาก เพราะสูตรชาสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของยาระบายกินติดต่อกันเป็นเวลานานอาจทำให้ระบบลำไส้ชิน ส่งผลให้มีการดื้อยา กล่าวคือ กินนานไปก็ไม่ระบายออกต้องเพิ่มปริมาณตัวยาเพื่อระบายมากกขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้รบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหารนั่นเอง
-
ชาจีน
สมุนไพรลดไขมัน อีกตัวคือ ชาจีน หรือพืชในวงศ์ Camellia sinensis ที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ไปบ้างเเล้ว ความจริงเเล้วไม่ว่าจะเป็นชาจากที่ไหนสรรพคุณก็มีความใกล้เคียงกันแหละ เเต่ก็แอบมีความเเตกต่างกันอยู่บ้าง ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ดินดี อุณหภูมิเหมาะสม รสชาติก็จะเเตกต่างกันไปตามแหล่งที่มา อย่างที่บอกไป นอกจากพื้นที่ปลูกแล้ว กรรมวิธีของการแปรรูป เก็บเกี่ยวชาก็มีผลต่อสรรพคุณเเละรสชาติของชาด้วยนะ เช่น ชาขาว ได้จากยอดอ่อนของชา มีขนปุกปุยคลุม กรรมวิธีการทำ คือการอบใอน้ำ หรือใช้แสงแดดในระยะเวลาสั้นๆ จึงทำให้น้ำชาที่ได้จึงมีสีเหลืองอ่อน หอมนุ่มนวล และชาเขียว ได้จากใบชาถัด รองลงมาจากยอดอ่อน ไม่มีขนปุยๆคลุมเหมือนชาขาว กรรมวิธีได้จากการหมักบ่มชาด้วยความร้อนสูงกว่า แต่รวดเร็วรวดเร็ว ชาที่ได้จึงมีสีเขียวอ่อน รสชาติติดลิ้น
แน่นอนว่าเมื่อมีกรรมวิธีการทำที่แตกต่างกัน คุณสมบัติของชาทั้งสองก็ย่อมจะมีความแแตกต่างกันด้วย เช่น ชาขาว มีสารโพลีฟีนอลสูง(Catechins, EGCG) เท่ากับว่ามีสารแอนติออกซิแดนท์สูงขึ้นตามลำดับ ช่วยป้องกันโรคอะไรมากมาย เช่น ลดระดับไขมันเลว ป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง
ในส่วนของชาเขียว มีสารโพลีฟีนอลเหมือนกันแต่ก็จะมีปริมาณน้อยกว่า แต่กลับมีสารคาเฟอีนสูงกว่าชาขาว ซึ่งคาเฟอีนช่วยทำให้เราตื่นตัวมากขึ้น กะปรี้กะเปร่านั่นเอง แต่ระวังในผู้ป่วยไทรอยด์
สารโพลีฟีนอลที่สำคัญอีก คือ สารแทนนิน มีรสฝาด ดื่มมากๆ หรือแช่น้ำไว้นานเกิน 5 นาที จะทำให้ท้องผูกได้ แต่ก็เหมาะกับคนที่มีอาการท้องเสีย แต่ถ้าดื่มนานๆอาจทำให้ร่างกายขาดธาตุเหล็กได้ โดยเฉพาะในเด็ก
เพราะชามีสารโพลีฟีนอลสูง จึงทำให้ชามีคุณสมบัติช่วยลดระดับไขมันเลวในเลือดของเราได้ เเต่จะให้ผลดีนั้นต้องดื่มในรูปแบบของชาร้อนดีกว่า เพราะทำให้สารออกฤทธื์มีประสิทธิภาพมากกว่า การดื่มในรูปแบบของชาเย็น นอกจากนี้ชายังมีงานวิจัยในห้องทดลอง พบว่าสารสกัดชา สามารถลดการดูดซึมของระดับน้ำตาลได้ด้วย
-
ไมยราบ
รู้จักกันไหม เเต่ก็ไม่รู้แหละเพราะในโลกออนไลน์เเชร์กันมาก ว่าสามารถลดระดับไขมันในเลือดได้ดีเชียวแหละ เเถมพวงสรรพคุณมากมายครอบจักวาลเลยเชียว งั้นเราลองมาดูกันดีกว่าว่าไมยราบมีสรรพคุณเป็น สมุนไพรลดไขมัน ดีจริงตามที่กล่าวอ้างไหม
การใช้ไมพราบเพื่อรักษาโรค แบบวิธีการดั้งเดิม คือ การต้มดื่มในการขับปัสสาวะ โดยเปนส่วนประกอบร่วมในตำรับยาอื่นๆ จริงๆแล้วไม่ค่อยมีสมุนไพรตัวไหนที่แพทย์แผนไทยแนะนำให้กินในรูปแบบยาเดี่ยวหรอกนะ เเต่พึ่งมามีในปัจจุบันนี่แหละที่นิยมกันมากขึ้น เพราะมีงานวิจัยผลิตออกมามามากมายถึงประสิทธิภาพของยาสมุนไพร
ในเมื่อมันเน้นไปเรื่องการขับปัสสวะ เเล้วทำไมถึงกลายเป็นลดไขมันได้ซะงั้น งานวิจัยในห้องทดลองพบว่า สารสกัดไมยราบสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เเต่การกินระยะยาวยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดถึงความเป็นพิษของไมยราบ ดังนั้นใครที่กินติดต่อกันเป็นเวลานานอาจต้องระวัง เเต่สำหรับคำแนะนำคือให้เลือกกินตามภูมิปัญญาการแพทย์ดั้งเดิมดีกว่าน่าจะปลอดภัยมากที่สุด
