โครงการพิเศษสร้างรอยยิ้มและความสุข

“One for One” โครงการพิเศษสร้างรอยยิ้มและความสุข

“ One for One ” โครงการพิเศษสร้างรอยยิ้มและความสุข

0
“ One for One ” โครงการพิเศษสร้างรอยยิ้มและความสุข ให้แก่เด็ก ๆ ได้มีรองเท้าดี ๆ ใส่
0
“คุณมีรองเท้ากี่คู่”แม้จะเป็นคําถามง่าย ๆ แต่กว่าจะได้คําตอบ บางคนก็ต้องแน่ใจก่อนว่าคนถามหมายถึงรองเท้าประเภทไหนจะได้ตอบถูก แต่สําหรับเด็ก ๆ ซึ่งอยู่ ณ พื้นที่ห่างไกลในประเทศแถบอเมริกาใต้หรือแอฟริกาแล้ว พวกเขาไม่สามารถตอบคําถามนี้ได้ด้วยซ้ํา เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาเดินเท้าเปล่ามาตลอด!
0
เบลค ไมโคสกี้ (Blake Mycoskie) นักธุรกิจชาวอเมริกันก็หลงรักประเทศเล็ก ๆ แห่งนี้เข้าเต็มเปา และตั้งใจว่าต้องหาโอกาสกลับมาเยือนประเทศนี้อีกครั้งให้จงได้
0
5 ปีต่อมา เมื่อธุรกิจในลอสแอนเจลิสเริ่มลงตัว เบลคจึงวางแผนการเดินทางทันที โดยไม่พลาดที่จะลิสต์โปรแกรมท่องเที่ยวและกิจกรรมต่าง ๆ ไว้ยาวเหยียด อย่างไรก็ดี แม้เบลคจะทําตามโปรแกรมที่วางไว้ได้ไม่กี่รายการ แต่การมาเยือนประเทศอาร์เจนตินา ครั้งนี้กลับสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เขาอย่างมหาศาล
0
อย่างเกิดขึ้นหลังจากเบลคได้พบกลุ่มอาสาสมัครชาวต่างชาติที่มาทํางานด้านสาธารณสุข การพูดคุยกันในวันนั้นทําให้เขาได้รู้เป็นครั้งแรกว่าเด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศอาร์เจนตินา มีความเป็นอยู่ที่ยากลําบากและน้อยคนนักที่จะมีรองเท้าสวมใส่ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่น่าสงสารไม่น้อย ประโยคหลังนี้เองที่สะกิดใจเบลคให้อยากรู้ขึ้นมาว่าการไม่มีรองเท้าใส่เป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีคําตอบไหนดีไปกว่าการเดินทางไปเยี่ยมเด็ก ๆ กับกลุ่มอาสาสมัครเสียเลย
0
เพียงหมู่บ้านแรกเบลคก็ได้เห็นเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นกันในหมู่บ้าน โดยไม่มีใครใส่รองเท้าสักคน เด็กหลายคนกําลัง เตรียมตัวไปโรงเรียน แม้จะสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย สะพายกระเป๋าพร้อม แต่ทุกคนกลับไม่มีรองเท้าใส่
0
เห็นอย่างนั้นแล้วเบลคก็สงสารเด็ก ๆ ขึ้นมาจับใจ เนื่องจากถนนหนทางแถบนี้ทั้งหมดเป็นถนนลูกรัง มีหินโผล่ตะปุ่มตะป่ํา บางช่วงก็เป็นหลุมเป็นบ่อน่าหวาดเสียว ขนาดรถขับเคลื่อนสี่ล้อแท้ ๆ ยังวิ่งลําบาก ถ้าเดินด้วยเท้าเปล่าจะเจ็บเท้าแค่ไหน ไม่เพียงเท่านั้น การเดินด้วยเท้าเปล่า หากเท้าเป็นแผลก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค หรือถ้าโชคร้ายอาจถูกพยาธิชอนไชเข้าไปในเท้าอีก ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งกลัวและยิ่งสงสารเด็ก ๆ มากขึ้น
0
ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ เขาคิดว่าไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าการทําให้เด็ก ๆ มี “รองเท้าดี ๆ สักคู่” เพราะเมื่อเท้าปลอดภัยก็ช่วยให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ เบลคจึงเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาว่าเขาจะต้องหาทางนํารองเท้ามาแจกเด็ก ๆ ที่นี่ให้ได้ แต่จะด้วยวิธีไหนนี่สิที่เขาครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะถ้าลําพังเขาคนเดียวคงไม่มีกําลังมากพอจะซื้อรองเท้ามาแจกเด็ก ๆ ได้ครบทุกคนแน่ ๆ
0
หลังนิ่งคิดสักพัก ภาพรองเท้าท้องถิ่นของชาวอาร์เจนตินาที่เรียกว่า “Alpargata (อัลปาร์กาตา)” ก็ผุดขึ้นมาในสมอง รองเท้าชนิดนี้แม้จะเคยนิยมในหมู่แรงงานมาก่อนเพราะน้ําหนักเบาทนทาน และสวมใส่สบาย แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่กลับมองว่า“เชย” เบลคจึงคิดที่จะ“ปลุก”รองเท้าอัลปาร์กาตาให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยดีไซน์แบบอเมริกัน
0
ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษากลิ่นอายแบบคนพื้นเมืองเอาไว้ และเพื่อให้รู้จักรองเท้าชนิดนี้แบบทุกซอกทุกมุม เบลคจึงตัดสินใจใช้วันหยุดที่เหลือไปกับการเรียนตัดเย็บรองเท้าจากช่างท้องถิ่นอย่างจริงจัง และเมื่อทําได้สําเร็จ ชายหนุ่มก็บินกลับไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อปลุกปั้นโปรเจ็กต์ใหม่ทันที
0
โครงการพิเศษสร้างรอยยิ้มและความสุข
0
ในที่สุดบริษัทผลิตรองเท้าเล็ก ๆ ภายใต้ชื่อแบรนด์ “TOMS” ก็ถือกําเนิดขึ้นและมีพันธกิจในการทํางานเพียงข้อเดียวว่า “เราจะทํารองเท้าเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า” เนื่องจากบริษัทแห่งนี้ไม่ได้ตั้งขึ้นเพื่อขายรองเท้า แต่ตั้งขึ้นเพื่อแจกรองเท้าให้แก่เด็ก ๆ ผู้ขาดแคลนด้วยนโยบายสุดเก๋ที่เรียกว่า “One for One”
0
กฎของ One for One มีง่าย ๆ แค่ว่า ทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อ รองเท้า 1 คู่ บริษัทจะมอบรองเท้าให้เด็ก ๆ ผู้ขาดแคลนอีก 1 คู่ในนามของคุณ ด้วยเหตุนี้เบลคจึงเรียกตัวเองว่า “หัวหน้าคนแจกรองเท้า ไม่ใช่ซีอีโอ”
0
เพียงปีแรกบริษัทของเบลคก็ทํายอดขายรองเท้าได้ถึง 10,000 คู่ นั่นหมายความว่าเขาสามารถสร้างความสุขด้วยการมอบรองเท้า (The Gift of Shoes) ให้เด็ก ๆ ในอาร์เจนตินาได้ถึง 10,000 คู่เช่นกันในปีต่อมายอดขายรองเท้าของเบลคก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเขาสามารถมอบรองเท้าให้เด็ก ๆ ในแอฟริกาใต้ได้มากถึง 50,000 คู่
0
นอกจากนี้เบลคยังต้องการเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปในวงกว้าง เพื่อให้สังคมรับรู้ถึงความสําคัญของรองเท้ากับคุณภาพชีวิตของเด็ก ๆ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่หลายคนอาจยังไม่รู้ เขาใช้วิธีเดินสายบรรยายตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ รวมทั้งจัดตั้งโครงการ “One Day Without Shoes” ขึ้น เพื่อเชิญชวนให้คนในสังคมลองสัมผัสประสบการณ์เปลือยเท้าเดินด้วยกัน 1 วันเต็ม ๆ
0
เหล่านี้เบลคไม่ได้ทําเพื่อกลยุทธ์ทางการตลาด แต่ทําเพื่อกระตุ้นเตือนคนในสังคมให้รู้จัก “การให้และปรารถนาดีต่อกัน” แม้จะมีคนมาฟังบรรยายนับพัน แต่หากมีเพียงหนึ่งคนที่อยากช่วยเหลือเด็ก ๆ เหล่านี้บ้าง เบลคก็รู้สึกว่าเขาประสบความสําเร็จแล้วที่สําคัญกว่านั้น รองเท้ายังอาจเป็น “จุดเริ่มต้นของการให้” ในรูปแบบอื่น ๆ ต่อไปก็ได้
0
ปัจจุบันนอกจากมอบรองเท้าให้กับเด็ก ๆ แล้ว เบลคยังมอบแว่นตาและมอบค่าผ่าตัดรักษาดวงตา (The Gift of Sight) ให้แก่ผู้ยากไร้ รวมถึงส่งน้ําดื่มสะอาด (The Gift of Water) ไปยังพื้นที่ที่ขาดแคลนอีกด้วย
0
หากมีคนถามว่า เบลค ไมโคสกี้ทําแบบนี้เพื่ออะไร ทําไมไม่เก็บเกี่ยวผลกําไร แล้วก้าวขึ้นสู่ทําเนียบเศรษฐีหน้าใหม่อย่างที่หลายคนเขาทํากัน คําพูดต่อไปนี้คงเป็นคําตอบที่ดีที่สุด…
0
“ผมใช้ครึ่งชีวิตในการหาเงินมาแล้ว จากนี้ไปผมจะใช้อีกครึ่งชีวิตใช้เงินที่ผมหามา”
0
แล้วคุณล่ะคิดจะใช้ชีวิตนับจากนี้เพื่อทําอะไร
0
ที่มา : นิตยสาร Secret ปี 2557 ฉบับที่ 153 (10 พ.ย. 57) หน้า 78-79
คอลัมน์ : inspiration
ผู้เขียน/แต่ง : ปาปิรัส
ภาพ : www.dailymail.co.uk
0

บทความน่าสนใจ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.