หยก รินรดา

เมื่อความคาดหวังเกือบทำให้ชีวิตพัง หยก รินรดา รวีเลิศ

เมื่อความคาดหวังเกือบทำให้ชีวิตพัง หยก รินรดา รวีเลิศ

หยก รินรดา เคยชินกับการประสบความสำเร็จในทุกอย่างที่คาดหวังไว้ แต่เมื่อวันหนึ่งชีวิตไม่เป็นอย่างที่หวัง ชีวิตของหยกเกือบพัง ถ้าไม่ได้ธรรมะเข้ามาช่วย

            ครอบครัวของหยกมี 5 คน คือ คุณพ่อ คุณแม่ หยกเป็นลูกคนโต แล้วก็จะมีน้องอีก 2 คน หยกเป็นศูนย์รวมความดีใจของพ่อแม่ ตั้งแต่เกิดมาเป็นลูกคนแรก ท่านก็ดีใจแล้ว อีกทั้งยังจบปริญญาคนแรกของบ้าน หยกจบปริญญาตรีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทมหาวิทยาลัยมหิดล คุณพ่อคุณแม่ก็ดีใจ และไว้ใจให้ทำหลายๆ อย่างแทนท่าน เช่น ไปประชุมผู้ปกครองโรงเรียนของน้อง และอื่นๆ อีกมากมาย หยกจึงคิดเอาเองว่า เราเป็นลูกคนโต หยกต้องทำให้พ่อแม่ภูมิใจ ต้องเป็นตัวอย่างให้น้อง ความคาดหวังทุกอย่างมาตกที่หยกทั้งหมด หยกจึงแบกความคาดหวังของครอบครัวเอาไว้ ไม่อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่ผิดหวัง

พอเรียนจบหยกสมัครงานที่โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ ต้องผ่านการคัดเลือกจากผู้สมัครหลายคนจึงจะเข้าทำงานได้ ซึ่งหยกสามารถผ่านเข้ามาได้ด้วยคะแนนที่ 1 ในจำนวนผู้สมัครทั้งหมด และกลายเป็นเด็กจบใหม่ที่ได้เงินเดือนหลายหมื่นบาท คุณพ่อคุณแม่ยินดีกับหยกยกใหญ่ แต่พอได้เข้าไปทำงานจริงๆ หยกเป็นเด็กจบใหม่ ไม่รู้ว่าโลกของการทำงานจริงๆ เป็นอย่างไร หยกเจอความกดดันทุกทิศทาง เครียดมาก เป็นไมเกรน เข้าโรงพยาบาล สุดท้ายทนไม่ไหวต้องลาออก ทั้งๆ ที่ยังไม่มีงานอื่นรองรับ

ช่วงที่ลาออกใหม่ๆ หยกยังไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าดีแล้ว ไม่เครียด แต่อยู่แบบไม่มีงานทำไปสักพัก เงินในบัญชีออกไปเรื่อยๆ ไม่มีรายรับ แล้วก็ไม่กล้าขอคุณพ่อคุณแม่เพราะโตแล้ว หลังจากนั้นหยกเริ่มเครียด เราคิดวนไปวนมาว่า เรียนจบปริญญาโท เคยมีประสบการณ์การทำงานที่เดียว ฐานเงินเดือนสูง ทำให้หางานยาก ควรทำอย่างไรดี จะไปอย่างไรต่อ คุณพ่อกับคุณแม่ก็จะถามว่า เอาอย่างไรดีลูก แต่ท่านไม่ได้กดดัน มีแต่เรากดดันตัวเอง เราถามตัวเองเลยว่า

“ฉันทำให้พ่อแม่ผิดหวังหรือเปล่า เวลาเขาเจอเพื่อน แล้วคุยกันว่าลูกทำงานอะไร แล้วพ่อกับแม่จะบอกว่าอย่างไร”

            หยกรู้สึกผิดที่ตัวเองลาออก เมื่อความเครียดมากขึ้น หยกต้องแอบไปหาจิตแพทย์โดยไม่ให้ครอบครัวรู้ ปรากฏว่าพอไปจริงๆ หยกกินยาแก้เครียด นอนหลับไป แต่ตื่นขึ้นมาก็คิดมากอีก ความคิดวนเวียนอยู่แต่ว่า เราเคยทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ แต่ตอนนี้รู้สึกหมดคุณค่า ไม่อยากไปเจอเพื่อน เก็บตัว จนกระทั่งคุณแม่ชวนไปปฏิบัติธรรม เพราะท่านเป็นคนชอบทำบุญอยู่แล้ว หยกตอบตกลงทันที

เมื่อไปปฏิบัติธรรม จิตใจของหยกสงบลงมาก เราได้เห็นชีวิตสมถะภายในวัด ทุกคนไม่แต่งหน้า ใส่ชุดขาวเหมือนกัน ไม่มีใครมาดูว่าคิ้วสวยไหม ใส่นาฬิกายี่ห้ออะไร หยกเริ่มเห็นว่าชีวิตไม่ได้มีแค่ด้านเดียว ยิ่งตอนสวดมนต์บทปลงสังขาร ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ตาย หยกก็คิดได้ว่า ชีวิตคนเราก็มีแค่นี้เอง จากนั้นก็เริ่มปล่อยวาง แล้วก็พิจารณาทุกข์ใหม่ ว่าเราทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะอยากหางานที่เงินเดือนเท่าเดิม สถานะทางสังคมเท่าเดิม รู้สึกเหมือนเคยขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้ หยกคิดใหม่ว่า ช่วงชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง จริงๆ แล้วงานมีเต็มไปหมด อาจจะเงินเดือนน้อยแต่ก็เริ่มใหม่ได้ หยกได้ปรับระบบความคิดใหม่ว่า ปัญหาที่เรามี ต้องดึงออกมาทีละเรื่อง ค่อยๆ แก้ แล้วจะจัดการง่าย

หลังจากนั้นหยกมีโอกาสทำงานที่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ นั่นก็คือการเป็นผู้ประกาศข่าว เริ่มจากที่เคเบิ้ลทีวี ซึ่งพอช่อง Workpoint เปิดรับหยกอยากไปสมัครมาก แต่วันนั้นหยกติดงาน คิดว่าไม่ได้ไปแน่ๆ แต่ด้วยจังหวะชีวิตหรืออะไรก็ตามแต่ งานวันนั้นของหยกยกเลิกกระทันหัน ทำให้หยกได้ไปเทสอ่านข่าวช่อง Workpoint แล้วก็ได้งานอย่างที่หวัง พอดีกับที่เคเบิ้ลทีวีรายการที่หยกอ่านข่าวหลุดผัง

สำหรับหยกถ้าเราเทียบปัญหาเป็นมวลที่จับต้องได้ ทุกปัญหาเล็กกว่าเราเสมอ และเมื่อปัญหาเล็ก เราจะรู้สึกว่าเราจัดการได้ เพราะตามธรรมชาติอะไรที่ด้อยกว่า เล็กกว่า เราจะเคลียร์มันได้เอง

 

SECRET QUOTE

                เวลาหยกเครียด หยกจะดูคลิปที่ซูมเอาท์จากคนออกไปสู่จักรวาล เราจะไม่ค่อยเห็นคน บ้าน ประเทศ ทวีป เหมือนกับปัญหาไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหนมันก็เท่ากับตัวเราที่เล็กนิดเดียว เมื่อเทียบกับจักรวาล

                                                                                                                หยก-รินรดา รวีเลิศ

 

เรื่อง: รินรดา รวีเลิศ เรียบเรียง: อุรัชษฎา ขุนขำ

ภาพ: IG:@yokrada และ posttoday


บทความที่น่าสนใจ

สำเร็จได้ด้วยวิธี คิดให้เล็ก และไม่คาดหวังสูงเกินไป

วางใจผิด ชีวิตเป็นทุกข์ นิตยสาร Secret

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.