เปลี่ยน “เดี๋ยวก่อน” เป็น “ตอนนี้” เลิกนิสัย “คิดแล้วไม่ทำ”

เปลี่ยน “เดี๋ยวก่อน” เป็น “ตอนนี้” เลิกนิสัย “คิดแล้วไม่ทำ” หลายๆ คนอาจจะเคยมีประสบการณ์คิดไอเดียอะไรบางอย่างออกมาได้มากมาย แต่ถึงเวลาจริง ก็ไม่ได้ทำอะไรออกมาอย่างที่คิดสักที พอปล่อยเวลาให้ผ่านไปเนิ่นนาน ก็เริ่มขี้เกียจจนกลายเป็นล้มเลิกแผนการนั้นไปเลย หากเรากำลังเบื่อหน่ายกับนิสัย “คิดแล้วไม่ทำ” แบบนี้ มาลองเปลี่ยนตัวเราเป้นคนใหม่ ด้วยการ “คิด แล้ว ทำ” กันค่ะ  ::: “ความกังวล” ยิ่งคิดก็ยิ่งเพิ่ม ::: สาเหตุยอดนิยมอย่างหนึ่งของคน “คิด แล้ว ไม่ทำ” คือ “ความกังวล” เรากลัวว่าเมื่อลงมือทำแล้วจะประสบปัญหา หรือพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ เราจึงต้องคิดวางแผนอย่างถี่ถ้วนเสียก่อนที่จะลงมือทำ จนหลายครั้งที่อาจรู้สึกท้อไปเสียก่อนที่จะได้เริ่มลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง ที่จริงแล้ว ความกังวลนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้น พอกังวัลเรื่องหนึ่ง เราก็จะพาลคิดกังวลในเรื่องต่อๆไปตามมาอีกมากมาย จนกลายเป็นความกังวลที่ทบเท่าทวีคูณ จนไม่กล้าลงมือทำเสียที พยายามคิดกังวลให้น้อยลง ปล่อยใจให้สบาย มองและวางแผนตามความเป็นจริง แล้วลงมือทำตามที่คิดกันเถอะค่ะ  ::: ประเมินความเสี่ยงที่เรารับได้ ::: เตรียมใจเอาไว้ว่าความผิดพลาดทั้งหลายนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ในขณะที่ความผิดพลาดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ ความสำเร็จก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ลองชั่งน้ำหนักดูว่า มันคุ้มที่จะเสี่ยงหรือไม่ ถ้าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงก็เลิกเกรงกลัว […]

4 วิธีเลิกนอยด์ หยุดคิดฟุ้งซ่าน เลิกกังวลไปล่วงหน้า

4 วิธีเลิกนอยด์ หยุดคิดฟุ้งซ่าน เลิกกังวลไปล่วงหน้า ใครที่ชอบคิดกังวลไปล่วงหน้าว่าเดี๋ยวจะเกิดปัญหาขึ้น เดี๋ยวจะต้องมีเรื่องไม่สบาย เดี๋ยวผลลัพธ์จะไม่ออกมาเป็นอย่างที่เราตั้งใจ Goodlife มีวิธีการที่ช่วยให้เราหยุดกังวลไปล่วงหน้า หยุดคิดฟุ้งซ่าน มาฝากทุกคนกันค่ะ ::: ตามให้ทันความคิดของตัวเอง ::: ลองนั่งตั้งสติ แล้วคิดพิจารณาดูว่าความคิดของเราตอนนี้เป็นอย่างไร เรากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ อะไรคือสิ่งที่เรากังวลอยู่ เพื่อที่เรามองให้เห็นต้นเหตุของปัญหา ว่าเรื่องอะไรที่คาใจเราอยู่กันแน่ ::: แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ::: เมื่อเรารู้แล้วว่า อะไรคือสิ่งที่เรากังวลอยู่ ลองนั่งคิดหาทางแก้ปัญหาดู ถ้าสิ่งที่เรากังวลนั้นเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ก็ลองคิดหาทางออกเอาไว้ล่วงหน้าหลายๆ แผน เผื่อแผนสอง แผนสามเอาไว้เพื่อความอุ่นใจ เมื่อเราคิดวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ก็ทำใจให้สบาย คลายความกังวลให้น้อยลง ::: วางแผนอนาคตแบบยืดหยุ่นได้ ::: การวางแผนล่วงหน้าไปยังอนาคตเป็นสิ่งที่ดี เพราะจะช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต แต่ในขณะเดียวกัน การคิดกังวลล่วงหน้ามากเกินไป อาจทำให้เรายิ่งรู้สึกไม่มีความสุข เครียด ไม่สบายใจได้ เราควรวางแผนอนาคตล่วงหน้าในรูปแบบที่ “ยืดหยุ่นได้” คือใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท อย่าไปเข้มงวด หรือคาดหวังจนเกินไปว่าอนาคตจะต้องเป็นไปอย่างที่เราต้องการเสมอ มีการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ ::: มีความสุขกับปัจจุบัน ::: อยู่กับปัจจุบัน นึกถึงเรื่องในปัจจุบัน […]

แก้ไขตัวเองอย่างไรให้ Work- Life Balance

เราได้ยินบ่อยมากว่า ชีวิตต้องมี 2 ด้านทั้งเรื่องงานและการใช้ชีวิตบนวิถีบาลานซ์ที่สมดุล แต่มีน้อยคนนักที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้ และนี่คือหนทางแก้ไขที่จะทำให้คุณบาลานซ์ตัวเองได้ในที่สุด – มองหาความบาลานซ์ที่เหมาะสมกับตัวเอง จริงๆ แล้วเวิร์คไลฟ์ บาลานซ์เป็นแนวคิดที่เป็นปัจเจกบุคคล ความบาลานซ์ของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เพียงแต่เราต้องหาระดับที่เหมาะสมกับเราได้ ขึ้นอยู่กับคุณที่จะจัดลำดับความสำคัญปรับเปลี่ยนและตัดสินใจว่าคุณเป็นอย่างไร พร้อมหรือไม่พร้อมที่จะทำอะไร แต่อย่าลืมที่จะฟังเสียงความรู้สึกร่างกายและอารมณ์ของคุณ รวมถึงฟังสัญชาตญาณของคุณเอง – ระวังการเพิ่มขึ้นของอะดรีนาลีน อะดรีนาลีนที่เกิดจากความเครียดจะทำให้คุณเดินต่อไปได้แค่ระยะสั้นๆ และส่งผลต่อการอยู่ในร่างกายได้ยาวนานขึ้นก่อนที่คุณจะรู้สึกหมดแรงในไม่ช้า การที่อะดรีนาลีนหลั่งมากเกินไปเป็นเวลานาน บางทีอาจเกิดจาก ความกลัว ความเครียด หรือความโกรธสามารถทำให้เกิดการหลั่งอะดรีนาลีนเพิ่มขึ้นได้ และส่งผลให้คุณนอนไม่ค่อยหลับ กระวนกระวายและมึนศีรษะได้ ฉะนั้นจงควบคุมมันให้ดีอย่าพยายามให้เกิดมากเกินไปบ่อยนัก – อย่าเป็นผู้พร้อมพลีกายถวายตัวให้กับงาน บริษัทไม่ได้รักเราขนาดนั้น ทว่าหากคุณเป็นอะไรขึ้นมา เค้าก็แค่หาพนักงานใหม่มาทดแทน ถ้าวันหนึ่งคุณพบว่าตัวเองพูดว่า “ฉันมีงานต้องทำมากมาย” หรือ “ฉันต้องทำทุกอย่างที่นี่ให้เสร็จ” ให้ระวังความคิดนี้ให้ดี เพราะคุณกำลังเป็นคนคลั่งงานที่ทำให้คนรอบตัวรู้สึกรำคาญและไม่อยากเข้าใกล้ ลองลดภาระลงจากบ่าดูบ้าง เงยหน้าจากคอมพ์แล้วจะพบว่ามีคนรอคุย สนทนากับคุณอีกมาก จำไว้ว่าโลกจะไม่หยุดหมุน ถึงคุณหยุดพยายามทำทุกอย่างด้วยตัวเองคุณเดียว – บางครั้ง ‘ความพอดี’ อาจจะดีพอ ถามคำถามกับตัวเองเสมอว่า เราจะให้คะแนนการทำงานกับโปรเจคต์แต่ละชิ้นมากเท่าไร ถ้าจำนวนงานจาก 9 ใน 10 […]

เบื่องาน! อยู่ใช่ไหม ลองมาปลุกไฟในตัวเราให้ลุกโชนกันดีกว่า

เบื่องาน! อยู่ใช่ไหม ลองมาปลุกไฟในตัวเราให้ลุกโชนกันดีกว่า การทำงานมันก็ต้องมีความเหนื่อย ความล้า ความเยอะจนพาลให้เรากลายเป็นคน เบื่องาน และหมดไฟ เป็นธรรมดา แต่สุดท้ายยังไงเราก็ต้องกลับมาทำงานนั้นอยู่ดี เพราะจะให้เลิก ลาออก หรือเดินถอยออกไปมันก็คงทำไม่ได้ ก็ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองและหาเงินไปเปย์สิ่งที่อยากได้นี่นา วันนี้ GL เลยนำวิธีปลุกไฟให้กลับมาลุกโชนเพื่อให้เราสามารถกลับมาสู้งานได้อีกครั้งมาฝากกัน 1.ปรับอารมณ์และความรู้สึกก่อนเริ่มงาน ก่อนเริ่มงานทุกครั้งให้เราลองนั่งหลับตาทำสมาธิและปรับอารมณ์ให้อยู่ในโหมดทำงานด้วยการนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำในวันนี้ แล้วคิดว่าจะทำอย่างไรให้สำเร็จ เมื่อทำสำเร็จแล้วก็จะได้รับความชื่นชม พร้อมกับผลตอบแทนตามที่คาดหวังไว้ พูดง่ายๆ ก็คือให้นึกถึงความสำเร็จของการทำงานเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ตัวเองนั่นแหละ 2.เริ่มทำงานไม่ยาก หรืองานที่ไม่ค่อยชอบก่อน หากเราเริ่มทำงานจากงานที่ไม่ชอบหรือที่มีปัญหาเยอะๆ ก่อน เมื่อเราสามารถผ่านด่านนั้นไปได้แล้ว เราก็จะรู้สึกว่างานอื่นๆ หรืองานที่ถนัดนั้นง่าย สบาย และราบรื่น ยิ่งกว่านั้นก็คือการจบวันทำงานด้วยความสนุกเพราะได้ทำงานที่เราชอบก่อนเลิกงาน ลองเปรียบเทียบดูว่า หากต้องมานั่งทำงานที่ไม่ชอบช่วงใกล้เลิกงานเราก็คงรู้สึกเบื่อและพาลไม่อยากมาทำงานในวันพรุ่งนี้เช้า 3.คุยกับคนมีไฟ ขอกำลังใจจากคนรอบข้าง เกือบทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกนี้ย่อมมีคนเคยประสบหรือผ่านมันมาแล้วทั้งนั้น หากเราเจอปัญหาอะไรก็ลองหันไปปรึกษาคนที่อยู่รอบกายหรือคนที่มีความสามารถซึ่งน่าจะช่วยชี้ทางและช่วยแนะนำให้เราผ่านปัญหาที่พบเจอไปได้ อย่าเพิ่งคิดไปเองว่าเราคงผ่านมันไปไม่ได้แน่ๆ นอกจากนี้การคุยและการอยู่กับคนมีไฟก็จะช่วยให้ไฟเราติดขึ้นมาได้ด้วยเช่นกัน 4.มูเตลูสร้างความมั่นใจ บางทีการหมดไฟก็อาจเกิดจากการขาดความมั่นใจในตัวเอง เลยอยากให้ลองหันไปพึ่งพาโชคลาภ เครื่องราง หรือของนำโชคดูบ้างเผื่อจะสร้างความมั่นใจให้เราได้ อาจลองเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการแต่งกายตามสีมงคลประจำวัน 5.ลาพักร้อน อยู่กับงานมากเกินไปก็หมดไฟได้เหมือนกัน ลองหาวันหยุดพักผ่อนยาวๆ หลบไปพักกาย พักใจ […]

รวมวิธี หยุดอาการ Panic หมดปัญหาตื่นตระหนกเกินเหตุ

รวมวิธี หยุดอาการ Panic หมดปัญหาตื่นตระหนกเกินเหตุ อาการตื่นตระหนกอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางครั้งเราก็รู้ตัว แต่บางครั้งเราก็อาจจะไม่รู้ตัว แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณรู้วิธีหยุดอาการ Panic เหล่านี้ได้ คุณก็จะสามารถรับมือกับมันได้ดีขึ้น หากเกิดขึ้นอีกในอนาคต 1. สูดหายใจลึกๆ รู้มั้ยว่าหลายคนเองเวลาที่ตื่นตระหนก เรามักจะลืมหายใจ ซึ่งการสูดลมหายใจของเรานั้นจะสั้นลง และสูดออกซิเจนเข้าไปไม่เพียงพอ ดังนั้น ลองฝึกเทคนิคการหายใจง่ายๆ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ หรือจะโน้ตข้อควรจำนี้ไว้ในมือถือของคุณก็ได้ หากรู้สึกแพนิคขึ้นมาอีก 2. เขียนความคิดที่อยู่ในหัว การจดบันทึกเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีในการลดความวิตกกังวล ในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกสบายดีให้ลองเขียนความคิดของคุณว่าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกเสียขวัญ ซึ่งการระบายความคิดออกไป จะช่วยให้คุณสงบลงได้อย่างรวดเร็ว และบรรเทาอาการแพนิคลงได้ 3. วางแผนล่วงหน้า ฝึกวางแผนล่วงหน้าในการรับมือ หากเป็นสถานการณ์ที่คุณไม่สามารถออกไปไหนได้ ให้นึกถึงการหายใจเข้าลึกๆ และตั้งสติ รู้จักวิธีวางแผนสำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งมันจะช่วยให้คุณสงบสติอารมณ์ได้ 4. ฝึกการใช้สติ ฝึกทำสิ่งเหล่านี้ที่บ้าน ในขณะที่คุณกำลังรู้สึกผ่อนคลาย เพราะวิธีนี้จะช่วยให้คุณจำได้ว่าอะไรเหมาะกับคุณและสามารถใช้ได้ในช่วงเวลาที่อาการ Panic เกิดขึ้น ลองฝึกการมีสติสักสองสามนาที ซึ่งมันจะช่วยทำให้คุณกลับมาสู่ปัจจุบันและช่วยให้คุณสงบลง 5. มองหาพื้นที่สงบ และพูดคุยกับตัวเอง ออกจากห้องอันน่าอึดอัดที่คุณยืนอยู่และหลีกหนีจากคนอื่นๆ มองหาจุดที่เงียบสงบ หรือเดินออกไปนั่งที่รถ จากนั้นคุยกับตัวเอง พูดถึงความรู้สึกของคุณและสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของคุณ […]

4 เรื่องที่ควรจัดการ เพื่อให้มี Work-Life Balance ในชีวิต

4 เรื่องที่ควรจัดการ เพื่อให้มี Work–Life Balance ในชีวิต ถ้าหากเราต้องการจะทำงานได้อย่างราบรื่นและใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว หรือที่เรียกว่า Work-Life Balance เราก็ต้องบริหารจัดการสิ่งต่างๆ ให้เกิดความราบรื่นควบคู่กันไป เพราะถ้าเน้นหนักไปที่อย่างใดอย่างหนึ่งก็คงจะไม่มีความสมดุลเท่าไหร่นัก เน้นงานมากไปสีสันในชีวิตก็จะขาดหาย เน้นการใช้ชีวิตมากไปหน้าที่การงานก็คงจะไม่พัฒนา งั้นลองมาดูกันดีกว่าว่าเรื่องหลักๆ ที่เราต้องบริหารจัดการควบคู่กันไปให้ลงตัวนั้นมีอะไรบ้าง 1.เวลา การบริหารจัดการเวลาให้ดีจะช่วยให้เรามีความสมดุลในชีวิต เพราะว่าเมื่อเรากำหนดขอบเขตเวลาการทำงานและทำได้สำเร็จตามขอบเขตนั้น เราก็จะมีเวลากลับมาใช้ชีวิตของตัวเอง ไม่ต้องเอาเวลางานมาเบียดเบียนจนไม่มีเวลาพักหายใจ เพราะฉะนั้นเวลาทำงานก็ทำเต็มที่ ทำให้สำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย เวลาใช้ชีวิตก็มีความสุข สนุกไปกับมัน อย่ามัวหันมาแต่คิดเรื่องงานให้ปวดหัว 2.อารมณ์ เมื่ออารมณ์ไม่ดีจากที่บ้านก็ไม่ควรเอามาพาลใส่คนในออฟฟิศ เช่นเดียวกัน เมื่อมีเรื่องเครียดจากออฟฟิศก็ไม่ควรนำมันไปลงกับคนที่บ้าน ไม่งั้นทั้งชีวิตทั้งการทำงานมันก็จะไม่มีความสุข ทางที่ดีก็ควรหาวิธีระบายอารมณ์อย่างเหมาะสมและถูกต้อง เพราะถ้าฝืนเก็บฝืนกดมันไว้สุดท้ายจิตใจก็จะย่ำแย่ลงไปอีก 3.การเงิน แน่นอนว่าเงินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญของชีวิตคนเรา การจัดการค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมและไม่เกินตัวนั้นถือเป็นเรื่องดี นอกจากนี้ยังเป็นการลดโอกาสในการรบกวนคนอื่นๆ ด้วย อย่างเช่นเรื่องการยืมเงินในที่ทำงาน จนอาจสร้างความลำบากใจและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตถ้าหากเราไม่สามารถคืนเงินตามกำหนดได้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องผลตอบแทนจากการทำงาน ถ้ามันไม่สมดุลกับทักษะ ความรู้ ความสามารถที่เราใช้ ก็จงเปลี่ยนงานไปซะเถอะ 4.สุขภาพ สุขภาพถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราจึงต้องดูแลตัวเอง จัดการให้ตัวเองมีร่างกายที่แข็งแรง เพราะเมื่อเราแข็งแรงเราก็จะสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะทำงานหรือการใช้ชีวิต กลับกันถ้าละเลยเรื่องสุขภาพนอกจากจะทำให้ตัวเองทุกข์ยากแล้วก็ยังลำบากคนอื่นๆ ไปด้วยที่จะต้องคอยมาช่วยเหลือดูแล […]

5 เรื่องที่ควรคิดเผื่อไว้ ก่อนตัดสินใจ ย้ายสายงาน ในวัย 30+

ถ้าหากทำงานมาถึงจุดๆ หนึ่งแล้วรู้สึกตันกับงานที่ทำอยู่จนอยากจะ ย้ายสายงาน ไปด้านอื่นๆ หรืองานที่เคยวาดฝันดู มันอาจไม่มีปัญหาอะไรหากเราเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ

5 ความคิด ยาพิษขวางความสำเร็จ

5 ความคิด ยาพิษขวางความสำเร็จ บางครั้งการจะประสบความสำเร็จได้ อาจไม่ได้มีแค่อุปสรรคเรื่องบุคคล สถานการณ์ ภาวะรอบๆ ตัวที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่เรื่องใกล้ตัว อย่าง “ความคิด” ในสมองของเรา อาจเป็นเรื่องใกล้จนคุณลืมไปและมองข้ามความสำคัญ ทำให้ชีวิตเดินทางไปไม่ถึงความสำเร็จอย่างที่ตั้งไว้สักที 1. ความสมบูรณ์แบบเท่ากับความสำเร็จ มนุษย์โดยธรรมชาติของเรานั้น เกิดข้อผิดพลาดกันได้ เมื่อความสมบูรณ์แบบคือเป้าหมายของคุณ ทำให้คุณมักจะรู้สึกว่าไม่ประสบความสำเร็จสักทีเมื่อพบกับความล้มเหลวบ่อยๆ และจบลงด้วยการใช้เวลาคร่ำครวญถึงสิ่งที่คุณล้มเหลวผิดพลาดไป แทนที่จะเอาเวลาไปสนุกกับความพยายามครั้งใหม่ เพื่อทำมันให้สำเร็จอีกครั้ง 2. ชะตากรรมของฉันถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว หลายครั้งที่เรามักเฝ้าแต่โทษโชคชะตา มีคนจำนวนมากที่ยอมแพ้ต่อความคิดที่ไม่มีเหตุผลอย่างมากว่า ฟ้าได้กำหนดให้พวกเขาไว้แล้ว ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว จริงๆ แล้วโชคชะตานั้นอยู่ในมือของคุณเอง ถึงแม้เราจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกเส้นทางแห่งความสำเร็จให้ตัวเองได้ 3. คุณทำมัน”บ่อย” หรือ “ไม่เคย” ทำเลย ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการกระทำเพียงครั้งเดียว ก่อนที่คุณจะบอกว่าตัวเองว่าพ่ายแพ้ คุณได้ลองทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าบ่อยแค่ไหน ถ้าคำตอบคือทำเพียงครั้งเดียวหรือไม่เคยสักครั้ง ก็ถึงเวลาที่คุณต้องปรับความคิดใหม่เสียแล้ว 4. อดีต = อนาคต ความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีก สามารถทำลายความมั่นใจในตนเองได้ง่าย และทำให้ยากที่จะเชื่อว่าคุณจะบรรลุผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในอนาคตได้ ส่วนใหญ่ความล้มเหลวเหล่านี้เป็นผลมาจากการต้องรับความเสี่ยงและพยายามที่จะบรรลุสิ่งที่ไม่ง่ายเลย จนคุณตั้งหมุดหมายทางความคิดแล้วว่า อย่างไรในอนาคตก็ไม่มีวันสำเร็จได้ 5. จะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ […]

รวมทริคแก้อาการสมองตื้อ เราจะทำงานกันแบบสมองไม่ตื้อ

มาหยุดอาการสมองตื้อ ทำงานไม่รอด สมองไม่แล่นกันกับรวมทริคแก้อาการสมองตื้อ ที่จะช่วยทำให้เราสามารถทำงานกันแบบสมองไม่ตื้อ งานไวเสร็จทันกำหนด

ลองมาเช็กกันดีกว่า! 5 สัญญาณ ที่บ่งบอกว่าเรากำลัง “บ้างาน” มากเกินไป

ลองมาเช็กกันดีกว่า! 5 สัญญาณ ที่บ่งบอกว่าเรากำลัง “บ้างาน” มากเกินไป งานถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ ในชีวิต เพราะว่างานก็คือเงิน เงินก็คืองาน แล้วเราก็ต้องการใช้เงินนั้นในการดำรงชีวิตและสร้างความสุขให้กับตัวเอง รวมถึงใช้มันดูแลครอบครัว หลายคนจึงมุ่งมั่นกับมันมากเป็นพิเศษ อยากให้ผลงานออกมาดีเพื่อผลตอบแทนที่ดีและความมั่นคงในหน้าที่การงาน อย่างไรก็ตาม ยังมีเรื่องอื่นนอกเหนือจากงานที่มีความสำคัญกับชีวิตของเราเช่นกัน ดังนั้นก็ต้องบาลานซ์มันให้ดี เพราะถ้าบ้านงานจนเกินไปอาจส่งผลเสียให้กับเราได้ งั้นลองมาเช็กกันดีกว่าเรากำลังบ้างานเกินไปอยู่หรือเปล่า และถ้าใครมีอาการแบบนี้อาจเข้าข่ายคนบ้างาน 1.นอนไม่หลับ เฝ้าคิดวนเวียนแต่เรื่องงาน แม้จะทำงานหนักจนเหนื่อยล้าอ่อนแรงแค่ไหน แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านก็ยังไม่สามารถตัดงานออกจากความคิดได้ นั่งคิดนอนคิดเรื่องงานไปจนนอนไม่หลับ สุดท้ายก็เกิดความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงควรปล่อยวางเรื่องงานบ้าง แบ่งเวลาพักผ่อนกับเวลางานออกจากกันให้เด็ดขาด ในเวลางานทุ่มเททำอย่างเต็มที่นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าจะดีที่สุดเมื่อถึงเวลาพักก็พักอย่างเต็มที่ด้วย 2.หลงลืมบ่อย สมองเบลอ มัวแต่คิดเรื่องงานจนลืมเรื่องราวรอบกาย ทำให้กลายเป็นคนหลงลืมเรื่องใกล้ตัวอยู่บ่อยๆ เช่น ลืมกุญแจบ้าน กุญแจรถ แบบนี้อาจเป็นสัญญาณจากสมองที่บ่งบอกว่ากำลังอ่อนล้า เพราะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องงาน จนไม่สนใจเรื่องอื่นในชีวิต ลองหาทางปลดปล่อยความเครียด ด้วยการแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ เพื่อคลายเครียดก็ดีเหมือนกันนะ 3.ปวดคอ หลัง บ่า ไหล่ ไมเกรนก็ถามหา หากเริ่มมีอาการปวดคอ หลัง บ่า ไหล่ ตามแบบฉบับออฟฟิศซินโดรม หรือปวดกระบอกตาจากการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์มากเกินไปจนเป็นไมเกรน […]

4 วิธีเปลี่ยนงานยากให้เป็นเรื่องง่าย เพื่อเอาชนะความท้าทาย

4 วิธีเปลี่ยนงานยากให้เป็นเรื่องง่าย เพื่อเอาชนะความท้าทาย   มองว่ามาทำงานก็เพื่อตัวเอง จงคิดซะว่าเรามาทำงานก็เพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งและมีทักษะที่ดียิ่งขึ้น เนื่องจากการมาทำงานก็เหมือนกับการลงมือทำแบบทดสอบชนิดหนึ่ง ซึ่งเราไม่รู้มาก่อนว่าวันนี้จะต้องเจอกับโจทย์ที่ยากหรือง่าย หากเจอโจทย์ยาก แต่สามารถผ่านมันไปได้ ก็จะทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจและมองว่าตัวเองเก่งที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างสำเร็จลุล่วง หัดใส่ “ใจ” ลงไปในงานที่ทำ เมื่อเราใส่ความรู้ ความตั้งใจ รวมถึงใส่ใจลงไปในงานที่ทำ แน่นอนว่างานย่อมออกมาดีและบรรลุตรงตามเป้าหมาย ซึ่งก็ถือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ส่งผลให้เราเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ และได้เอาชนะตัวเองด้วยการก้าวผ่านความยากขึ้นไปอีกขั้น คิดว่างานทำให้เรามี “คุณค่า” คนเราจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าก็ต่อเมื่อได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นในเรื่องต่างๆ เพราะฉะนั้น ในชีวิตการทำงานก็เช่นกัน การได้นำความรู้ที่มีอยู่ออกมาใช้โดยก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น รวมถึงการพัฒนาองค์กรที่ทำงานอยู่ให้ก้าวหน้าขึ้นได้ จะทำให้เรารู้สึกมีคุณค่าในตัวเองและรู้สึกว่างานนี้ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิดไว้ คิดว่างานที่ทำ คือ “ปัญหา” มองงานที่ทำให้เป็นปัญหา ซึ่งปัญหามีไว้แก้ไข ดังนั้น การแก้ปัญหาก็เหมือนกับการเล่นเกม ที่ถ้าหากคุณสามารถแก้ไขได้ด้วยการนำทักษะและความรู้ที่มีอยู่ออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ก็เท่ากับว่าคุณได้รับชัยชนะอย่างใสสะอาด และเป็นข้อดีที่จะทำให้คุณรู้สึกสนุกไปกับมัน จนอาจทำให้มองเห็นว่าปัญหาหรือเรื่องยากต่างๆ ที่เจอกลายเป็นเพียงเรื่องง่ายนิดเดียว cr: canva อ่านบทความเพิ่มเติม HOW TO ติดโควิด ดูแลตัวเองยังไง ทำจริง หายจริง WFH ทำคนไทยเสี่ยง โรคNCDs เพิ่มขึ้น แนะออกกำลังกายสม่ำเสมอ 5 […]

work life balance ทำได้ไม่อยาก เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม

work life balance ทำได้ไม่อยาก เพื่อชีวิตที่ดีกว่าเดิม ร้องอยากได้ work life balance แต่ดันได้ work ” ไร้ ” balance มาแทนซะงั้น คำที่คล้ายกันแต่กลับต่างกันสุดขั้ว ปัญหาสุดเศร้าที่คนวัยทำงานมักเจอ เชื่อว่าทุกคนล้วนอยากจะทำงานที่ไม่กระทบกับชีวิต หรือทำลายชีวิตตัวเอง และคำว่า “work life balance” ก็ได้กลายเป็นคำกำจัดความของชีวิตการทำงานดีๆที่ลงตัวที่ชาวออฟฟิศโหยหาเป็นที่สุด แต่ดูเหมือนว่าชีวิตการทำงานจะมีแต่ความยุ่งยาก ทำงานด้วยความหนักหน่วง แบกรับภาระที่เกินหน้าที่ของตนเอง สะสมงานและปัญหาจนก่อตัวเป็นความเครียดในที่สุด ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร ก็ชีวิตการทำงานนี่แหละค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการทำงานในชีวิตจริงมันไม่ได้ราบรื่นไปเสียทุกอย่าง ก็ต้องมีปัญหามาให้เราแก้ไขบ้าง มีเรื่องราวน่าหนักใจให้เราเหนื่อยใจ ท้อแท้กันบ้าง และอาจจะต้องโหมงานหนักในบางเวลา(หรืออาจจะตลอดเวลา) ซึ่งต่อให้อ่านบทความดีๆ หรือพยายามจัดสรรเวลาให้ลงตัว สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแค่ไหน ก็ต้องจบลงด้วยงานที่โถมเข้ามาแบบไม่หยุดไม่งั้น จนกลายเป็นว่าชีวิตการทำงานตอนนี้เป็น work ไร้ balance ไปเสียงั้น แต่เราจะแก้ไข้ปัญหาแบบนี้ได้ยังไงกัน ในเมื่อเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะทำงานหนักไปเพื่อความอยู่รอด หรือจะลาออกแล้วตายเอาดาบหน้า ซึ่งหลายๆคนก็คงจะต้องเลือกเอาตัวรอดต่อไปด้วยการทำงานแบบ work ไร้ balance แล้วจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะปรับนิดปรับหน่อย ให้ชีวิตของเราลงตัวมากยิ่งขึ้น […]

รวมวิธีเก็บเงินให้อยู่ ไม่ต้องพึ่งดวงก็รวยได้

รวมวิธีเก็บเงินให้อยู่ ไม่ต้องพึ่งดวงก็รวยได้ ใครที่กำลังวางแผนอยากจะเก็บเงิน แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี หรือควรทำอะไรบ้างเพื่อที่เราจะได้มีเงินเก็บสะสมอยู่เรื่อยๆ มาค่ะวันนี้ Goodlifeupdate จะไม่ปล่อยให้เพื่อนๆใช้เงินจนลืมเก็บเอาไว้ในยามจำเป็นกันจ้า ซึ่งวิธีนี้บอกเลยว่า ดวงไม่ดีก็รวยได้ ขอแค่มีระเบียบและตั้งใจทำเท่านั้นเอง เปิดบัญชีแยกไว้สำหรับเก็บเงิน ลองเปิดบัญชีเพิ่มอีกสักอัร คู่กับบัญชีที่เงินเดือนเข้า แล้วใช้ระบบโอนเงินไปยังบัญชีเงินเก็บทุกๆเดือน ตามจำนวนที่เราต้องการ เช่นเราจะต้องหักเงินจากเงินเดือนออกมา 1พันบาท เข้าไปยังบัญชีเงินเก็บ ซึ่งบัญชีเงินเก็บไม่จำเป็นต้องทำบัตร ATM ให้เปลืองค่าธรรมเนียม และจะดีมากหากเราสามารถเลือกดอกเบี้ยที่สูงได้ ขอเน้นย้ำว่าบัญชีนี้เป็นเงินเก็บ ห้ามเอาออกมาใช้เด็ดขาด ยกเว้นแต่ในยามจำเป็นเท่านั้น ซึ่งเราอาจจะเลือกบัญชีเงินเก็บนี้เป็นแบบฝากประจำก็ได้ พยายามเลือกบัญชีที่มีเงื่อนไขถอนเงินไม่ได้ หรือจำกัดการถอนเงินเอาไว้ เพื่อที่เราจะได้ไม่เผื่อไปหยิบใช้ ซึ่งบางบัญชีก็อยากจะเป็นการลงทุนกองทุนต่างๆด้วยก็ได้ เศษเหรียญและเงินทอนที่ได้ในแต่ละวัน แน่นอนว่าบางคนอาจจะต้องใช้จ่ายในทุกๆวัน แล้วแบบนี้จะเอาเงินที่ไหนไปเก็บ ไม่ต้องห่วงค่ะ เงินทอนต่างๆที่ได้หังจากใช้จ่ายในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นแบงค์ 50 20 หรือแม้กระทั่งเศษเหรียญ 5  10 2 หรือ 1 บาท ก็เก็บได้ค่ะ เก็บบ้านมาสิ่งที่เราต้องทำก็คือนำเงินที่เหลือจาการใช้จ่ายในวันนี้ ไปเก็บสะสมเอาไว้เป็นเงินเก็บอีกกอง จะให้ดีให้เป็นระเบียบอีกหน่อยก็อาจจะจัดแย่งเอาไว้เลยว่า อันนี้เป็นกล่องใส่ แบงค์ 20 บาท 50 […]

เผยเบื้องลึก ความสำเร็จ พร้อมก้าวสู่ปีที่ 12 ของ “ฟูลมูน” ผู้คอยผลักดันตลาดเครื่องดื่ม RTD ไทย ให้มีสีสันอย่างต่อเนื่อง

เผยเบื้องลึก ความสำเร็จ พร้อมก้าวสู่ปีที่ 12 ของ “ฟูลมูน” ผู้คอยผลักดันตลาดเครื่องดื่ม RTD ไทย ให้มีสีสันอย่างต่อเนื่อง เดินทางต่อเนื่องมาถึงปีที่ 12 อย่างสวยงาม สำหรับแบรนด์แห่งสัญลักษณ์ “พระจันทร์เต็มดวง” “ฟูลมูน” ในตลอดระยะเวลา 12 ปี มักจะนำเสนอจุดเด่นด้วยการสร้างไอเดียแปลกใหม่ที่ล้วนมาจากความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัย สะท้อนความสดใส และส่องสว่าง เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่เติบโตไปพร้อมกับวัยรุ่นทุกยุคสมัยอย่างแท้จริง ฟูลมูนนั้น อยู่ภายใต้ บริษัท รอยัล เกทเวย์ จำกัด โดยมีคุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นหัวเรือใหญ่ที่สร้างให้ฟูลมูนครองใจวัยรุ่นทั้งประเทศได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด 12 ปี  โอกาสนี้ ได้พูดคุยกับคุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ถึงประวัติความเป็นมาของฟูลมูน ณ จนถึงวันนี้ที่เติบโตมากว่า 12 ปี เล่าด้วย ประสบการณ์การบริหารที่เข้าใจธุรกิจนี้อย่างถ่องแท้ ผู้ที่นำฟูลมูนประสบความสำเร็จครองใจกลุ่มลูกค้าในตลาด ฟูลมูนแบรนด์ที่สร้างตัวตนอย่างเข้าใจคนในทุกยุคสมัย ตลอดระยะเวลา 12 ปี ในด้านการสื่อสารของทุกแคมเปญภายใต้ฟูลมูน แบรนด์จะมีจุดเด่นคือ การที่เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัยตลอดเวลา แบรนด์ฟูลมูนจึงมีการปรับเปลี่ยนการสื่อสารให้เข้ากับกลุ่มผู้บริโภคเรื่อยมา เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่กำลังเติบโตเคียงข้างไปพร้อมกับวัยรุ่นในแต่ละยุคสมัย โดยในช่วงแรกๆ ฟูลมูนเลือกนำเสนอตัวตนของแบรนด์ผ่านทางการออกแบบ Packaging ที่แตกต่างด้วยความคลาสสิกสีทองของฉลาก ตามสมัยนิยมแห่งยุคและความชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังขี้เล่นและสร้างความสนุกซุกซนด้วยการซ่อน Easter Egg เล็กๆ เป็นเจ้ากระต่ายตัวน้อยตรงมุมขวาด้านล่างของโลโก้พระจันทร์ โดยเจ้ากระต่ายค่อยๆเติบโตเปลี่ยนผ่านมาถึงปัจจุบันจนเจ้ากระต่ายมีรูปร่างโตเต็มวัย ในปีที่12 นี้ ฟูลมูนได้รีเฟรชแบรนด์เพื่อสะท้อนจุดยืนว่า ฟูลมูนคือแบรนด์ที่เข้าใจและพร้อมเติบโต […]

ลองทำสิ่งเหล่านี้ แล้วจะมีแรงผลักดันและ ความมุ่งมั่นในการทำงาน

ลองทำสิ่งเหล่านี้ แล้วจะมีแรงผลักดันและ ความมุ่งมั่นในการทำงาน เคยรู้สึกไหมว่างานที่เราทำอยู่มันดูไม่ค่อยถูกใจสักเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไรและไม่รู้ว่าเราชอบมันจริงหรือไม่ สุดท้ายก็ทำให้การทำงานไม่มีความสุข ทำไปวันๆ โดยขาดแรงจูงใจและ ความมุ่งมั่นในการทำงาน จนทำให้มีความคิดอยากลาออกผุดขึ้นมาในหัวทุกๆ วัน สำหรับใครที่หางานใหม่ได้หรือย้ายงานได้โดยไม่ติดปัญหาก็แล้วไป แต่ใครที่ยังไม่สามารถย้ายได้และต้องทนทำไปทั้งที่ไม่มีความสุขนั้น เรามาแก้ไขปัญหาโดยเริ่มที่ตัวเรากันดีกว่า เพียงแค่ลองทำตามนี้ ก็อาจทำให้เรามีความสุขและความมุ่งมั่นในการทำงานอีกครั้ง 1.เลิกทำงานแบบผ่านๆ แต่ให้ตั้งใจและใส่ใจ ลองสังเกตตัวเองดูว่าเรากำลังทำงานแบบให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวันหรือเปล่า จริงอยู่ที่งานอาจจะเสร็จสมบูรณ์และเสร็จตามเวลา แต่ว่างานที่ทำออกมานั้นมีคุณภาพดีพอหรือยัง และถ้ายังเราจะแก้ไขมันอย่างไร จะทำมันอย่างไรให้ดีขึ้น บางทีการย้อนมองกลับไปที่ตัวงาน แล้วเห็นว่ามันยังไม่ดีพอ ก็อาจจะช่วยเพิ่มแรงผลักดันให้ตัวเองได้ 2.มองหาคู่แข่ง และแข่งขันกันอย่างจริงจัง การทำงานโดยไม่มีใครคอยไล่จี้หรือไม่ได้แข่งกับใคร อาจทำให้ความตั้งใจและความมุ่งมั่นของเราลดน้อยลง แต่ถ้าหากว่าเรามีคู่แข่งและมีการแข่งขันอย่างจริงจัง ก็จะทำให้มีแรงฮึดสู้ขึ้นมา เพราะเมื่อมีการแข่งขันทุกคนย่อมอยากชนะ และไม่อยากเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ 3.สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในที่ทำงาน บางทีการไปทำงานโดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับใครก็อาจทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มีค่า เมื่อรู้สึกไม่มีค่าก็จะส่งผลกระทบต่อมาที่ความมุ่งมั่นและความตั้งใจ แต่ถ้าหากเรามีเพื่อนสนิทในที่ทำงานก็จะทำให้เรามีความสุขและสนุกขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรามีเป้าหมายเดียวกัน คือการทำงานให้ประสบความสำเร็จ 4.ใส่ให้เต็มที่ เหมือนว่าทำเป็นครั้งสุดท้าย ไหนๆ ก็เบื่อและหมดไฟอยากจะเดินออกไปให้รู้แล้วรู้รอด ลองตั้งใจจริงๆ ตั้งใจทำงานแบบเกิน 100 และมากกว่าที่ผ่านมาให้เหมือนว่าทำเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งถ้าผลลัพธ์ครั้งนี้มันออกมาดี ประสบความสำเร็จ มีคนชื่นชม ก็อาจทำให้เรารู้สึกว่าสิ่งที่ทำนั้นมีค่าและอยากทำมันต่อไป อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม  4 ขั้นตอนปลุกใจ […]

4 WAY หลุดพ้นอาการสมองตื้อ คิดงานไม่ออก

4 WAY หลุดพ้นอาการสมองตื้อ คิดงานไม่ออก ช่วงนี้นี้ใครมีอาการสมองตื้อ คิดงานไม่ออก วันนี้ Goodlife ขอแชร์วิธีเล็กๆ น้อยๆ สัก 4 วิธีที่จะช่วยทำให้เราคิดงานออก สมองไหลลื่นกันบ้าง ลองมาทำตามวิธีง่ายๆ เหล่านี้ดูกันนะ เผื่อมันจะช่วยคุณได้! จะมีอะไรบ้างไปดูกัน ทำความสะอาดโต๊ะทำงาน ใช่ค่ะเราจะเริ่มต้นการทำงานที่ดีด้วยโต๊ะทำงานที่เรียบร้อย พร้อมลุยงานกันไปแบบยาวๆ ซึ่งหากใครที่กำลังไม่มีแรงใจจะทำงานก็ลองเสียเวลาสักนิดมาเก็บโต๊ะให้สะอาด และทุกครั้งหลังทำงานเสร็จก็จัดเก็บให้เรียบร้อยก็จะช่วยทำให้เราพร้อมทำงานมากขึ้นในครั้งต่อๆไป อีกทั้งยังช่วยอาการไม่ยอมทำงาน คิดงานไม่ออก แล้วหันไปเก็บนู่นเก็บนี่ทั่วห้อง ทั่วบ้านไปหมดอีกด้วย ออกไปสูดอากาศภายนอกบ้าง เพราะส่วนมากการทำงานของเรามักจะจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอม หรือตัวหนังสือ ไม่ว่าจะจากหนังสือ หรือเอกสารต่างๆ นานา ก็ทำให้เรามีอาการสมองล้า ตาล้ากันบ้างล่ะ มาเพิ่มออกซิเจนให้สมองด้วยการออกไปสูดอากาศภายนอกเสียบ้าง และอย่าลืมหันไปมองต้นไม้ ใบเขียวๆสักหน่อย จะช่วยทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สดชื่นมากขึ้น และช่วยลดอาการคิดงานไม่ออก พร้อมกับสร้างความกระปรี้กระเปร่าให้กับเรามากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ฟังเพลงก็มีผลนะ อีกหนึ่งวิธีเด็ดๆที่จะช่วยคุณได้ในเวลาที่คิดงานไม่ออกก็คือ หากเราไม่สามารถออกไปไหนได้ ต้องนั่งอยู่ในออฟฟิศ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานแล้วล่ะก็ การเปิดเพลงฟังก็มีผลนะ เช่นเวลาที่เราง่วงนอน จนสมองตื้อไปหมด ก็อาจจะลองเปิดเพลงมันส์ๆ ช่วยไหนที่เราต้องการหาแรงบันดาลใจก็ลองฟังเพลงที่มีความหมายดีๆดู ก็จะช่วยทำให้เราทำงานได้แบบเพลินๆมากขึ้น แต่หากเรารู้สึกว่าการฟังเพลงมันแอบรบกวนการทำงานของเราแต่ก็ยังอยากจะฟังเพลงอยู่ ก็ลองเลือดเพลงสากล […]

Recheck!! เรากำลังเป็นโรคกลัวสังคมตัดสินอยู่รึเปล่า

Recheck!! เรากำลังเป็นโรคกลัวสังคมตัดสินอยู่รึเปล่า อย่าปล่อยให้โลกออนไลน์ควบคุมคุณ!! วันนี้ Goodlife จะชวนคุณมาเช็คกันสักนิดว่าคุณกำลังมีพฤติกรรมที่คล้ายว่าจะเข้าข่าย “โรคกลัวสังคมตัดสิน” อยู่รึเปล่า?? ก่อนที่จะสายเกินแก้ จริงอยู่ที่เวลาเราจะโพสต์ หรือทำอะไรสักอย่างในที่สาธารณะ สิ่งที่เราควรทำก็คือ คิดก่อนพูด คิดก่อนทำ หรือคิดก่อนจะเขียน โพสต์สิ่งๆนั้นไป เพราะสิ่งเหล่านี้ที่เราแสดงออกมา คือสิ่งที่จะสื่อตัวตนของเรา แม้ว่าจะมีจริงบ้าง ไม่จริงบ้างก็ตาม แต่คนภายนอกก็มองว่าสิ่งที่เขาเห็นคือสิ่งที่เป็นตัวเรา จนทำให้หลายๆคน เริ่มที่จะกลัวสังคมจะตัดสินให้เราเป็นในแบบที่ไม่ชอบ บางคนอาจถึงขั้นสร้างสถานการณ์ต่างๆขึ้นมา เพื่อทำให้ตัวเองดูดีขึ้น แม้ว่าความจริงไม่ต้องทำอะไรเราก็ดูดีเป็นปกติ ไม่ใช่คนที่แปลกอะไร โรคกลัวสังคมตัดสิน หรือ Social Anxiety Disorder  โรคกลัวสังคมตัดสิน ดูเผินอาจจะเหมือนเป็นการสร้างภาพ ไม่น่าจะมีความร้ายแรงอะไร แต่แท้จริงแล้วคนกลุ่มนี้มักจะไม่มีความสุขในชีวิต หรือมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง หรืออาจเข้าข่ายสภาวะป่วยทางจิต เช่นโรคซึมเศร้าได้ ดังนั้นลองเช็คกันดีๆว่ามีใครใกล้ตัวเราที่เข้าข่ายโรคกลัวสังคมติดสินรึเปล่า 1. กลัวคนอื่นมองไม่ดีอยู่ตลอด 2. ชอบคิดมาก แคร์คนอื่นจนเกินไป 3. กลัวว่าคนอื่นจะไม่สนใจ ไม่รัก ไม่แคร์ (แม้ว่าจะไม่สนิทก็ตาม) 4. อยากที่จะทำให้ตัวเองดูดีอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะต้องทำด้วยวิธีไหนก็ตาม 5. รู้สึกแย่เวลาที่มีคนมองไม่ดี […]

มาดู! ใช้วิธีไหนแล้วได้ใจหัวหน้า ถ้าไม่พูดจา “ประจบประแจง”

มาดู! ใช้วิธีไหนแล้วได้ใจหัวหน้า ถ้าไม่พูดจา “ประจบประแจง” การจะเป็นที่รักและโดดเด่นอยู่ในสายตาของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน เราก็ต้องเป็นคนดีและมีความสามารถมากพอ แต่จะทำอย่างไรให้หัวหน้ารู้สึกพึงพอใจ ไว้ใจ มอบหมายให้ทำงานสำคัญที่ทำให้เรามีโอกาสเจริญก้าวหน้าไปมากกว่านี้หละ แน่นอนว่ามีวิธีที่ดูเหมือนจะง่ายโดยแทบไม่ต้องใช้ความสามารถ นั่นก็คือการประจบประแจง แล้วทำไมถึงบอกว่ามันเหมือนจะง่าย? นั่นก็เป็นเพราะว่าถ้าเราก้มหน้าก้มตาเลียแข้งเลียขาโดยไม่อยู่บนพื้นฐานของการทำงาน ยังไงก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จและเป็นที่ไว้ใจได้เลย เพราะขนาดเรากันเองยังดูออกว่าใครเป็นสายประจบ แล้วหัวหน้าที่ผ่านประสบการณ์ต่างๆ มามากมายจะดูไม่ออกเลยเหรอ (ก็อาจจะมีบ้างที่ดูไม่ออก) หัวหน้าก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ใครมาพูดดีทำดีด้วยก็ต้องรู้สึกดีเป็นธรรมดา แต่ด้วยความที่เป็นหัวหน้าก็ย่อมรู้ดีว่าเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวนั้นควรแยกจากกัน ดังนั้นหากเอาแต่พูดจาประจบประแจงหวังผล แต่ไม่ได้ลงมือลงแรงทำงาน สุดท้ายลมที่พ่นออกจากปากก็แทบไม่มีค่าอะไรเลย ทีนี้ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีดีๆ วิธีไหนบ้างที่จะทำให้เราได้ใจหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานมาครอง 1.ทำงานให้ดี การทำงานให้ดีก็เป็นสิ่งที่การันตีความสามารถของเราอยู่แล้ว แน่นอนว่าในสังคมการทำงานก็ย่อมต้องคาดหวังผลงานเป็นหลัก ดังนั้นหากเรามีความสามารถ ทำงานได้ดี ก็ย่อมต้องได้รับความไว้วางใจอย่างแน่นอน 2.นิสัยและจิตใจดี นิสัยที่ดีเป็นพื้นฐานและเป็นเรื่องหลักที่จะทำให้เราเข้ากับคนอื่นได้และได้รับความรักความรู้สึกดีๆ จากคนอื่น แค่ไม่พูดจาว่าร้าย นินทา ไม่เอาเปรียบคนอื่นๆ เชื่อเถอะยังไงก็กลายเป็นที่รักได้ง่ายๆ 3.วินัยดีมีความรับผิดชอบ นอกเหนือจากการทำงานให้ดีและมีนิสัยดีแล้ว สิ่งที่ควรมีอีกอย่างหนึ่งก็คือความรับผิดชอบ ไม่โยนงาน ไม่เกี่ยงงาน ไม่เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น คนแบบนี้แหละที่ทุกๆ สังคมต้องการ . คำว่า “ประจบประแจง” อาจจะดูเป็นความหมายด้านลบ แต่จริงๆมันก็อาจไม่แย่ขนาดนั้น ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. […]

keyboard_arrow_up