ตะคริวกินตอนดึก เกิดจากสาเหตุอะไรนะ ?

เคยเป็นกันไหม เวลากลางคืนทีไรจะรู้สึกปวดขาเหมือนเป็น “ตะคริว” อยู่ตลอด แถมยังเป็นแค่ข้างเดียวด้วยนะ แต่ที่แปลกกว่านั้นพอเวลาตื่นขี้นมา อาการปวดก็หายไปในพริบตา เหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้น ที่เป็นแบบนี้มันเป็นเพราะอะไร และเราเสี่ยงเป็นโรคอะไรกันแน่ ? สำหรับอาการที่เกิดขี้นนี้ อาจเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้ดังนี้ 1. หมอนรองกระดูกสันหลัง ตรงเวลาบริเวณเอวเคลื่อน เราจะรู้สึกปวดบริเวณสะโพก และปวดร้าวลงไปถึงขา เป็นการปวดแบบแปล๊บๆ ส่วนใหญ่จะมีอาการชาร่วมด้วย 2. ช่องไขสันหลังตีบแคบเล็กลง โรคนี้ปัจจัยหลักคือความเสื่อมของอายุ แต่อาจพบได้ในเด็กที่มีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือพบในคนที่เกิดอุบัติเหตุเกี่ยวข้องบริเวณหลัง ส่วนมากจะเกิดความปวดเวลานอน หรือเวลาแอ่นตัว แล้วอาการจะหายไป เมื่อนั่งพัก 3. อากาศที่หนาวจัด หรือเย็นเกินไป จากการนอนอยู่ในห้องแอร์ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการปวดขา หรือปวดเกร็งได้ บางคนอาจจะรู้สึกปวดน่อง เพราะเกิดจากเหน็บชาส่งผลให้น่องปูดขึ้นเป็นลูก ทำให้รู้สึกปวดขาได้ด้วย เบื้องต้นหากไม่อยากรู้สึกปวดขาตอนกลางคืน แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการใช้งานขาอย่างหนัก และใครที่มีอาการนี้แล้ว ควรงดการออกกำลังกาย การวิ่ง รวมถึงการใส่รองเท้าส้นสูงออกไปก่อนนะคะ ที่มา : Pobpad  

ชาขิง ประโยชน์ดี ดื่มได้ไม่ยาก

ชาขิง ประโยชน์ดี ดื่มได้ไม่ยาก ชาขิง หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อน้ำขิง เป็นเครื่องดื่มสารพัดประโยชน์ แต่หลายคนอาจจะยังติดภาพลักษณ์ความเผ็ดร้อน จนทำให้ไม่อยากดื่ม และพลาดประโยชน์มหาศาลเหล่านั้นไป วันนี้แอดมีประโยชน์ และวิธีดื่มๆ แบบง่ายๆ มาฝากกันค่ะ ขิง เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรที่ครอบจักรวาลได้จริงๆ เพราะเอามาทำอะไรก็ดีทั้งนั้น โดยใช้กันมาตั้งแต่ยุคอดีตย้อนไปเป็นพันปี จนมาถึงปัจจุบันที่มีงานวิจัยรับรอง ทั้งนี้ขิงมีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ จินเจอรอล โชโกล และซิงเจอโรน ซึ่งช่วยในการบรรเทาโรคภัยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ประโยชน์ล้นๆ ของชาขิง สารต้านอนุมูลอิสระ  ขิงมีผลอย่างมากต่อการช่วยดูแลไจ ทำให้ลดการอักเสบในไต รวมถึงช่วยลดการเกิดพังผืด และทำให้ไตแข็งแรง ลดการอักเสบ สารต้านอนุมูลอิสระในขิงช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ จึงช่วยบรรเทาอาการไขข้อ หอบหืด ลำไส้อักเสบ ไมเกรน และอาการอักเสบในกล้ามเนื้อ เพิ่มภูมิคุ้มกัน  ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกาย ทำให้สารเหล่านั้นเข้าไปช่วยเสริมภูมิ รวมถึงว่าสารต้านอนุมูลอิสระ และการอักเสบ ที่ไปทำให้กระบวนการการรักษาตามธรรมชาติของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน  มีงานวิจัยยืนยันว่าขิงสามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียน ที่เกิดจากการเมารถ เมาเรือได้ ควบคุมน้ำตาลในเลือด ขิงช่วยลดอาการดื้ออินซูลิน ทำให้กล้ามเนื้อ ไขมัน และตับดึงกลูโคสจากกระแสเลือดได้มากขึ้น ทำให้ช่วยเพิ่มพลังงานและลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวานได้ […]

ผมหงอกก่อนวัย หรือจะเป็นสัญญาณบอกโรค

ปัญหาผมหงอกไม่ว่าใครก็ไม่ชอบทั้งนั้น แล้วยิ่งมีเร็ว หรือมีก่อนวัยที่สมควร ก็อาจทำให้หลายคนหงุดหงิดใจ แต่นอกจากนั้นแล้ว บางครั้งผมหงอกก่อนวัย ก็อาจบ่งบอกปัญหาสุขภาพได้เช่นกันนะคะ  โดยปกติแล้วคนเอเชียอย่างเราๆ ที่มีผมเส้นเล็ก จะเริ่มมีผมหงอกเมื่ออายุประมาณ 40 ปี และมีเพิ่มขึ้น 10 – 20% ทุก 10 ปี หากว่าใครที่มีก่อนหน้านี้ก็อาจถือได้ว่ามีผมหงอกก่อนวัย แต่ถ้าใครผมเส้นใหญ่มากๆ หรือชาวตะวันตก ก็จะมีผมหงอกประมาณ 35 ปี ส่วนชาวแอฟริกัน – อเมริกัน จะพบผมหงอกเมื่ออายุได้ 45 ปี ค่ะ  โดยผมหงอกเกิดขึ้นจากการที่เม็ดสีเมลานินในเซลล์รากผมลดลง ทำให้เกิดเส้นผมสีขาว ลักษณะหยาบ ไม่เป็นประกาย เมื่อถอนออกไปแล้วก็ขึ้นมาขาวเหมือนเดิม นอกเสียจากว่าเป็นการหงอกที่เกิดขึ้นเพราะความผิดปกติชั่วคราวในร่างกาย ในกรณีนี้ก็อาจกลับมาเป็นผมดำได้ค่ะ  สำหรับเหตุผลที่ทำให้เกิดผมหงอกก่อนวัยอันควรก็มีหลายสาเหตุค่ะ หลักๆ ที่เรารู้กันก็คือ ความเครียด ตกใจหรือเสียใจอย่างรุนแรง การทำงานหนักเกินไป การสูบบุหรี่ และกรรมพันธุ์ แต่นอกจากนั้นการที่ผมหงอกก่อนวัย ก็อาจมีเหตุผลจากโรคภัยที่เราอาจเป็นได้โดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน  สำหรับโรคภัยที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆ แต่อาจทำให้สีผมเปลี่ยนได้ก็คือ  ภูมิคุ้มกันบกพร่อง  โดยภูมิคุ้มกันทำงานไม่ปกติ ส่งผลให้ทำลายตัวเอง ซึ่งเป็นการทำลายเซลล์หรือเนื้อเยื่อ […]

บ้างานมากๆ อาจเสี่ยงป่วย โรคซึมเศร้า

ไม่ได้ชวนให้โดดงาน แต่พักบ้างก็ได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญชี้ บ้างานมากๆ อาจเสี่ยงป่วย โรคซึมเศร้า ผลการศึกษาล่าสุด พบว่าคนที่ทุ่มเทกับงานมาก อาจเสี่ยงต่อการเป็น โรคซึมเศร้า ได้ในอนาคต รายงานจาก International Journal of Environmental Research and Public Health ระบุว่า คนบ้างาน หรือ Workaholic มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า รวมถึงยังส่งผลต่อคุณภาพการนอนที่แย่อีกด้วย จากการสังเกตพฤติกรรมการทำงานของคนฝรั่งเศสจำนวน 187 คน พบว่าคนที่เรียกร้องขอทำงาน มีแนวโน้มที่จะเป็นคนเสพติดการทำงานเพิ่มขึ้น 5 เท่า โดยกลุ่มคนทำงานที่มีความเสี่ยงสูงเหล่านี้ โดยทั่วไปจะมีการทำงานมากกว่ากลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่ำประมาณ 7 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และมีลักษณะเป็นส่วนร่วมในแต่ละส่วนของงานที่มากเกินความจำเป็น แม้ไม่ได้ถูกขอร้องให้ทำ นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มเสี่ยงต่อการเสพติดการทำงานมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่า ผลที่ตามมาคือ บรรดาผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเสพติดการทำงาน ยังมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้นเป็น 2 เท่า ส่วนคนที่มีความเสี่ยงที่จะเสพติดงานน้อยกว่าอาจแสดงอาการออกมาในลักษณะความวิตกกังวล นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่ากลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงยังมีคุณภาพการนอนที่ต่ำด้วย ข้อมูลจาก : […]

เรื่องที่เราควรรู้ เกี่ยวกับ วิตามินซี

เรื่องที่เราควรรู้ เกี่ยวกับ วิตามินซี สุดยอดสารอาหารมากสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี คือวิตามินที่กินกับแทบทุกบ้าน เพราะเป็นสารสำคัญที่มีผลดีต่อการทำงานของร่างกาย แต่เชื่อเถอะว่า ยังมีหลายเรื่องที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับเจ้าวิตามินตัวนี้ วิตามินซีเป็นวิตามินที่ละลายได้ในน้ำ จึงดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายและรวดเร็ว โดยร่างกายคนเราต้องการวิตามินซีเพียง 60-90 มิลลิกรัมต่อวัน หากร่างกายได้รับมากเกินไปซึ่งเกินความจำเป็นของร่างกายก็จะถูกขับถ่ายออกมาทางปัสสาวะ ไม่สะสมไว้ สำคัญอย่างมากกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะมีสารต้านทานอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันหวัด โรคภูมิแพ้ โรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยชะลอริ้วรอ และส่งผลให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยให้ความจำดีขึ้น เพราะช่วยรักษาสภาพของเซลล์ประสาท ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกินวิตามินซีรูปแบบเม็ดคือหลังอาหารเช้า (ประมาณ 9-10 โมงเช้า) เพราะร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีที่สุดในช่วงเวลานี้ และควรกินวิตามินซีหลังอาหาร เพราะวิตามินซีต้องการตัวนำพาเข้าสู่ร่างกาย หากกินวิตามินซีตอนท้องว่าง ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้น้อยเนื่องจากไม่มีตัวนำพา ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวมากไม่ได้มีวิตามินซีมาก ดูอย่าง ฝรั่ง ลูกเขียวๆ หวานๆ แต่ให้วิตามินซีสูงถึง 160 มิลลิกรัมต่อการรับประทาน 100 กรัม นั่นมากกว่าส้มที่ให้วิตามินซี 53.2 มิลลิกรัม ส่วนผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงที่สุดคือมะขามป้อม มีวิตามินซี 276 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม ผักบางชนิดที่ให้วิตามินซีสูง เช่น […]

กินตามธาตุ เลือกผักได้ สุขภาพดี มีอายุยืนยาว

การแพทย์แผนไทย นอกจากการใช้สมุนไพรรักษาแล้ว ยังมีอีกรูปแบบหนึ่งนั้นคือการคำนวณหา “ธาตุเจ้าเรือน” เพื่อดูแนวโน้มว่าคนคนนั้นมีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร เพราะร่างกายของแต่ละคนเกิดจากการชุมนุมของธาตุทั้ง 4    ภาษีบาลีเรียก มหาภูตรูป ประกอบด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ  โดยแต่ละคนมีธาตุที่โดดเด่นมากกว่าธาตุอื่น เป็นธาตุประจำตัว เรียกว่า “ธาตุเจ้าเรือน”  มี 2 ลักษณะ คือ 1.ธาตุเจ้าเรือนเกิด  เป็นไปตามวันเดือนปีเกิด 2.ธาตุเจ้าเรือนปัจจุบัน  พิจารณาจากบุคลิกลักษณะ อุปนิสัย และภาวะด้านสุขภาพกายและใจ ว่าสอดคล้องกับลักษณะของธาตุเจ้าเรือนอะไร เมื่อธาตุทั้ง 4 ในร่างกายสมดุล บุคคลจะไม่ค่อยเจ็บป่วย หากขาดความสมดุลจะเกิดความเจ็บป่วยด้วยโรคตามธาตุเจ้าเรือนที่ขาดความสมดุล ในตำราการแพทย์ดั้งเดิมพระคัมภีร์ปฐมจินดา  กล่าวไว้ว่า เมื่อตั้งครรภ์ในฤดูใดให้เอาธาตุของฤดูนั้นเป็นที่ตั้งแห่งธาตุกำเนิดของกุมาร และกุมารี ซึ่งเป็นการนับเดือนแบบไทย โดยนับเดือนธันวาคม เป็นเดือนที่ 1 ดังนั้น ตั้งครรภ์ในเดือน                         5 , 6 , 7          เป็นลักษณะแห่ง […]

วิธีรับมือกับ “กรดไหลย้อน” ที่คอยตามกวนใจ

หลายคนเป็น “กรดไหลย้อน” เรื้อรัง นานๆ เข้า อาการเริ่มรุกหนัก แม้เวลานอนก็ไม่เว้น ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้อาการทุเลาเบาบางลงได้ 1. กินอาหารเย็นเร็วขึ้น การเข้านอนโดยที่ท้องอิ่มแปล้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของอาการกรดไหลย้อนควรกินอาหารเย็นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนนอนเพื่อทําให้ท้องว่างก่อนเข้านอน 2. เดินผ่อนคลาย หลังอาหารให้เดินผ่อนคลายสบายๆ สักครู่ วิธีการนี้จะช่วยย่อยอาหารได้ดี ป้องกันอาการกรดไหลย้อนได้แต่ไม่แนะนําให้ออกกําลังกายก่อนนอน เพราะทําให้มีอาการกรดไหลย้อนได้ 3. จดบันทึกของแสลง อาหารแต่ละชนิดจะกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อนในแต่ละคนแตกต่างกันไป ดังนั้นควรจดรายการอาหารเย็นของทุกวัน ถ้าพบว่ากินอาหารเย็นชนิดไหนแล้วมีอาการกรดไหลย้อนตอนกลางคืนบ่อยๆ ก็จะรู้ได้ว่าควรเลี่ยงอาหารชนิดนั้น 4. ใส่ชุดนอนแบบหลวมสบาย ระวังขอบกางเกงชุดนอนที่คับเกินไป เพราะชุดนอนที่คับจะทําให้เกิดแรงกดที่ท้องเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการกรดไหลย้อน 5. นอนตะแคงซ้าย นายแพทย์ชาร์ลส์ เอลสัน จากมหาวิทยาลัยแอละแบมา วิทยาเขตเบอร์มิงแฮม ประเทศสหรัฐอเมริกา ศึกษาพบว่านอนท่านี้ ช่วยจัดท่าทางให้กระเพาะอาหารอยู่ในท่าที่เหมาะสม ช่วยทําให้กรดในกระเพาะอาหารไม่ตีกลับขึ้นไปที่กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารตอนล่าง ข้อมูลจาก คอลัมน์เกร็ดสุขภาพ ชีวจิตมือโปร นิตยสารชีวจิต ฉบับ 336

ผักชี ประโยชน์สูงกว่าตัว คุมน้ำตาล ป้องกันสมองเสื่อม

ผักชี ประโยชน์สูงกว่าตัว คุมน้ำตาล ป้องกันสมองเสื่อม ผักชีเป็นผักที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผักที่ใช้โรยหน้าเสริมสร้างความสวยงาม หรือช่วยสร้างกลิ่นหอม จนเป็นที่มาของสุภาษิตไทยโบราณ ที่ว่าผักชีโรยหน้า คือทำอะไรแต่พอกลบหน้า หรือแค่เฉพาะช่วงโอกาสสำคัญเท่านั้น แต่ที่จริงแล้วผักชีมีประโยชน์มากกว่านั้นมากเลยนะคะ ประโยชน์สูงกว่าต้นของมันเสียอีก แต่จะมีอะไรบ้าง เราค่อยๆ มาดูกันนะคะ สำหรับครัวไทยแล้ว เราใช้ผักชีในทุกส่วน ตั้งแต่รากจนถึงยอด โดยรากใช้เป็นเครื่องเทศในกลุ่มสามเกลอ ที่ประกอบด้วย รากผักชี กระเทียม และพริกไทย (ซึ่งทั้ง 3 อย่างนี้ก็ล้วนเป็นเครื่องเทศที่อุดมประโยชน์จริงๆ ) นอกจากนั้นแล้วก็ใช้ใบในการโรยตกแต่ง เพิ่มกลิ่มหอมของอาหาร แต่เดี๋ยวนี้แอดก็เห็นว่าหลายร้านที่เสิร์ฟผักชีมาทั้งต้นก็ว่าได้ ส่วนผลก็ใช้ตำเป็นเม็ดผักชี ที่ช่วยส่งเสริมกลิ่นของอาหารให้หอมอร่อย ทั้งนี้มีงานวิจัยหลายฉบับทีไ่ด้ศึกษาส่วนใบ และลำต้นของผักชี พบว่ามีต้านอนุมูลอิสระ และช่วยปกป้องเซลล์สมองไม่ให้ถูกทำลาย รวมไปถึงว่า ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อรา นอกจากนั้นยังช่วยในระบบย่อยอาหารอีกด้วย ส่วนในผลของผักชีเองก็มีการศึกษาพบว่าให้ผลที่คล้ายกันคือ ต้านอนุมูลอิสระ ต้านแบคทีเรีย เชื้อรา และมีเพิ่มเติมคือ ลดการอักเสบ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนั้นยังช่วยลดน้ำตาล ความดัน และไขมันในเลือดได้ รวมถึงกำจัดโลหะหนัก ช่วยปกป้องตับและไต ส่วนอะโรมาที่ออกมาจากเมล็ดผักชีนั้นยังช่วยลดความวิตกกังวล ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าผักชีนอกจากจะกินได้ทุกส่วนแล้ว ก็ยังมีประโยชน์ทุกส่วนเช่นเดียวกัน […]

กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้าย

กินเท่าไรก็ไม่อิ่ม กินได้เรื่อยๆ กินตลอดเวลา หรือบางครั้งกินทีครั้งละมากๆ (หมายถึงมากจนผิดปกติกว่าคนทั่วไป) แบบนี้อาจเข้าข่ายอาการผิดปกติ มาลองสังเกตกันว่าตัวเราหรือคนรอบข้างมีอาการแบบนี้บ้างไหม ? โรคที่เกิดขึ้นขึ้นมีชื่อเรียกว่า “Binge Eating Disorder” เป็นการที่เราสามารถกินอาหารหมดได้อย่างรวดเร็ว หรือกินในปริมาณมากๆ มากจนเกินคนทั่วไป อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นบางช่วง ซึ่งเวลาที่เกิดขึ้นมักจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ สำหรับโรคนี้เป็นไปได้ว่า ได้รับการพัฒนามาจาก การที่เรากินอาหารตามอารมณ์มากเกินไป แต่จะมีความแตกต่างกันที่หากเป็นการกินตามอารมณ์จะมีเรื่องของ ความสุข ความเศร้า ความเครียดเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้น ทางการแพทย์ยังหาสาเหตุที่ชัดเจนไม่ได้อย่างชัดเจน แต่สันนิษฐานว่า เกิดจาก 3 อย่างนี้ – เคยลดน้ำหนักโดยใช้วิธีที่ผิดมาก่อน – มีปัญหาทางด้านครอบครัว ที่มีผลกระทบต่อจิตใจโดยตรง – ความเครียดสะสม   โรคนี้มักจะพบมากที่วัยรุ่นตอนปลาย ช่วงอายุ 23 ปี และมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะมันพัฒนามาจากการกินที่ผิดปกติ การลดน้ำหนักที่ผิดวิธี ไม่ยอมกินอาหาร นานวันเข้ามันได้พัฒนากลับมาเป็นอีกขั้ว คือกินเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ ลองเช็กอาการเบื้องต้นว่าเราหรือคนรอบตัวเข้าข่ายโรคนี้กันหรือยัง ? – ทุกครั้งที่เริ่มกินอาหาร รู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมปริมาณอาหารที่กินได้ – ถึงแม้จะไม่รู้สึกหิว […]

ระวังนะ! ไม่กินผัก เสี่ยงหลายโรค

ผัก เป็นหนึ่งอาหารที่หลายคนเเขี่ยออก เพราะรสชาติที่บางทีก็ขม บางทีก็เหม็นเขียว หรือผักบางชนิดก็แข็งเกินไป เมื่อตอนเด็กๆ ไม่กิน โตมาก็เลยไม่กิน แต่รู้ไหมว่า ไม่กินผัก จะทำให้เสี่ยงหลายโรคเลยนะคะ ขาดสารอาหาร เพราะผักเป็นแหล่งของสารอาหารที่หลากหลาย ซึ่งหากขาดไปอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้เช่น เลือดออกตามไรฟัน โลหิตจาง คอหอยพอก เป็นต้น โรคในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะในลำไส้ เนื่องจากผักเป็นแหล่งของไฟเบอร์หรือกายใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลาย และไม่ละลายในน้ำ ดังนั้นการที่ไม่มีเส้นใยอาหารเข้าไปช่วยย่อยอาหาร ช่วยให้ขับถ่าย ก็จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งลำไส้ ลำไส้แปรปรวน หรือริดสีดวงทวารหนัก โรคเบาหวาน ผักมีพฤกษเคมี ที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน รวมถึงมีการใยที่ทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่ร่างกายได้ช้า นอกจากนั้นผักยังเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตไขมันต่ำอีกด้วย โรคอ้วน การไม่กินผัก แล้วกินแต่อาการขยะอาจทำให้เกิดโรคอ้วน นอกจากนั้นการไม่กินผักยังทำให้ร่างกายขาดไฟเบอร์ ซึ่งจะทำให้ไม่รู้สึกอิ่มท้อง และต้องกินอาหารมากกว่าปกติ โรคทางสายตา ในผักและผลไม้มีลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงจอประสาทตา และลดความเสี่ยงในการเกิดโรค รวมถึงทำให้ทัศนวิสัยในการมองได้ดี โรคเรื้อรังต่างๆ  นอกจากเบาหวานแล้ว ในผักยังมีสารอาหารต่างๆ ที่ช่วยให้ห่างไกลจากโรคเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของสุขภาพได้ ไม่ว่าจะเป็น โรคหลอดเลือด […]

ลำไส้ พัง มีอะไรบ้างที่พังตาม

เรื่องของลำไส้ หากทำงานได้ไม่ดี จนทำให้ลำไส้แปรปรวนจะส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น ท้องเสีย ท้องผูก ปวดท้อง มวนท้อง รวมไปถึงอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แต่นอกจากนั้นแล้วยังส่งผลไปถึงระบบต่างๆ ในร่างกายอีกด้วยนะคะ จุกแน่นหน้าอก สำหรับคนที่เกินเยอะ ลำไส้ย่อยอาหารได้ไม่หมด มีอาหารตกค้างบ่อยๆ จุสินทรีย์ที่มีส่วนช่วยในการทำลายอาหารก็จะมีอยู่เยอะเช่นกัน ทำให้อาหาร กลายเป็นแก๊สได้ง่าย เกิดอาการกรดไหลย้อน จุกแน่นท้อง แน่นหน้าอก หายใจลำบาก ท้องบวม ขับถ่ายลำบาก อารมณ์แปรปรวน เนื่องจากลำไส้เชื่อมโยงถึงไขสันหลังและสมอง เป็นระบบประสาทส่วนกลางที่เชื่อมโยงถึงกัน ฉะนั้นเมื่อไรก็ตามที่เรามีปัญหาลำไส้จะส่งผลต่ออารมณ์ เช่น ลำไส้ของเราย่อยอาหารได้ไม่ดี มีอาการท้องอืด เราจะมีอาการทางความคิดหรืออารมณ์ร่วมด้วย เช่น คิดอะไรไม่ค่อยออก ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ รู้สึกหงุดหงิด ซึ่งส่งผลระยะยาวต่อโรดต่างๆ เยอะ มาก เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า เพราะระบบประสาททำงานอยู่ตลอดเวลา ในทางการแพทย์แผนโบราณเรียกอาการแบบนี้ว่า “ธาตุลมกำเริบ” คือระบบประสาททำงานไม่หยุด เหมือนอักเสบตลอดเวลา ถ้าเป็นหนัก ๆ จะกลายเป็นกรดไหลย้อนเรื้อรัง ฉะนั้นคนไข้กลุ่มนี้ต้องไปแก้ปัญหาที่ลำไส้ก่อน แล้วค่อยฝึกหยุดความคิดฟุ้งซ่าน ด้วยการสวดมนต์ และทำสมาธิเป็นลำดับถัดไป จะช่วยให้หายได้อย่างยั่งยืน ไขมันพอกตับหรือโรคอ้วน เมื่อไรก็ตามที่ลำไส้ย่อยอาหารไม่หมด โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูง ไขมันจะกลายเป็นเมือกเคลือบอยู่ที่ผนังลำไส้ […]

อยากกิน เพราะความหิว หรือแค่อารมณ์เบื่อ

การกินเพราะหิวกับกินตามอารมณ์ มักผสมปนเปจนบางทีก็แยกไม่ออก การปล่อยให้อารมณ์นำการกินมักทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารเกินกว่าความจำเป็น และส่งผลต่อน้ำหนักตัวได้ในที่สุด เราจึงมาชวนสังเกตพฤติกรรมการกินของตัวเอง ว่าที่กินๆ อยู่นี่เพราะหิวหรือเพราะแค่เบื่อ กินเพราะหิว คือความหิวจริงๆ ที่ร่างกายต้องการอาหารเพื่อแปลงเป็นพลังงาน ถ้าหิวและกินเพราะสาเหตุนี้จริงๆ จะรู้สึกได้ว่าท้องว่าง บางทีก็ท้องร้องครืดคราด จนรู้สึกหิว และถ้าไม่กิน อาจต้องเจอกับอาการระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ รู้สึกอ่อนแรง เหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิ กินเพราะเบื่อ ความเบื่อเป็นหนึ่งในสาเหตุที่นำไปสู่ความหิวที่ไม่ได้มาจากร่างกายต้องการอาหาร เป็นเหมือนการกินอาหารตามอารมณ์ ยกตัวอย่างเช่น กินเพราะเครียด กล่าวเพิ่มเติมคือคนที่จมอยู่กับความเบื่อหน่ายมีแนวโน้มที่จะกินอาหารมากเกินไป หรือกินตามอารมณ์ได้สูง รวมไปถึงผู้ที่มีภาวะเครียดเรื้อรังจะกระตุ้นฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกหิว นี่จึงเป็นคำอธิบายเมื่อเวลาระดับฮอร์โมนของเราเปลี่ยนแปลง น้ำหนักตัวเราอาจเพิ่มขึ้นจากพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไป จะสังเกตได้อย่างไรว่าหิวจริงๆ ความหิวจริงๆ (รวมไปถึงกระหายน้ำ) จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากความเบื่อและความอยากกินตามอารมณ์ สัญญาณแรกๆ มักมากับความรู้สึกหิวเบาๆ รู้สึกท้องว่าง และท้องร้อง (แต่สัญญาณเหล่านี้ก็จะแตกต่างไปในรายบุคคล) ส่วนความรู้สึกกระหายจริงๆ มักมาพร้อมกับอาการปากแห้ง ระคายคอ จนรู้สึกอยากดื่มเครื่องดื่มรวมไปถึงน้ำเปล่า ในทางกลับกัน ความรู้สึกกระหายแบบตามอารมณ์ เรามักมีเครื่องดื่มเฉพาะเจาะจงในใจอยู่แล้วว่าอยากดื่มอะไร เช่น ชานมไข่มุก น้ำอัดลม ดังนั้น เมื่อเกิดความรู้สึกหิว ให้สังเกตตัวเองตามนี้ – ตอนนี้รู้สึกอย่างไร -รู้สึกเบื่อ วิตกกังวล […]

แจกสูตรธรรมชาติ ป้องกัน บำบัด เบาหวาน

เบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นสาเหตุใหญ่ วันนี้แอดเลยชวนทุกคนมาดูสมุนไพร ใกล้ตัวทีช่วยป้องกัน และบำบัด รวมถึงช่วยควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด ให้อยู่ในระดับปกติได้ ตำลึง รักษาระดับน้ำตาล ทีมนักวิชาการจาก Harvard Medical School ได้ทำการศึกษาพบว่า ตำลึงและโสมมีหลักฐานสนับสนุนประสิทธิภาพในการลดน้ำตาลได้ดีที่สุด โดยสรรพคุณที่ช่วยในเรื่องการลดน้ำตาลอยู่ในส่วนใบและราก นอกจากนั้นยังศึกษาพบว่า หากกินใบตำลึงวันละ 50 กรัมทุกวัน จะสามารถรักษาระดับน้ำตาลให้คงที่ได้ด้วย ดำรับยา เถาตำลึงสับเป็นท่อนๆ ยาว 2-3 นิ้ว จำนวน 1 กำมือ วิธีทำ ใส่น้ำพอท่วม ต้มนาน 15 -20 นาที นำมาดื่มเช้า-เย็นติดต่อกัน 7 – 10 วัน ช่วยลดน้ำตาลในเลือด  น้ำคั้นมะระขึ้นก ชะลอผลเสียต่าง ๆ จากโรคเบาหวาน สารขมในมะระขึ้นกมีฤทธิ์ในการยับยั้งน้ำตาลในเลือด เสริมการหลั่งอินซุลินจากตับอ่อน ลดการสร้างน้ำตาลจากตับ เสริมการเผาผลาญน้ำตาล เพิ่มความไวต่ออินซูลิน เพิ่มความทนต่อกลูโคส (Glucose Tolerance) การศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (8 คน) […]

5 ไลฟ์สไตล์ทำร้ายดวงตา

พฤติกรรมที่เราทำอยู่จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน บางครั้งมันก็ส่งผลร้ายโดยตรงต่อดวงตาของเรา โดยที่เราไม่รู้ตัว มาดูกันว่าอะไรบ้างที่เรามองข้ามไป ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก ส่งผลให้สมองและระบบประสาทเสื่อมง่าย ทำให้เส้นประสาทรอบดวงตาเสื่อมก่อนวัย   พฤติกรรมติดจอ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ หากมากเกินไป ทำให้เสียสายตาเกิดอาการอ่อนล้า นอกจากนี้ แสงสีฟ้า (Blue Light) จากจอก็ทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้   กินยาต้านเครียด ซึมเศร้า และยาขับปัสสาวะ เพราะยากลุ่มนี้ส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้า ระยะสายตายาวขึ้นเพราะสายตาโฟกัสได้ไม่ดี คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคตา เช่น โรคต้อหิน โรคต้อกระจก เป็นต้น   ใช้ตัวช่วยเพิ่มความสวยให้ดวงตา เช่น เทปกาวติดตาสองชั้น คอนเท็กต์เลนส์ โดยอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อใช้เป็นระยะเวลานานจะส่งผลต่อการควบคุมกล้ามเนื้อรอบดวงตาทำให้เพ่งมากเกินไป การกะระยะผิดพลาด เพราะฉะนั้นหมอแนะนำว่าไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน (ข้อมูลจากคอลัมน์ Anti-Aging นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 509)

สายฟิตต้องรู้ ออกกำลังกายวันละ 30 นาที ไม่ได้ดีสำหรับทุกคน

สายฟิตต้องรู้ ออกกำลังกายวันละ 30 นาที ไม่ได้ดีสำหรับทุกคน เราต่างรู้ว่า ควรใช้เวลา ออกกำลังกายวันละ 30 นาที แต่ข้อมูลล่าสุดเผยว่า การทำเช่นนี้ไม่ได้มีประโยชน์สำหรับทุกคน ขณะที่การออกกำลังกายเป็นเวลา 3 นาที ทุกๆ 1 ชั่วโมงขณะนั่งทำงาน จะช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้น 30 เปอร์เซ็นต์ ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ คาเลโดเนียน แห่งสหราชอาณาจักร เผยว่า การนั่งติดเก้าอี้นานเกินไปทำให้ประโยชน์จากการออกกำลังกายนั้นเสียเปล่า และไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เหมาะสมสำหรับทุกคนในเรื่องการบริหารร่างกาย นอกจากนี้ ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งที่เผยแพร่ในวารสาร British Journal of Sports Medicine ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจาก 6 การศึกษาก่อนหน้านี้ที่ได้จากผู้ใหญ่จำนวนกว่า 130,000 คนในสหราชอาณาจักรและสวีเดน โดยดูถึงความแตกต่างของกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราการเสียชีวิต ตั้งแต่การวิ่งและเดินเร็วไปจนถึงการทำงานบ้านและการนั่ง ผลจากการศึกษาดังกล่าว พบว่า การออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน สามารถช่วยลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์สำหรับผู้ที่ใช้เวลาหมดไปกับการนั่งน้อยกว่า 7 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการเสียชีวิตสำหรับผู้ที่ใช้เวลาไปกับการนั่งมากกว่า 11 ถึง 12 […]

รู้หรือไม่ ฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง

รู้หรือไม่ ฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ฮอร์โมน คือตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตอย่างมาก เพราะถ้าระดับฮอร์โมนเป็นปกติ ร่างกายทำงานก็จะทำงานได้อย่างปกติ แต่ถ้าระดับ ฮอร์โมนไม่สมดุล จะส่งผลอย่างไรบ้าง เรามีคำตอบ หากฮอร์โมนเปลี่ยนไป จะส่งผลโดยตรงกับสุขภาพ ทำให้ระบบต่างๆ ทำงานบกพร่อง และอาจส่งผลให้โรคอื่นๆ ตามมา เมื่อฮอร์โมนเสียสมดุล อาการที่แสดงออก ได้แก่ มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ โปรเจสเตอโรนเป็นฮอร์โมนที่ผลิตออกมาจากรังไข่ช่วยให้เรานอนหลับสบายแต่หากฮอร์โมนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติจะส่งผลต่อการนอนหลับ การมีเอสโตรเจนที่ต่ำจะทำให้มีอาการรู้สึกหนาวๆร้อนๆหรือมีอาการเหงื่อออกในเวลากลางคืน ทำให้นอนหลับไม่เพียงพออาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ เป็นสิว การมีสิวในช่วงก่อนมีประจำเดือนนั้นเป็นเรื่องปกติแต่หากสิวขึ้นอยู่เป็นประจำและไม่หายอาจเป็นปัญหาของฮอร์โมนแอนโดรเจนส่งผลให้ต่อมไร้ท่อและต่อมไขมันทำงานผิดปกติ มีผลต่อเซลล์ของผิวหนังและรูขุมขนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนจนกลายเป็นสิวได้ เหนื่อยและอ่อนเพลียอยู่บ่อยๆ นั่นเป็นอาการที่เห็นได้ชัดของฮอร์โมนขาดสมดุลเนื่องจากฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยลงจึงทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าและพลังงานลดลง น้ำหนักเพิ่มขึ้น เมื่อสารเอสโตรเจนมีระดับน้อยลงจึงทำให้มีความอยากรับประทานอาหารมากขึ้นส่งผลต่อระดับความหิวที่ทำให้กินมากขึ้นนั่นเอง รอบเดือนผิดปกติ ปกติแล้วผู้หญิงจะมีรอบเดือนทุกๆ 21-35 วันแต่หากรอบเดือนมาบ้างไม่มาบ้างนั่นอาจหมายความว่าเรามีฮอร์โมนที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป ซึ่งฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปรเจสโตรโรนเป็นตัวควบคุมเรื่องเหล่านี้ ขอบคุณข้อมูล : โรงพยาบาลวิชัยยุทธ บทความอื่นที่น่าสนใจ ไขข้อสงสัย 17 งานวิจัยเรื่อง อาหารกับความอ้วน กินเป็น ช่วยรักษา สุขภาพฟัน บอกลาฟันผุ ฟันตกกระ คราบหินปูน อาหารบำบัด โรคออโต้อิมมูน สไตล์หมอลี่ “สุขภาพดีวันละ 1 นาที”

ไขมันพอกตับ มองไม่เห็น แต่อันตรายมาก

ไขมันพอกตับ เป็นชื่อที่เราคุ้นเคยกันอยู่มาก ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าจริงๆ แล้วมันคืออะไร และอันตรายแค่ไหน วันนี้แอดจะเล่าให้ฟังค่ะ ไขมันพอกตับ เป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากไม่มีสัญญาณเกิดขึ้นในช่วงแรก แต่จะเป็นการที่เกิดไขมันไปสะสมในตับมากจนตับไม่สามารถดึงออกมาใช้ได้หมด โดยผู้ที่มีปัญหาไขมันเกาะตับจะมีไขมันสะสมอยู่ในตับคิดเป็น 5-10% ของน้ำหนักตับเลยทีเดียว สาเหตุการทำให้เกิดไขมันเกาะตับ มีด้วยกัน 2 ปัจจัยหลัก คือ   จากแอลกอฮอล์ ซึ่งควาามรุนแรงของอาการ จะขึ้นอยู่กับประเภทของแอลกอฮอล์ เพศ และระยะเวลา  จากอื่นๆ ที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ ซึ่งมาจากปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ  โดยเฉพาะเรื่องของอาหาร  กลุ่มเสี่ยงไขมันเกาะตับ ผู้ชายที่มีรอบเอวเกิน 40  ผู้หญิงที่มีรอบเอวเกิน 35  ผู้ที่น้ำตาลสูงกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือผู้ที่เป็นเบาหวาน ผู้ที่มีไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงกว่า 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตร  ผู้ที่มีคามดันสูงกว่า 140/90 มิลลิลิตรปรอท  ดื่มแอลกอฮอล์มาก  รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง   น้ำหนักลดอย่างมากในเวลารวดเร็ว อาการไขมันเกาะตับ เป็นภาวะที่ไม่มีอาการให้รู้ หรือหากมีอาจจะเป็นอาการเช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย  เจ็บตึงที่บริเวณชายโครงขวา มักตรวจพบจากการตรวจสุขภาพประจำปี โดยการเจาะเลือด สำหรับภาวะไขมันเกาะตับ […]

15 อาหารล้างพิษ ออกจากร่างกาย

15 อาหารล้างพิษ ออกจากร่างกาย ทุกวันนี้รอบตัวเราเต็มไปด้วยสารพิษ ทั้งจากมลภาวะในอากาศ สารเคมี สารปนเปื้อนในอาหาร รวมไปถึงโลหะหนักที่เข้าสู่ร่างกายได้หลากหลายช่องทาง วันนี้แอดจึงเอา 15 อาหารล้างพิษ ที่จะช่วยล้างพิษออกจากร่างกายของเราได้ มาฝากกัน รับรองว่ากินง่าย ทุกอย่างแน่นอน แอปเปิ้ล  ราชาแห่งผลไม้ ที่สารพัดประโยชน์จริงๆ  นอกจากจะช่วยในการควบคุมน้ำหนักแล้ว ยังอุดมด้วยเส้นใยอาหาร ที่ไม่เพียงทำให้ช่วยในระบบขับถ่ายแล้วยังช่วยนำคอเลสเตอรอลและโลหะหนักที่ตกค้างในลำไส้ออกมาด้วย อะโวคาโด ไม่เพียงอุดมด้วยไขมันดีเท่านี้ ที่ให้พลังงานสูง แค่คอเลสเตอรอลต่ำ แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้สารพิษเข้าไปทำลายหลอดเลือดแดง และมีกลูตาไธโอน ที่ช่วยล้างพิษตับ และลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งได้ บีทรูท ผักหัวสีแดงเข้มนี้ ไม่เพียงช่วยขยายหลอดเลือด ควบคุมไขมันเลวในร่างกายแล้ว ยังมีสารที่ชื่อบีทานิน ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไขมันสะสมในตับ และไม่ให้ตับสะสมสารพิษได้อีกด้วย ส่วนคนรักการออกกำลังกาย การกินบีทรูทก่อนออกกำลังกายก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร่างกายได้ แต่การกินบีทรูทก็มีข้อควรระวังอยู่นิดหน่อยนั้นคือ ไม่ควรกินในปริมาณมาก เพราะอาจทำให้เกิดนิ่วได้ บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณของยาหลายชนิดรวมกันอยู่เลยทีเดียว อย่างแรกคือ ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านไวรัส รวมถึงป้องกันสารพิษในสมอง จึงช่วยป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังมแอสไพรินตามธรรมชาติ จึงช่วยความเจ็บปวดได้ด้วย กะหล่ำปลี  เป็นผักใกล้ตัวที่มีคุณสมบัติช่วยในการลดสารพิษ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับตับในการล้างพิษออกจากร่างกาย รวมไปถึงช่วยให้ตับทำลายฮอร์โมนส่วนเกิน […]

keyboard_arrow_up