อย่าเพิ่งยอมแพ้ ถ้าแค่ถูกปฏิเสธ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเคยถอดใจกับอะไรง่ายๆ หรือเปล่า คนส่วนใหญ่ที่คิดแล้วไม่กล้าลงมือทำมักจะมีลักษณะร่วมกันคือ มีแนวโน้มที่จะล้มเลิกความตั้งใจทันทีที่ถูกปฏิเสธ เราเลยอยากจะบอกคุณว่า อย่าเพิ่งยอมแพ้ ถ้าแค่ถูกปฏิเสธ วิธีคิดแบบนี้จะทำให้เราไม่ล้มเลิกอะไรกลางคันและก้าวไปสู่เป้าหมายได้ใกล้มากขึ้น
ลองดูคนที่ดื้อดึงเอาแต่ใจเป็นตัวอย่างสิ ต่อให้ถูกปฏิเสธก็ยังตั้งหน้าตั้งตาเดินหน้าต่อไปอย่างไม่รีรอ ส่วนคนที่มีแนวโน้มจะคิดมากมักขาดความกระตือรือร้นด้วย การรู้จักเกรงใจและใส่ใจผู้อื่นนั้นก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถึงอย่างไรก็ทำให้เสียเปรียบในหลายเรื่อง
บ่อยครั้งที่เราต้องพุ่งไปข้างหน้าเพื่อให้ชีวิตเป็นไปอย่างใจคิด ถ้าล้มเลิกความตั้งใจก็จะจบอยู่แค่ตรงนั้น
แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?
เราคิดว่าการรอจังหวะที่เหมาะสมก็เป็นวิธีหนึ่ง สมมติว่าคุณถูกอีกฝ่ายปฏิเสธและรู้สึกท้อแท้ ปกติคุณอาจถอดใจไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น แต่ขอให้คุณหยุดยั้งความรู้สึกนั้นไว้แล้วลองจุดไฟให้ตัวเองอีกครั้ง ปลุกเร้าความรู้สึกและยึดมั่นในความคิดอันแน่วแน่
ประเด็นสำคัญตรงนี้คือ ให้คุณเก็บความคิดนั้นเอาไว้ก่อน
แค่นี้เราก็มีเรื่องให้คิดมากจนไม่กล้าลงมือทำอะไรอยู่แล้ว ถึงจะมาบอกให้ลงมือทำต่อทันทีที่ถูกปฏิเสธก็คงเป็นเรื่องยากทีเดียว (คงต้องขอเวลาทำใจสักพักล่ะนะ) แต่ถ้าคิดว่าเรื่องนั้นๆ ยังไม่ต้องทำ “ทันที” ก็ได้ คุณจะรู้สึกโล่งสบายขึ้นเยอะเลยจริงรึเปล่าคะ
เอาเป็นว่าตอนนี้เก็บความคิดใส่ลิ้นชักไว้ก่อนแล้วรอโอกาส แต่อย่าล้มเลิกความตั้งใจเด็ดขาดเชียว
คงมีบางเรื่องที่เวลาจะช่วยแก้ไขให้เราเอง ระหว่างกำลังคิดหลายสิ่งหลายอย่างคุณอาจปิ๊งไอเดียเด็ดๆ ขึ้นมาก็ได้ หรืออยู่ๆ คำตอบก็เดินเข้ามาหาเอง อย่างมีคนมาบอกคุณว่า “มีวิธีที่ดีกว่านั้นนะ” แล้วก็ช่วยชี้แนะแนวความคิดดีๆ ให้
สิ่งสำคัญก็คือเราต้องเก็บความฝันเอาไว้ในใจเสมอ
ถ้าคุณเก็บความคิดใส่ลิ้นชักปิดล็อกใส่กุญแจแล้วลืมไป นั่นเท่ากับคุณล้มเลิกความตั้งใจไปแล้ว หากอยากประสบความสำเร็จต้องไม่ถอดใจโดยเด็ดขาด เพียงแต่ว่ายังไม่ลงมือทำตอนนี้ เพื่อรอโอกาสเท่านั้นเอง
“ทำไม่ได้” กับ “ไม่ทำ” นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อถูกปฏิเสธแล้วกลายเป็นว่าจิตใจห่อเหี่ยว จึงเลือกที่จะไม่ทำดีกว่า ก็เท่ากับว่าปิดโอกาสความสำเร็จไปเรียบร้อยแล้ว
บทความที่น่าสนใจ