How to การใช้ชีวิต
แนวคิด การใช้ชีวิต ทั้งข้อคิด และการพัฒนาตนเอง บทความแนะนำสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
โฟกัสแต่เรื่องที่ทำให้มีความสุข กับการปล่อยวางในชีวิตเสียบ้าง จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
โฟกัสแต่เรื่องที่ทำให้มีความสุข กับการปล่อยวางในชีวิตเสียบ้าง จะทำให้ชีวิตดีขึ้น ใครว่าการปล่อยวางเป็นเรื่องที่ยาก ในยุคที่การแข่งขันสูง ต่างคนต่างแข่งขันที่จะทำให้ตัวเองสำเร็จและเหนือกว่าคนอื่น จนบางครั้งเรามองข้ามความสุขที่แท้จริงของเราไป ยึดติดอยู่กับความสำเร็จมากมากจนเกินไป ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดี เรื่องบางเรื่องปล่อยวางบ้างก็ได้ เรื่องที่ทำให้มีความสุข ลุยไปกับมัน อยู่กึ่งกลาง อันไหนปล่อยได้ก็ปล่อยไป จะทำให้ชีวิตดีขึ้นมาฝึกปล่อยวางในชีวิตกันเถอะ เพราะการปล่อยวางในชีวิตมีประโยชน์และคุณค่ามากกว่าที่เราคิด ให้อภัยอดีต ปล่อยวางในชีวิตอย่างหนึ่งที่เราความทำให้ได้ก็คือ ปล่อยวางเรื่องราวในอดีตลงเสียบ้าง การให้อภัย ทั้งคนอื่น และตัวเราเอง หากเรามองเห็นได้ว่า เหตุการณ์นั้นเป็นสิ่งที่ผ่านเลยไปแล้วไม่อาจหวนกลับมาแก้ไขได้อีก การให้อภัยคือการปลดปล่อยตัวเราจากความทุกข์ที่เกาะกินใจอยู่ และนั่นจะทำให้เรามีโอกาสได้ เริ่มต้นใหม่และทำให้เราสัมผัสกับความสุขในปัจจุบันได้อย่างเต็มเปี่ยมมากขึ้น หยุดกังวลเรื่องอนาคต เราไม่สามารถรู้ได้ว่าชีวิตเราจะมีชีวิตต่อไปได้ยาวนานแค่ไหน เมื่อมองเห็นว่า ชีวิตของเราไม่แน่นอน การทำวันนี้ให้ดีที่สุด และกลับมามีความสุขอยู่กับปัจจุบันจึงเป็นสิ่งที่ดีกว่า การมีความสุขตั้งแต่วันนี้ ทำทุกอย่างให้เหมือนสิ่งสุดท้ายที่เราจะได้ทำมันจะทำให้เรา ทำทุกสิ่งออกมาอย่างดีที่สุด ฝึกการให้และแบ่งปัน ถ้าเราสามารถสละสิ่งเล็กๆน้อยๆ ได้อยู่เรื่อยๆได้จะทำให้เราสามารถปล่อยวางเรื่องใหญ่ต่างๆ ได้มากขึ้น ปล่อยให้มันเป็นไป อีกหนึ่งการปล่อยวางในชีวิต ก็คือเราสามารถวางแผน และสร้างเป้าหมายได้ แต่ไม่ต้องยึดติดว่าทุกสิ่งจะต้องดำเนินไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป แผนมีเพื่อเป็นแผนที่บอกทาง แต่การเดินทางจะบอกถึงการใช้ชีวิตที่แท้จริง ฉะนั้นเมื่อวางแผนแล้วก็จงทำให้เต็มที่ แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป โดยไม่ต้องกังวลหรือคาดหวังผลลัพธ์ วิธีนี้จะทำให้เรามีความสุขในทุกย่างก้าวของชีวิตอย่างแน่นอน Cr.ข้อมูลจาก : LEARNING […]
4 ผลเสียจากการทำงานดึก อันตรายกว่าที่คิด แม้สมองแล่นก็ควรนอน
4 ผลเสียจากการทำงานดึก อันตรายกว่าที่คิด แม้สมองแล่นก็ควรนอน เชื่อว่าใครหลายๆคนมักจะเป็นนั่นก็คือการทำงานดึก ซึ่งความจริงแล้วมันควรจะเป็นเวลาที่เราพักผ่อนมากกว่า แต่ด้วยความที่สมองไม่รักดีชอบแล่นยามดึกแบบนี้ ก็เลยทำให้ใครหลายๆคนชอบทำงานดึก วันนี้ GL จะมาบอกถึงผลเสียจากการทำงานดึก ซึ่งน่ากลัวกว่าที่คิด และอาจทำให้เราไม่แข็งแรงอีกด้วย กับ 4 ผลเสียที่มาจากการทำงานดึก จะดีกว่ามั้ยถ้าเราได้นอนในเวลาที่ควรจะพักผ่อน เพื่อสุขภาพที่ดี แถมสมองยังแล่นพร้อมทำงานอย่างเต็มที่อีกด้วย ความจำไม่ดี การทำงานดึก ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายควรได้รับการพักผ่อน จะทำให้สมองเหนื่อยล้า ทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ทำให้ความจำ และการรับรู้แย่ลง แถมยังมีอาการเบลอๆ สมองไม่แล่นตลอดทั้งวันอีกด้วย ถ้าทำงานตอนดึกบ่อยๆ จะมีโอกาสเป็นภาวะสมองเสื่อม ขี้หลงขี้ลืมอีกด้วย อาจจะไม่ได้เห็นผลในระยะสั้นแต่หากเราทำงานดึกเป็นประจำ เราก็มักจะมีสมาธิสั้นลง และขี้ลืมง่ายขึ้นกว่าเดิม อ้วนง่าย อีกสิ่งที่คนทำงานตอนดึกควรรู้ หนุ่มๆสาวๆทั้งหลายโปรดฟัง การนอนดึกจะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ลดลง ยิ่งทำงาน ร่างกายก็จะหลั่งสารที่ก่อให้เกิดความเครียด ซึ่งจะไปทำให้การเผาผลาญทำงานได้น้อยลง และอ้วนง่านขึ้น แถมหลายคนพอทำงานตอนดึก ก็มักจะหิวและชอบหยิบจับอะไรมากินไปเรื่อยอีกด้วย หิวง่าย ท้องอืด สำหรับคนทำงานตอนดึกทั้งหลายมักจะเป็นกันแหละ เพราะยิ่งใช้สมอง ก็ยิ่งหิว ต้องหาอะไรกินตอนดึกเป็นแน่นอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายย่อยอาหารได้น้อยที่สุด ทำให้กระเพาะและลำไส้ของเราต้องทำงานหนัก มีผลต่อการขับถ่ายและทำให้หิวบ่อย ท้องอืดได้ง่ายเนื่องจากอาหารไม่ย่อย ไม่อยากท้องอืด […]
6 วิธีสร้างความสุขยามเช้า ให้ทุกวันเป็นเช้าที่สดใส
หากเรามีอารมณ์ที่ดีต้อนรับวันใหม่ ก็จะช่วยทำให้เรามีแรง มีกำลังใจที่จะไปทำงาน หรือไปเรียนอย่างแจ่มใส แถมสมองก็ยังปลอดโปร่งแต่ในทางกลับกันหากเราอารมณ์เสียแต่เช้า ทั้งวันเราก็จะรู้สึกมีแต่เรื่องแย่ๆ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจสักอย่าง
5 ทักษะที่เราควรพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิม
เราควรจะพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิมด้วย 5 ทักษะที่ทุกคนควรมี เพราะไม่ว่าเราจะทำงานในรูปแบบไหน ทักษะเหล่านี้ก็ล้วนเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรจะมีและพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าเดิมมากขึ้นไปอีก เพื่อก้าวต่อไปยังจุดหมายที่เราตั้งไว้
เคล็ดไม่ลับ ทำงานให้เสร็จเร็ว ในภาวะ Work From Home พร้อมพักผ่อนหลังงานเสร็จ
เคล็ดไม่ลับ ทำงานให้เสร็จเร็ว ในภาวะ Work From Home พร้อมพักผ่อนหลังงานเสร็จ วันที่เรา Work from home อยู่บ้าน อยากจะรีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ และนอนพักผ่อนจะทำยังไงดี ให้งานเสร็จไวๆ ? มาดู เทคนิคทำงานให้เสร็จเร็ว พระเอกขี่ม้าขาวที่จะช่วยเราเคลียร์งานทุกชิ้นให้เสร็จอย่างรวดเร็ว จะมีอะไรบ้างไปดูกัน payps วางแผนงานที่ต้องทำ เริ่มจากการวางแผนงานที่ต้องทำ ว่าวันนี้มีงานอะไรที่ต้องทำให้เสร็จบ้าง แล้วในวันพรุ่งนี้มีงานอะไรที่เร่งด่วนต้องรีบทำให้เสร็จอีกบ้าง เผื่อว่าคืนนี้เราจะปาร์ตี้สุดเหวี่ยงจนกลับดึกดื่น จะได้วางแผนการทำงานของวันพรุ่งนี้ให้เสร็จได้ด้วย เมื่อลิสต์รายการงานที่ต้องทำออกมาเสร็จแล้ว ก็มาลงมือทำกันเถอะ เริ่มทำจากงานที่ยากที่สุดก่อน ตอนเช้าๆ อย่างนี้ เริ่มทำจากงานที่ทำยากก่อน เพราะเป็นงานที่ต้องใช้ความคิด และใช้เวลาในการทำนานที่สุด เมื่อทำงานยากสำเร็จไป ค่อยทำงานที่ง่ายตามลงมาชิ้นต่อๆ ไป เพื่อที่เราจะได้มีกำลัใจในการทำงานชิ้นต่อไป ยิ่งทำยิ่งง่าย คงมีความสุขกว่าการทำงานที่ยิ่งทำยิ่งยาก นอกจากนี้ การทำงานที่ทั้งยากและเร่งด่วนในเวลาใกล้เลิกงาน คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ๆ กำหนดเวลาในการทำงานแต่ละชิ้นคร่าวๆ ลองกำหนดเวลาคร่าวๆ ว่า งานแต่ละชิ้นของเรานั้น ต้องใช้เวลาทำประมาณเท่าไหร่ เพื่อที่เราจะได้วางแผนการทำงานโดยประมาณได้ พยายามควบคุมเวลาไม่ให้เกินกว่าเวลาที่มีอยู่ จดจ่อกับงานทีละชิ้น การที่มีงานกองอยู่ตรงหน้ามากมาย อาจทำให้เรารู้สึกเครียด ลนลาน […]
คน 6 แบบที่เจอแล้วต้องรีบออกห่างก่อนจะกลายเป็น Toxic People โดยไม่รู้ตัว
คน 6 แบบที่เจอแล้วต้องรีบออกห่างก่อนจะกลายเป็น Toxic People โดยไม่รู้ตัว รอบตัวเรามีคนอยู่หลากหลายรูปแบบ บ้างก็ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีความสุข แต่บางคนก็ทำให้เราปวดประสาทตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว เราจึงควรระวังคน 6 ประเภท ที่ถ้าเจอแล้วต้องรีบออกห่างให้ไว ก่อนจะกลายเป็น Toxic People ตามเขาไปโดยไม่รู้ตัว ข้างตัวเรามีคนแบบนี้รึเปล่ามาลองเช็คกันค่ะ คนที่มองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา ถ้าข้างตัวเรามีคนที่ชอบมองโลกในแง่ร้ายอยู่แทบจะตลอดเวลาแล้วล่ะก็ ออกห่างจากเขาได้ก็ออกห่างเถอะค่ะ เพราะเขาจะมาพร้อมกับความหวาดระแวง คิดว่าแทบจะทุกสิ่งทุกอย่างอาจทำให้เกิดปัญหา หรือความลำบาก และคิดว่าการกระทำของคนอื่นนั้นมันต้องมาจากเรื่องไม่ดีแน่เลย การที่เราอยู่ใกล้ๆคนกลุ่มนี้บ่อยๆเข้า มีโอกาสที่จะก่อให้เกิดความเครียด ความกดดันได้ง่าย และกลายเป็นคนขี้กังวลใจจนเกินไป คิดมากคิดเยอะทั้งๆที่ความจริงแล้ว อาจจะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงก็ได้ และจะทำให้เรามองคนอื่นในแง่ร้ายตามเขาไปด้วย ก็เหมือนกับการที่เขาบอกว่าให้เรานำพาตัวเองไปอยู่ในแวดล้อมที่ดี อยู่กับคนที่มองโลกในแง่ดี ก็จะช่วยทำให้เรารู้สึกมีความสุขกับชีวิตมากขึ้น ไม่ใช่การที่จะต้องระแวงไปทุกฝีก้าวนั่นเอง คนที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ เชื่อว่าคุณจะต้องเคยเจอคนที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอ ฉันไม่ผิด เธอสิผิด แถมยังโทษว่าเรานั้นทำได้ไม่ดีอีกด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วเราก็ยังไม่ได้ทำอะไรไม่ดี หรือผิดพลาดเลยเสียด้วยซ้ำ การอยู่กับกลุ่มคนประเภทนี้รับรองได้เลยว่านอกจากเราจะต้องมาทำงานหนักขึ้นแล้ว ยังจะต้องมาปวดหัวโต้เถียงกับเขา โดยที่เขาก็ไม่ฟังอะไรจากใคร ดังนั้นถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงออกห่างให้ไว จะได้ไม่เครียด และไม่ปวดหัวไปกับเขาด้วย แต่บางครั้งชีวิตเราก็เลี่ยงคนประเภทนี้ไม่ได้จริงๆ ยิ่งในชีวิตการทำงาน เราอาจจะเลือกไม่ได้ว่าฉันจะไม่ทำงานกับคนนี้ ฉันจะไม่ร่วมงานกับคนนี้เด็ดขาด ถ้าเป็นแบบนี้แล้วล่ะก็ […]
มองอย่างเข้าใจ ไม่ว่า “คิดบวก” หรือ “คิดลบ” ก็เป็นผลดีได้ ถ้าใช้ถูกกับสถานการณ์
มองอย่างเข้าใจ ไม่ว่า “คิดบวก” หรือ “คิดลบ” ก็เป็นผลดีได้ ถ้าใช้ถูกกับสถานการณ์ คนเรานั้นมีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา วาจา หรือนิสัย รวมไปถึงความคิดต่างๆ ที่อยู่ในจิตใจและสมอง อย่างเช่นบางคนอาจเลือก “คิดลบ” เพื่อให้ตนเองตื่นตัวและพร้อมรับมือกับปัญหา ขณะที่บางคนก็พร้อมที่จะ “คิดบวก” เอาไว้ เพื่อให้ตนเองมีความหวังว่าจะเกิดเรื่องราวดีๆ ขึ้นมา หลังจากเจอปัญหานั้นและสามารถผ่านมันได้ แน่นอนว่าไม่ผิดอะไรที่จะเลือกมองโลกในแบบที่ตัวเองเชื่อ เพราะการเลือกมองในแต่ละมุมอาจจะเกิดจากประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมาของคนๆ นั้น ซึ่งแตกต่างกันไป ไม่ผิดหรอกว่าจะมองโลกในแง่ใด เพราะมองแบบไหนมันก็เป็นประโยชน์ได้ทั้งนั้น มันขึ้นอยู่กับในแต่ละสถานการณ์มากกว่า บางสถานการณ์ การมองโลกในแง่ดีและคิดบวกเข้าไว้อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ขณะที่ในบางสถานการณ์การคิดลบหรือมองโลกในแง่ร้าย เพื่อคิดถึงกรณีเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น ก็อาจจะกลายเป็นประโยชน์มากกว่าได้เช่นกัน ดังนั้นวันนี้เราจะนำข้อดีของการมองโลกทั้งสองแบบ มาบอกกันว่ามีอะไรบ้าง มองในแง่ดี (คิดบวก) – ทำให้คนรอบข้างรู้สึกดี – มองเห็นประโยชน์จากปัญหาที่เกิดขึ้น – ลดความเศร้าและความเครียด – มีความเชื่อมั่นและความหวัง – ก้าวผ่านและมูฟออนได้ไว มองในแง่ร้าย (คิดลบ) – ยอมรับความจริงได้ง่าย – ไม่เข้าข้างตัวเอง […]
10 วิธีหยุดความเหนื่อยล้า หลังเลิกงาน
10 วิธีหยุดความเหนื่อยล้า หลังเลิกงาน เลิกงานซะที เหนื่อยทั้งกาย ไหนจะต้องใช้สมองมาทั้งวัน แน่นอนว่าร่างกายเราก็คงต้องการสลัดความเหนื่อยล้านี้ออกไป เพราะฉะนั้น มาดูวิธีหยุดความเหนื่อยล้าและความเครียดทิ้งไปง่ายๆ และลองเลือกมาใช้สักอันตามสมควรกันดีกว่าค่ะ 1.หาหนังหรือซีรีย์ดีๆ ดูสักเรื่อง ซีรีย์หรือภาพยนตร์คือสื่อบันเทิง ที่ช่วยให้เราเพลิดเพลินไปกับจินตนาการและได้หย่อนอารมณ์ไปกับเรื่องที่เราสนใจ แทนเรื่องหนักๆ ที่เผชิญมาทั้งวันได้ 2.กินน้ำเปล่า หรือน้ำผลไม้ปั่น ดื่มน้ำเยอะๆ หรือดื่มน้ำผลไม้คั้นสดเพื่อคืนความสดชื่นให้ร่างกาย คือหนึ่งในวิธีคลายเครียดที่ทำได้ง่ายๆ แถมยังมีข้อดีมากมาย 3.อ่านหนังสือแนวที่ตัวเองชอบ ป้อนข้อมูลดีๆ ให้สมอง ด้วยหนังสือแนวที่ตัวเองชอบสักหน่อย ถือเป็นการบริหารสมอง กระตุ้นให้เรามีสมาธิจดจ่อกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ทำให้เรามีความคิดเชิงวิเคราะห์ที่ดีขึ้นด้วย 4.จัดห้องให้น่าอยู่ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดได้ อย่างเช่น การสรรหาเตียงกับหมอนที่นอนแล้วผ่อนคลายที่สุด การทุ่มเทให้กับบรรยากาศในห้องส่วนตัวก็เป็นเรื่องที่สำคัญต่อใจเหมือนกัน 5.บำบัดหัวใจด้วยกลิ่นและเสียง เวลาได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย เรามักจะหวนคิดไปถึงความทรงจำดีๆ ในช่วงเวลาที่ได้กลิ่นนั้น เป็นการผ่อนคลายทางประสาทสัมผัส ช่วยให้เราลืมช่วงเวลาแย่ๆ และมีกำลังใจในชีวิตต่อไป 6.เล่นกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าเราจะอยู่ในอารมณ์ไหน การได้มีสัตว์เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ มักช่วยให้เราสบายใจและมีความสุขขึ้นอีกระดับหนึ่ง 7.หากิจกรรมให้ร่างกายได้ออกกำลัง บางคนชอบคลายเครียดด้วยการออกกำลังกาย แต่แนะนำว่าถ้าเหนื่อยจากการทำงานมากแล้วก็ไม่ควรเบิร์นหนักเกินไป ลองหาท่าออกกำลังเบาๆ อย่างเบสิคโยคะ จ๊อกกิ้ง จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่จากไขมันได้ 8.บำรุงผิวพรรณด้วยผลิตภัณฑ์ดีๆ ใครที่รักสวยรักงามอยากให้ผิวได้พักผ่อนบ้าง ลองสรรหาผลิตภัณฑ์ […]
ค้นหาตัวเอง ค้นพบสิ่งที่ “ชอบ” เพื่อนเติมเต็มสิ่งที่ “ใช่”
ค้นหาตัวเอง ค้นพบสิ่งที่ “ชอบ” เพื่อนเติมเต็มสิ่งที่ “ใช่” หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าตัวเราชอบอะไร สนใจอะไร ถนัดอะไร หรืออะไรคือสิ่งที่ “ใช่” สำหรับเราจริงๆ กันแน่ มา ค้นหาตัวเอง ค้นพบสิ่งที่ใช่สำหรับคุณ ที่จะทำให้คุณรู้จักและรู้ใจตัวเองมากยิ่งขึ้น จะมีอะไรบ้างที่จะช่วยทำให้เราค้นหาตัวเองได้ดี ไปดูกันจ้า อย่านำตัวเองไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น บางครั้งเราอาจจะเห็นคนอื่นเดินในเส้นทางเดียวกับเรา แต่เขาสามารถทำออกมาได้ดี ประสบความสำเร็จ จนเราตั้งคำถามกับตัวเองว่า ทำไมเราจึงทำไม่ได้ ทำไมเราจึงสู้เขาไม่ได้ สาเหตุที่เราไม่ควรเปรียบเทียบตัวเองกับผู้อื่นเป็นเพราะคนแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งความคิด สภาพจิตใจ การศึกษา สภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู ฯลฯ เราสามารถดูผู้อื่นเพื่อเป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตได้ แต่ไม่ควรกดดันตัวเองจนเกินไป หรือคาดหวังว่าเราจะสามารถเป็นอย่างใครได้เหมือนกันแบบ 100% นี่อาจจะไม่ใช่การค้นหาตัวเองแบบ 100 % แต่แน่นอนว่ามันจะช่วยทำให้เราหยุดเดินไปในเส้นทางที่ผิดจากที่ควรจะเป็น ทำแบบทดสอบ คุณสามารถทำความรู้จักกับตนเอง ค้นหาความชอบและความถนัดของตนเองได้จากการทำแบบทดสอบ ซึ่งมีมากมายหลากหลายแนว ทั้งการทดสอบความคิด ทอดสอบทัศนคติ ทดสอบความถนัด เพื่อใช้ดูเป็นแนวทางในการค้นหาตัวเอง และเลือกทำในสิ่งที่ตรงกับใจของคุณได้ อ่านหนังสือ ค้นคว้าหาข้อมูล ลองศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสนใจ ว่ามันเป็นอย่างไร มีลักษณะเป็นอย่างไร […]
อย่าวู่วาม! “ลาออกจากงาน” ต้องใจเย็นๆ ตั้งสติและคิดให้รอบคอบ
อย่าวู่วาม! “ลาออกจากงาน” ต้องใจเย็นๆ ตั้งสติและคิดให้รอบคอบ เมื่อต้องทำงานอยู่ในสถานที่แห่งเดิม งานแบบเดิมๆ ที่ขาดความท้าทาย เชื่อว่าหลายคนคงเคยมีความรู้สึก “เบื่องาน” เข้ามาในหัว รู้สึกกลัววันจันทร์จนไม่อยากให้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ผ่านไป และแน่นอนว่าถ้าเกิดความรู้สึกเบื่องานขึ้นมาเมื่อไหร่ ความรู้ขั้นถัดไปก็คือ “อยากลาออก” ซึ่งเหตุผลที่ต้องการลาออกของแต่ละคนก็ต่างกันไป บางคนอาจออกไปหาประสบการณ์ใหม่ บางคนอาจตัดสินใจออกไปเพราะแค่อารมณ์เบื่อ ไม่รู้ว่าลาออกไปจะทำอะไรต่อ สำหรับคนที่ลาออกด้วยเหตุผลแรกเมื่อฟังก็ยังพอเข้าใจ ว่าอยากไปทำงานที่ใหม่เพราะอยากท้าทาย อยากพัฒนาตัวเอง และจะตัดสินใจลาออกเมื่อได้งานที่ใหม่แล้ว แต่ว่าเหตุผลที่สองก็คือการลาออกเพราะเบื่อ อาจสะท้อนว่าเรายังไม่เหมาะที่จะลาออกไปในช่วงนี้ และยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 ที่คาดเดาอะไรไม่ได้ นั้นถือว่ายังไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม GL อยากให้ทุกคนที่อยากลาออกไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ได้ลองตั้ง 3 คำถามนี้ถามกับตัวเองดูก่อน อย่างน้อยก็จะช่วยหาเหตุผลและตรวจสอบว่าคุณพร้อมที่จะลาออกหรือไม่ในตอนนี้ 1.ทำไมถึงอยากลาออก คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตที่จะต้องเจอจากคนรอบข้างอยู่แล้วแหละ แต่เวลาที่เราตอบคนอื่นออกไป อาจจะเป็นคำตอบที่ไม่ตรงกับใจตัวเองนัก ดังนั้นให้ลองตั้งคำถามนี้กับตัวเอง และตอบตัวเองด้วยความจริงใจ จะได้รู้สาเหตุที่แท้จริง อย่างเช่น – เรื่องงาน มันน่าเบื่อไป ก็ลองเสนอไอเดียหรือโปรเจ็คใหม่ๆ ให้หัวหน้า แล้วลองลุยกันสักตั้ง – เรื่องเงิน งานที่ทำอยู่มันคุ้มกับเงินไหม ถ้าไม่เราจะหาที่ใหม่แล้วเรียกเท่าไหร่ดี หรือจะอยู่ที่เดิมแล้วทำงานเสริม ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะ – […]
5 วิธีผ่อนคลายความเครียด ให้ตัวและหัวใจได้พักผ่อนในวันหยุด
5 วิธีผ่อนคลายความเครียด ให้ตัวและหัวใจได้พักผ่อนในวันหยุด หลายคนลุยงานตั้งแต่วันจันทร์ ลากมายาว 5 วัน จนร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้า ใช้สมองคิดเรื่องงานไปต่างๆ นาๆ จนเกิด “ความเครียด” ไหนๆ วันพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งที เลยอยากให้ทุกคนในที่นี้ลองพักสมอง ปล่อยเรื่องงานที่ไม่จำเป็นทิ้งเอาไว้ ให้ตัวและหัวใจได้ผ่อนคลาย ด้วยการทำกิจกรรมง่ายๆ ที่ทำได้ที่บ้านตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงนี้ 1.พักผ่อนด้วยการนอน ถ้ารู้สึกเหนื่อยล้า คงไม่มีอะไรจะดีกว่าการนอนพักยาวๆ จากปกติที่ต้องรีบตื่นขึ้นมาแต่เช้า ล้างหน้า แปรงฟัน กินข้าว ให้ตัวเองพร้อมสำหรับการทำงาน ในวันหยุดก็ลองนอนให้นานกว่าเดิมสักหน่อย ฟื้นฟูร่างกายให้เต็มร้อยและสดชื่น แต่ก็ต้องระวังอย่าให้นอนหลับนานเกินไปนักเพราะอาจจะทำให้ปวดหัวได้นะ 2.จัดห้องใหม่ให้น่าอยู่ การจัดบ้านหรือจัดห้องใหม่ให้น่าอยู่ ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยคลายเครียดได้ดีเหมือนกันนะ แถมได้เปิดโลกใหม่ไปกับการช็อปปิ้งของแต่งทางห้องออนไลน์ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สนุกที่สุดเลยหละ อาจจะหาผ้าปูที่นอนหรือปลอกหมอนลายใหม่ โคมไฟ สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ มาประดับตกแต่งบรรยากาศให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่น่าเบื่อ 3.สนุกไปกับหนังหรือซีรีส์ดีๆ ในช่วงนี้มีหนังและซีรีส์ดีๆ ออกมามากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะมาจากแพลตฟอร์มที่หลายคนรู้จักกันดีอย่าง Netflix, Disney+ Hotstar หรือว่า HBO Go นอกจากนี้ยังมีหนังและซีรีส์สายจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีอย่าง iQIYI, WeTV และ […]
เทคนิคง่ายๆ ให้เราเป็นที่รักและไว้ใจของ “เพื่อนร่วมงาน”
เทคนิคง่ายๆ ให้เราเป็นที่รักและไว้ใจของ “เพื่อนร่วมงาน” นอกจากความรู้ความสามารถที่ใช้ในการทำงานแล้ว ความสัมพันธ์กับ “เพื่อนร่วมงาน” ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน การเป็นคนน่ารัก น่าคบหา อย่างไรก็ดีกว่าต้องทำงานอยู่อย่างเหงาๆ ไม่มีใครอยากเข้าไปใกล้ และงานบางอย่างการทำงานเป็นทีมนั้นสำคัญมาก ถ้าหากไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้ก็อาจส่งผลให้งานมีอุปสรรคก็ได้ หากใครอยากเป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารักจนใครๆ ก็อยากเข้ามาสนิทสนมด้วย แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ในค่ำคืนนี้ GL มีเทคนิคดีๆ มาบอกกัน – ต้องจริงใจ แค่เริ่มต้นด้วยความจริงใจในการเข้าหาผู้อื่นขั้นต่อไปก็จะง่ายแล้ว ให้คิดไว้ว่าหากเราอยากให้ผู้อื่นจริงใจกับเรา เราก็ต้องจริงใจและปราถนาดีกับเขาก่อน ไม่เสแสร้งหรือแกล้งเข้าหาเพื่อผลประโยชน์อะไรบางอย่าง แม้ว่าอาจจะมีบ้างที่บางคนไม่ได้ให้ความจริงใจนั้นตอบกลับมา ไม่ต้องเสียใจไปแค่เดินถอยออกมาให้ไกลก็พอแล้ว – คอยให้คำปรึกษา ลองคิดดูว่าถ้าหากเราเจอปัญหา แล้วมีคนมาคอยให้คำปรึกษาและให้กำลังใจ แน่นอนว่าเราต้องรู้สึกดีกับเขาคนนั้นอย่างแน่นอน เราก็แค่ทำตัวให้เป็นประโยชน์แบบเขาคนนั้นซะ สิ่งไหนที่เรารู้ดีและแนะนำได้ก็ช่วยบอกไป แต่บางเรื่องเช่นเรื่องส่วนตัว ถ้าเขาไม่มาถาม อย่าได้เสนอหน้าเข้าไปก่อนเชียว เดี๋ยวเขาจะหาว่าสอด – ถามไถ่ เอาใจใส่ นอกจากเรื่องงานแล้ว ยังมีเรื่องง่ายๆ ที่สามารถคุยกันได้โดยไม่รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว เพียงกล่าวทักทายและสวัสดีหลังจากนั้นก็แค่ถามว่ากินข้าวหรือยัง ตอนเที่ยงฝากซื้ออะไรไหม กลับบ้านทางไหน ไปด้วยกันหรือเปล่า ประโยคคำถามง่ายๆ เหล่านี้นี่แหละที่จะเป็นเหมือนใบเบิกทางให้เรากับเพื่อนร่วมงานสนิทสนมกันขึ้นไปอีกขั้น หลังจากนั้นจะมีเรื่องต่างๆ มาคุยกันต่อเอง – ไม่เอาเปรียบ […]
เป็นยอดคนด้วย 7Q ที่สุดของ คนเก่ง ที่ออฟฟิศต้องการ
เป็นยอดคนด้วย 7Q ที่สุดของ คนเก่ง ที่ออฟฟิศต้องการ ปกติแล้วเราจะรู้กันว่า คนเก่ง ที่มีความสามารถส่วนใหญ่ในที่ทำงาน คือคนที่มี IQสูงๆ แล้วก็ยังมี EQที่ดีอีกด้วย แต่แค่นั้นอาจไม่พอ มาสร้างคุณค่าให้กับตัวเราเองด้วย 7Q ให้เป็นที่สุดของคนเก่งที่รับรองว่าออฟฟิศจะขาดคุณไปไม่ได้ หรือไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนแต่เป็นที่ต้องการกันค่ะ IQ – Intelligence Quotient IQ หรือ Intelligence Quotient ก็คือความฉลาดทางปัญญา หรือการเป็นคนที่มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ การใช้เหตุและผล และรวมไปถึงการคำนวณด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วคนทั่วไปจะมี IQ อยู่ที่ 90 – 109 และในชีวิตการทำงานที่เราจะสังเกตได้ว่า บริษัทแทบจะทุกที่ต้องการคนที่มี IQ สูง ก็เพราะว่า เขาสามารถเรียนรู้ได้เร็ว คิดวิเคราะห์ถึงปัญหาได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังสามารถหาทางแก้ไข้ได้ดีอีกด้วย EQ – Emotional Quotient มาถึงตัวที่สอง ที่แทบจะเป็นพื้นฐานอีกตัวที่เราได้ยินและเห็นกันบ่อยก็คงไม่พ้น EQ หรือ Emotional Quotient ซึ่งก็คือความฉลาดทางอารมณ์ […]
เปลี่ยนความคิดกับสิ่งรอบตัว ขจัดความทุกข์
เปลี่ยนความคิดกับสิ่งรอบตัว ขจัดความทุกข์ คนเราเวลาไม่สบายใจก็เป็นทุกข์ เวลาเศร้าโศก เสียใจ ขุ่นเคืองใจ ก็เป็นทุกข์ เชื่อว่าทุกคนไม่อยากจะมีความทุกข์ บางคนทุกข์ เสียจนเกิดเป็นความท้อแท้ จนอยากจะถอยหลังหนีปัญหา หรือบางคนก็ตัดสินใจหนีปัญหาที่ทำให้เกิดทุกข์ไปด้วยวิธีผิดๆ ก็มี เราอยากจะบอกกับทุกคนทั้งที่มีทุกข์ หรือไม่มีทุกข์ทั้งหลายค่ะว่าในการจะจัดการกับความรู้สึกต่างๆ ทั้งหลาย เราจะต้องทำความรู้จักกับสิ่งที่จะมารบกวนความสุขเสียก่อน นั่นคือการทำความรู้จักกับทัศนคติต่างๆ ที่ทำให้เราเกิดทุกข์นั่นเอง แน่ล่ะค่ะว่าความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่ไม่มีใครสามารถที่จะหนีได้พ้น แต่เราสามารถหลีกเลี่ยงมัน และดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุขได้ เพียงแต่ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนยากที่มีชื่อเรียกว่า “ความทุกข์” กันเสียก่อน แล้วอะไรบ้างที่ทำให้เกิดทุกข์? คำถามนี้ฟังดูออกจะเป็นในเชิงธรรมะอยู่สักหน่อย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันก็แค่คำถามธรรมดาสามัญในชีวิตของเราเท่านั้น คำถามที่ทุกคนสามารถหาคำตอบได้ง่ายๆ ไม่ยากเย็น เพียงแค่สังเกตไปรอบๆ ตัว เท่านั้น สิ่งที่จะเป็นตัวตัดสินว่าคุณจะมีทุกข์ หรือมีความสุขนั้นก็คือตัวของคุณเอง แค่ตัวคุณเองเท่านั้น ความทุกข์ทั้งหลายเกิดขึ้นจากตัวเอง มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกที่จะมองหรือรับรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยทัศนคติแบบไหน จะเก็บเอาสิ่งต่างๆ ทั้งหลายมาก่อให้เกิดเป็นความทุกข์ หรือเลือกที่จะมองสิ่งต่างๆ ในแง่ที่ทำให้เกิดความสุขกับตนเอง มันล้วนขึ้นอยู่กับทัศนคติการมองโลกของคุณ แล้วทัศนคติใดบ้างที่ทำให้เกิดทุกข์? การมองโลกในแง่ลบทั้งหลาย ความรู้สึกในแง่ลบต่างๆ การปฏิเสธ และสิ่งต่างๆ ที่ประกอบไปด้วยคำว่า “ไม่” ทั้งหมดนั่นคือส่วนประกอบหลักของสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นได้ แต่ไม่ว่าอะไรก็ตามสามารถทำให้เกิดความทุกข์ได้ทั้งนั้น หากว่าคุณไม่รีบปรับเปลี่ยนมุมมองและทัศนคติที่มีต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว การที่คุณมองเห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นได้รับคำชมจากเจ้านายแล้วเกิดความอิจฉา […]
ข้อคิด : เมื่อดีกับคนอื่นมากเกินไป จนส่งผลร้ายกับตัวเราเอง
ข้อคิด : เมื่อดีกับคนอื่นมากเกินไป จนส่งผลร้ายกับตัวเราเอง เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด… “ข้อคิด” ที่เป็นประโยคสั้นๆ และจับใจความได้ง่าย แต่ส่งผลร้ายกับตัวเราสุดๆ แน่นอนว่าการมองโลกในแง่ดีและเป็นคนดีนั้นเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้สมควรเป็นอย่างยิ่ง แต่หากว่าลืมคิดไปและใจดีกับทุกคนหรือใจดีกับคนๆ หนึ่งจนเกินไปจนไม่สนใจตัวเราเอง มันก็อาจเป็นช่องโหว่ให้ตัวเราได้รับผลกระทบในภายหลังได้ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำก็คือการประเมินคนและประเมินสถานการณ์ ว่าเราควรดีกับเขามากแค่ไหนหรือเราช่วยเขาได้เท่าไหร่ เอาที่ตัวเองไหวก็พอ อย่าไปฝืนจนตัวเราได้รับผลกระทบเสียเอง วันนี้เราเลยเอาข้อเสียของการเป็นคนดีมากเกินไปมาให้ดูกัน ว่ามันจะเป็นอย่างไร – อาจเสียท่าให้พวกมองหาแต่ผลประโยชน์ ความใจดีของเราบางทีก็กลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนที่จ้องหาแต่ผลประโยชน์ มาคอยเอาเปรียบและใช้ประโยชน์จากเรา และเมื่อถึงวันที่เราหมดประโยชน์หรือเจอปัญหาคนประเภทนั้นก็คงไม่มองย้อนกลับมาหรือคิดที่จะช่วยเหลือเป็นการตอบแทนบ้าง ปล่อยให้เราเผชิญกับวิกฤติชีวิตอยู่เพียงคนเดียว – ปฏิเสธเพียงครั้งเดียว เราจะกลายเป็นคนใจร้ายไปทันที ถ้าช่วยครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง แล้วเมื่อไหร่ที่เราปฎิเสธที่ก็จะถูกมองว่าใจร้ายและไม่มีน้ำใจในทันที แต่ถ้าเราคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องแล้วก็อย่าไปแคร์ความคิดคนอื่น เพราะสิ่งที่เราควรจะต้องแคร์คือความคิดของตัวเองและคนในครอบครัวต่างหาก – ห่วงคนอื่นจนลืมตัวเอง เอาเรื่องของคนอื่นมาใส่ใจมากๆ ก็กลายเป็นความเครียดสะสม คอยแต่จะคิดหาวิธีหาทางออกให้กับเขาจนลืมตัวเราเองไป ไม่ผิดอะไรถ้าอยากช่วยคนอื่น แต่จะดีกว่าถ้าให้เขาลองแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นไป เราก็ให้แค่คำแนะนำที่คิดว่าดีที่สุด ส่วนเขาจะทำอย่างไรนั้นก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของเขา – ต้องคอยช่วยทั้งๆ ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย เรื่องที่ไม่ใช่ของตัวแต่เก็บมาเป็นเรื่องของตัวเอง แม้จะคิดให้ปวดหัวหรือช่วยเหลือเขาไปสุดท้ายมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา สู้กลับมารัก มาเอาเวลาดูแลตัวเองดีกว่า เพราะบางทีการช่วยเหลือคนอื่นแล้วไม่ดีพอก็กลายเป็นเขาไม่พอใจเราขึ้นมาอีก อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม How to เติมพลังกาย-พลังใจ ให้มนุษย์วัยทำงาน […]
7 วิธีสร้างสุขใน “การทำงาน” ไม่ต้องมีเคล็ดลับอะไร แค่เริ่มง่ายๆ ที่ตัวเรา
7 วิธีสร้างสุขใน “การทำงาน” ไม่ต้องมีเคล็ดลับอะไร แค่เริ่มง่ายๆ ที่ตัวเรา หากเราไม่มีความสุขกับ “การทำงาน” แน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของงาน และเมื่อทำงานออกมาได้ไม่ดีเท่าไหร่สุดท้ายก็จะเกิดความเครียด หมดไฟ ไม่กระตือรือร้นที่จะมาทำงาน หรือไม่ก็ทำแค่ให้มันผ่านพ้นไปและรอเอนจอยกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เพียงเท่านั้น คิดว่าถ้าใครกำลังเป็นแบบนี้อยู่คงไม่ดีเท่าไหร่ ให้ลองมองหาต้นเหตุดีไหมว่าทำไมเราไม่มีความสุข และลองเอา 7 วิธีสร้างสุขในการทำงานที่ GL เอามาแชร์กันในวันนี้ไปใช้กัน 1.มองโลกในแง่บวก ลองเปิดใจมองโลกให้กว้างขึ้นและมองอย่างเข้าใจ คิดบวกเข้าไว้แล้วจะมีแต่สิ่งดีๆ ตามมา บางทีการทำงานมันก็ไม่ได้น่าเบื่อขนาดนั้น ปัญหาที่เข้ามาก็คิดว่าเป็นการทดสอบและฝึกฝนตัวเองให้ยกระดับความสามารถไปอีกขั้น 2.มีอารมณ์ขัน แม้จะอยู่ในช่วงเวลางานเราก็หาจังหวะปล่อยมุกพูดจากับเพื่อนร่วมงานที่สนิทบ้างก็ได้นะ การสร้างอารมณ์ขันหรือหยอกล้อกับเพื่อน ๆ สายฮา ก็ช่วยให้บรรยากาศในการทำงานมีความสุขมากขึ้น 3.ยึดหลัก Ergonomics สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่มีความสุขในการทำงานนั่นก็คืออาการเจ็บ ปวด เหนื่อย เมื่อยล้าต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นก็ควรปรับโต๊ะปรับเก้าอี้ให้เหมาะสม และหัดลุกออกไปยืดเส้นยืดสายซะบ้าง 4.ไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนพอใจเรา เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะทำให้ทุกคนพอใจและเข้าใจ บางทีเจอกับคนที่น่าปวดหัวก็ไม่ต้องพยายามไปฝืนเอาใจเขามากนัก ช่างมันและถอยออกมาอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่ทำให้เรามีความสุขและรอยยิ้มดีกว่า 5.อย่าเก็บปัญหามาคิดมากจนเกินไป เมื่อเกิดปัญหาในการทำงาน ไม่ผิดอะไรถ้าเราจะคิดไตร่ตรองและหาทางออก แต่ก็ต้องเว้นช่วงให้สมองได้พักจากเรื่องเครียดบ้าง หลังเลิกงานก็พยายามลบมันออกจากหัวไปซะ แล้วกลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง 6.เลิกบ่นแล้วลงมือทำ มุ่งมั่นที่เป้าหมาย หากเรามัวเอาแต่บ่นว่าไอ้นี่ไม่ดีอย่างนั้น ไอ้นั่นไม่ดีอย่างนี้ […]
อย่าแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า อย่าแบก “ปัญหาชีวิต” ไว้คนเดียว
อย่าแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า อย่าแบก “ปัญหาชีวิต” ไว้คนเดียว เคยเป็นกันบ้างไหม? เวลาเจอปัญหาหรือมีเรื่องราวทุกข์ใจผ่านเข้ามามักจะเก็บมันไว้โดยไม่บอกใครแล้วพยายามแก้ไขอยู่คนเดียว คิดว่ามีแต่เราที่ต้องแบกรับมันไว้ เพราะไม่อยากให้คนรอบข้างต้องมารับรู้และเดือดร้อนกับสิ่งที่น่าปวดหัวเหล่านี้ไปด้วย สุดท้ายปัญหานั้นก็บานปลายจนไม่สามารถแก้ไขได้ ก่อให้เกิดความกดดัน ความทุกข์ ความเศร้าขึ้นมาในใจ อยากบอกว่าแบบนี้มันไม่ดีสักเท่าไหร่ เพราะยิ่งเวลาผ่านไปมันจะยิ่งทำให้เราอ่อนล้า จิตใจอ่อนแอ เรี่ยวแรงถดถอย และอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าในที่สุด จะดีกว่าไหมถ้ามีปัญหาใดผ่านเข้ามาหรือมีงานที่หนักหนาถูกมอบหมายมาให้ เพียงลองมอบไปรอบๆ ตัว แล้วเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากคนอื่นดูบ้าง แม้ว่าเขาจะไม่ช่วยลงแรงก็ไม่เป็นไร แต่แค่ช่วยรับฟังและเป็นกำลังใจให้ก็ดีมากมายแล้ว บางคนอาจสงสัยว่าแค่เป็นกำลังใจและรับฟังมันจะมีประโยชน์อะไร ขอบอกว่าจริงๆ แล้วมันมีประโยชน์ต่อจิตใจมากเลยนะ เพราะการที่มีคนมาคอยรับฟังในเวลาที่เรามีปัญหามันจะช่วยแบ่งเบาภาระทางจิตใจ ช่วยให้รู้สึกโล่งสบาย และรู้สึกว่าเราไม่ต้องรับทุกอย่างไว้คนเดียว ยังมีคนรอบข้างคอยผลักดันให้เราผ่านช่วงเวลาร้ายๆ เหล่านั้นไปได้ หากใครที่กำลังเจอเรื่องหนักใจ หรือชอบเก็บอะไรไว้ในใจคนเดียวแบบที่ว่านี้อยู่ ก็อย่าแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า อย่าแบกปัญหาไว้คนเดียว อยากขอให้ลองเปิดใจให้คนรอบตัวดูสักครั้ง เปิดใจให้คนรอบข้างดูสักหน เชื่อว่ามันจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาได้แน่ อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม สาเหตุยอดฮิตที่ทำให้คู่รักต้องเลิกรา ตัดสินใจ “บอกลาความสัมพันธ์” 5 ข้อเสียของการ อยู่ตัวคนเดียว มานานเกินไป ที่ใครก็ปฏิเสธไม่ได้! คบรุ่นพี่ แล้วดีต่อใจ ข้อดีของการคบคนที่มีอายุมากกว่า 13 เรื่องง่ายๆ ที่ คู่รัก ควรทำให้กันในทุกๆ […]
Revenge Bedtime Procrastination ไม่ได้ “นอนไม่หลับ” แต่เลือกที่จะไม่นอน
Revenge Bedtime Procrastination ไม่ได้ “นอนไม่หลับ” แต่เลือกที่จะไม่นอน แม้ว่าวันนั้นจะทำงานหนักขนาดไหน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าไปทั้งตัวและหัวใจ แต่พอกลับบ้านมากินข้าว อาบน้ำ ทำนู่นทำนี่จนเวลาล่วงเลยไปถึงดึกดื่น แทนที่จะนอนเอาแรงเพื่อไปสู้งานในวันต่อไป เรากลับเลือกที่จะไม่นอน ขอสละเวลาพักผ่อนมาทำกิจกรรมที่เราชอบและรู้สึกผ่อนคลายไปกับมัน ทั้งเล่นเกม เปิดทีวีดูซีรีย์ อ่านหนังสือ ถูไถมือถือจนเกือบเช้า พฤติกรรมเช่นนี้นักจิตวิทยาเรียกมันว่าการผัดเวลานอน หรือ “Revenge Bedtime Procrastination” แน่นอนว่าการทำแบบนี้มันต่างจากการนอนไม่หลับโดยสิ้นเชิง เพราะเราเลือกที่จะเลื่อนเวลานอนออกไปด้วยความตั้งใจล้วนๆ แต่แล้วทำไมเราถึงเป็นแบบนี้? – นอนดึกเพื่อล้างแค้น ในข้อนี้มีคำตอบว่า Revenge Bedtime Procrastination นั้นมักจะเกิดกับคนที่เครียดกับการทำงานมาทั้งวัน ทำงานหนักสะสมมาเป็นเวลานานจนไม่มีเวลาเหลือไปใช้ชีวิตของตัวเองหรือไปทำอย่างอื่น ทำให้เลือกที่จะสละเวลานอนหรือเวลาพักผ่อนที่มีแล้วมาใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ เพื่อทวงเวลาการใช้ชีวิตที่หายไปในช่วง Daytime หรือนอนดึกเพื่อล้างแค้น แล้วยังมีอารมณ์ประมาณว่ายังไม่อยากให้ถึงเช้าเลย เพราะไม่อยากไปเผชิญกับความเครียดและกดดันแบบนั้นอีก – ผลเสียของการล้างแคน รู้หรือไม่ว่าผลของการล้างแค้นหรือชดเชยเวลาการใช้ชีวิตตอนกลางคืนนั้น สุดท้ายแล้วมันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง เราอาจจะได้ทำทุกอย่างที่อยากทำ ไม่ว่าจะเล่นเกมจนแรงค์ตัน เคลียร์เควสเนื้อเรื่องผ่าน 100% ดูซีรีย์ที่ดองไว้จนจบ หรืออ่านหนังสือที่ซื้อไว้ครบทุกเล่ม แต่เมื่อเวลาพักผ่อนที่มีค่าหายไป ทำให้ร่างกายไม่สามารถฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมามากมาย – แก้ยังไงดี […]