เวลา กับวิถีชีวิตคนเมืองปัจจุบัน ดูไม่บาลานซ์กันเสียเลย ทุกวันมักมีสิ่งที่ต้องทำมากมาย และบางครั้งต้องทำแข่งกับเวลา ทำให้เหลือเวลาพักผ่อนน้อยลงและนอนดึกดื่นข้ามคืน หลายคนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีสี่ ถึงจะตื่นอีกทีตอน 09.00 น.หรือ 10.00 น. ก็ไม่ได้แปลว่าร่างกายได้รับการพักผ่อนเพียงพอแล้ว เพราะนั่นไม่ใช่เวลาพักผ่อนที่ดีที่ร่างกายต้องการ
ร่างกายของเรานั้นมีนาฬิกาชีวภาพอยู่ และระบบของร่างกายจะทำงานตามกลไกที่เห็นข้างล่างนี้ดังนั้นหากคุณนอนตามเวลาที่เหมาะสม ร่างกายก็จะมีกระบวนการซ่อมแซมตัวเองในระหว่างที่คุณหลับทั้งในส่วนของกายภาพและระบบประสาท
มารู้จักนาฬิกาชีวภาพในร่างกายของเรากันดีกว่า
21.00 น. – 23.00 น.
เป็นช่วงที่ควรพักผ่อนที่สุด เพราะร่างกายเริ่มหลั่งสารเมลาโทนินที่ช่วยในการปรับสมดุลร่างกาย ปกป้องเซลล์ผิวหนังจากอนุมูลอิสระ ชะลอความชราภาพ
23.00 น. - 1.00 น.
เป็นช่วงที่ตับผลิตน้ำดีออกมาช่วยย่อยไขมันที่ลำไส้เล็ก
1.00 น. - 3.00 น.
ร่างกายกำลังทำการกำจัดสารพิษอย่างเต็มที่ เป็นช่วงที่ร่างกายควรได้หลับสนิท การนอนไม่หลับ เครียด ได้รับสารพิษ หรือรับประทานอาหารหวานจัดจะส่งผลเสียต่อตับ และเสี่ยงต่อภาวะหัวใจล้มเหลวได้
3.00 น. - 5.00 น.
เป็นช่วงที่ปอดทำงานได้ดีที่สุด จึงเป็นช่วงที่ควรตื่นนอนมารับอากาศบริสุทธิ์
5.00 น. - 7.00 น.
ช่วงนี้ร่างกายจะหลั่งสารคอร์ติซอล เพื่อช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า และควรดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี
7.00 น. - 9.00 น.
เป็นช่วงที่ร่างกายต้องการพลังงาน จึงควรรับประทานอาหารเช้า
9.00 น. - 11.00 น.
เป็นช่วงที่ร่างกายตื่นตัว เหมาะแก่การทำงานและทำกิจกรรมต่างๆ
11.00 น. - 13.00 น.
เป็นช่วงที่หัวใจทำหน้าที่สูบฉีดเลือดและสารอาหารไปเลี้ยงร่ายกาย
13.00 น. - 15.00 น.
เป็นช่วงที่ลำไส้เล็กทำหน้าที่ย่อยและดูดซึมอาหาร หากไม่ได้รับประทานอาหารกลางวัน
หรือรับประทานอาหารไม่เพียงพอ จะรู้สึกหิวและทรมานเป็นพิเศษ
15.00 น. - 17.00 น.
เป็นช่วงที่หลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อในร่างกายแข็งแรง เหมาะต่อการออกกำลังกาย
17.00 น. - 19.00 น.
เป็นช่วงที่ไตกรองของเสียออกจากเลือดและรักษาสมดุลในร่างกาย จึงควรดื่มน้ำสะอาดที่ไม่เย็น และ ไม่ควรนอนหลับในช่วงนี้ เพราะจะทำให้นอนไม่หลับตอนกลางคืน
19.00 น. - 21.00 น.
เป็นช่วงที่ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานเต็มที่ อุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น
การนอนสำคัญอย่างไร
การนอนทำให้กล้ามเนื้อและอวัยวะทุกส่วนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จะได้พร้อมสำหรับการทำงานในวันต่อไป
หากนอนน้อย อาจส่งผลให้การทำงานผิดพลาดและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ยิ่งกว่านั้น การนอนไม่เพียงพอติดต่อกันเป็นเวลานานๆ จะส่งผลให้ภูมิต้านทานของร่างกายลดลง และเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวานโรคอ้วน โรคมะเร็ง
มีงานวิจัยพบว่า คนที่นอนน้อยกว่า 4 ชั่วโมง หรือมากกว่า10 ชั่วโมงต่อคืนติดต่อกันเป็นเวลานาน จะมีอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเร็วกว่าคนที่ใช้เวลานอน 6 - 8 ชั่วโมงต่อวัน
นอกจากนี้ การนอนไม่พอยังมีผลต่อการทำงานของสมองและอารมณ์ เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ความจำสั้นหรือไม่มีสมาธิในการทำกิจกรรมใดๆ ที่เรียกว่า ภาวะสมาธิสั้นหรืออาจทำให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้
ทำอย่างไรให้นอนอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดตารางเวลาการนอนให้เหมาะสม จะช่วยให้ร่างกายเกิดสมดุล จากนั้นการตื่นและการอยากนอนจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ไม่ควรทำงานก่อนนอน เพราะจะทำให้ เครียดหรือกังวลจนนอนไม่หลับ ก่อนนอนควรอาบน้ำอุ่น ดื่มเครื่องดื่มอุ่นๆ หรือฟังเพลงสบายๆ เพื่อผ่อนคลาย ก่อนนอนควรนั่งหรือนอนทำสมาธิ เพื่อจิตใจจะได้ปลอดโปร่ง ทำให้นอนหลับสบายมากขึ้น ห้องนอนควรเงียบ มืดสนิท และมี
อุณหภูมิที่พอเหมาะ เลือกหมอนและเตียงให้เหมาะสมกับสรีระของร่างกายและรักษาความสะอาดของเครื่องนอนอย่างสม่ำเสมอก่อนนอน 2 - 3 ชั่วโมง ไม่ควรรับประทานอาหาร เพราะจะทำให้หลับไม่สบาย และไม่ควรดื่มน้ำมาก เพราะจะทำให้ ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกบ่อยๆ
ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอน แต่หากต้องออกกำลังกายเป็นประจำ ก็ควรทำก่อนนอนประมาณ 3 ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของ กาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ก่อนเข้านอน เพราะสารนิโคตินในบุหรี่จะส่งผลให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา ทำให้นอนไม่หลับ
หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เพราะเป็นสาเหตุให้เกิดฝันร้าย หรือละเมอ ทำให้หลับไม่สนิท
Recommended
เพลงที่ฟังแล้วการันตีว่าคุณจะผ่อนคลาย หลับสบายและฝันดี ได้แก่ เพลงประเภท Chill-out, New Age, Relaxing Music, Relaxing Meditation Healing Music
ศิลปินที่แนะนำ อาทิ John Tesh, Yanni, Steven Halpern, Mike Oldfield, Air, Brian Eno
เรื่อง Plutomania ภาพ : Amy Treasure on Unsplash