เจ้าหญิงเคซัง โชเดน วังชุก แห่งภูฏาน กับชีวิตตามรอยธรรมแห่งพุทธศาสนา

เจ้าหญิงเคซัง โชเดน วังชุก แห่งภูฏาน กับชีวิตตามรอยธรรมแห่งพุทธศาสนา

เมื่อกล่าวถึงประเทศภูฏาน คนส่วนใหญ่มักนึกถึงภูมิประเทศที่สวยงาม ผู้คนและวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ รวมไปถึงสมเด็จพระราาธิบดีจิกมีผู้ทรงเป็นที่รักใคร่ของประชาชน แต่วันนี้ซีเคร็ตของนำเสนอเรื่องราวของเจ้าหญิงเคซัง โชเดน วังชุก เจ้าหญิงแห่งภูฏานที่ทรงดำเนินชีวิตในรีตรอยแห่งพุทธศาสนาบ้าง เรื่องราวของพระองค์จะเป็นอย่างไร ติดตามไปพร้อมกับซีเคร็ตเลยค่ะ

อะไรคือความแตกต่างที่เด่นชัดที่สุดระหว่างศาสนาพุทธนิกายเถรวาทกับนิกายวัชรยานที่ชาวภูฏานนับถือครับ

ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทจะเน้นหนักไปที่การปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือตนเองให้หลุดพ้นก่อนแล้วจึงไปช่วยเหลือคนอื่นแต่ศาสนาพุทธนิกายวัชรยานเชื่อว่า เราจะไม่สามารถหลุดพ้นได้ หากเราไม่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์คนอื่นให้มีดวงตาเห็นธรรมก่อน

ดังนั้นชาวพุทธนิกายวัชรยานจึงเชื่อว่าเราจะต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปเรื่อย ๆจนกว่าสัตว์โลกทั้งมวลจะบรรลุธรรม ซึ่งเป็นการเดินทางที่ยาวนานมาก แต่ก็เป็นเส้นทางที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา นอกจากนั้นชาวพุทธนิกายวัชรยานยังเชื่อด้วยว่า แม้ผู้ที่บรรลุธรรมแล้ว ก็สามารถเลือกที่จะกลับมาเกิดอีกเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้

อยากทราบว่าการ “บรรลุธรรม”ในแบบวัชรยานมีลักษณะเป็นอย่างไรครับ

สำหรับเรา การ “บรรลุธรรม” ไม่ใช่สิ่งที่หลายคนมักจะเข้าใจกัน การบรรลุธรรมไม่ได้หมายความว่าคุณจะกลายเป็นพระเจ้าหรือมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์อะไรมากมายเพราะความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายภายนอกแต่เป็นความเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของเราเอง

“พระเจ้า” ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ภายนอกตัวคุณ แต่พระเจ้าคือ“ความเป็นพุทธะ” หรือความเป็น “ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน” ในตัวคุณ ดังนั้นการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าก็คือการค้นพบความเป็นพุทธะในตัวคุณนั่นเอง

มนุษย์ทุกคนมีความเป็นพุทธะซ่อนอยู่ ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่ฆาตกรอย่างองคุลิมาล ฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ การหมั่นฝึกฝนจิตจนค้นพบความเป็นพุทธะในตัวของเราเอง เราเชื่อว่า แม้จะบรรลุธรรมแล้ว คุณก็ยังสามารถกินอาหารแบบเดิมได้เดิน ยืน นั่ง ทำงาน หรือใช้ชีวิตตามปกติได้ แม้แต่ดูทีวีก็ยังได้ เพราะสิ่งที่เปลี่ยนไปอยู่ภายใน และสิ่งที่เปลี่ยนไปนี้คือต้นกำเนิดของพลังแห่งความแข็งแกร่งความกล้าหาญ ความรัก และความสุขของคุณ เมื่อบรรลุธรรม ทุกอย่างที่คุณทำจะเกิดจากความตื่นรู้ และชีวิตของคุณจะไม่ถูกชักนำด้วยอารมณ์หรือความรู้สึกเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป

สิ่งที่ศาสนาพุทธนิกายวัชรยานเน้นเป็นพิเศษคืออะไรครับ

การมีพระอาจารย์ที่คอยสั่งสอนดูแลเรานั้นสำคัญมากที่สุด เพราะเราเชื่อว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าได้รับการส่งต่อและสืบทอดกันมาผ่านทางพระอาจารย์ท่านต่าง ๆ โดยไม่ขาดสาย ดังนั้นชาวพุทธนิกายวัชรยานจึงนับถืออาจารย์ของตนราวกับนับถือพระพุทธเจ้าเลยทีเดียว และเราเข้าใจว่า คำสอนของอาจารย์ก็ทำให้เราเข้าถึงความเป็นพุทธะได้เช่นกันค่ะ

สำหรับชาวพุทธนิกายวัชรยานการฝึกสมาธิมีความสำคัญอย่างไรบ้างครับ

การฝึกสมาธิสำหรับชาวพุทธนิกายวัชรยานคือ การฝึกจิตให้เคยชินกับการทำในสิ่งที่ดี ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาสติให้แหลมคมและพัฒนาปัญญาให้บริสุทธิ์ต่อไป

คนเรามักมีนิสัยของจิตที่ไม่ดีติดตัวมาคือเรามักพยายามผลักไสหรือยึดติดกับความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาในจิต ทั้งความรู้สึกที่ดีและไม่ดี แต่กุญแจของการฝึกสมาธิคือการพยายามเป็นผู้รู้และเป็นผู้ดูความเป็นไปของจิต โดยไม่เอาตัวเข้าไปยึดติดกับมัน

ลองศึกษาความรู้สึกที่ผ่านเข้ามาในจิตดูให้ละเอียดลึกซึ้งว่า มันมีรูปร่างอย่างไรเป็นสีอะไร เป็นสิ่งอ่อนหรือแข็ง ทึบหรือใสฯลฯ และท้ายที่สุดเราก็จะเริ่มเข้าใจเองว่าความรู้สึกเหล่านั้นแท้จริงแล้วมัน “ว่างเปล่า”โดยสิ้นเชิง เพราะมันถือกำเนิดขึ้นมาจากความว่าง และก็จะคืนกลับไปสู่ความว่างดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะเป็นทุกข์เพราะความว่าง

แล้วเจ้าหญิงทรงมีวิธีการฝึกอย่างไรบ้างครับ

ก่อนอื่นคงต้องบอกว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เก่งขนาดนั้น ไม่ควรใช้เป็นตัวอย่างนะคะ (ทรงพระสรวล) แต่ก็พยายามฝึกอยู่ทุกวัน สำหรับข้าพเจ้า การทำสมาธิไม่ใช่แค่การนั่งคิดและปล่อยวางจิตใจ แต่รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันตลอดจนการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะต่อให้คุณทำสมาธิอย่างจริงจัง แต่พอออกจากสมาธิไปก็ยังโมโหเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน ก็ถือว่าการทำสมาธิไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด การฝึกสมาธิที่แท้จริงคือการมีสติในทุกสิ่งที่คุณทำทุกคำที่คุณพูด และทุกอย่างที่คุณคิด ไม่ว่าจะในขณะขับรถหรือไปทำงาน ทุกขณะที่ผ่านไป เราควรจะทำในสิ่งที่ดีขึ้น ทั้งสำหรับตนเองและผู้อื่น หากคุณสามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับตัวเอง กับคนรอบตัว และทำให้ทุกคนมีความสุขมากขึ้น การกระทำดังกล่าวก็ถือเป็นการปฏิบัติที่ดีแล้วนะคะ

เจ้าหญิงเคซัง

คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป

ปรัชญาทางพุทธศาสนาที่มีอิทธิพลต่อแนวคิดหรือแนวทางการใช้ชีวิตของเจ้าหญิงคืออะไรครับ

ในภูฏาน เราจะให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมกันระหว่างชายและหญิงมากซึ่งถือเป็นแนวทางคำสอนของพุทธศาสนาอยู่แล้ว มันสะท้อนออกมาในวัฒนธรรมของเราอย่างเช่นเรื่องของ Polygamy (วัฒนธรรมการมีภรรยาหรือสามีหลายคนในเวลาเดียวกัน) ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของคนในบางพื้นที่ของภูฏาน แต่ก็แน่นอนว่าอาจเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกตินักในประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะในด้านที่ภรรยาสามารถมีสามีได้หลายคน แต่อย่างที่บอกว่า พุทธศาสนาสอนว่าผู้หญิงกับผู้ชายมีความเท่าเทียมกัน สิ่งใดที่ผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ย่อมสามารถทำได้เช่นเดียวกัน แน่นอนว่าการมีคู่สมรสเพียงคนเดียวย่อมเป็นเรื่องที่ถูกทำนองคลอง-ธรรม แต่ในอีกมุมหนึ่ง ตราบเท่าที่เราสามารถให้ความชอบธรรมกับคู่ครองได้ไม่ว่าจะคนเดียวหรือหลายคน การมีคู่สมรสหลายคนก็ไม่ถือเป็นเรื่องผิด

ชาวภูฏานให้คุณค่ากับผู้หญิงเป็นอย่างมาก เรามีผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้านจำนวนมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นข้าพเจ้าคิดว่า ส่วนหนึ่งเพราะผู้หญิงภูฏานค่อนข้างจะแข็งแรงเหมือนผู้ชาย ไม่เฉพาะด้านจิตใจ แต่รวมถึงทางด้านร่างกายด้วยผู้หญิงภูฏานแต่ดั้งเดิมนั้นจะตัวใหญ่และแข็งแรง จึงทำให้ค่อนข้างมีความเสมอภาคกันทางสังคม เราไม่เคยคิดว่างานประเภทไหนเป็นงานของผู้ชายที่ผู้หญิงไม่ควรทำแต่เราคิดว่า ถ้าผู้หญิงสามารถทำได้ก็ทำไปไม่เกี่ยวว่าคุณเป็นเพศอะไร แม้แต่เรื่องการปฏิบัติธรรมและการฝึกตนให้ไปถึงนิพพานคนภูฏานชอบมีลูกสาว เพราะเชื่อว่าเธอจะดูแลพ่อแม่ที่บ้าน และสามีจะย้ายเข้ามาในบ้านของภรรยา อย่างข้าพเจ้า เมื่อแต่งงานแล้วสามีก็ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านกับสมเด็จแม่และสมเด็จย่า ในขณะที่ประเทศอื่นส่วนใหญ่ผู้หญิงจะแยกออกไปหรือย้ายไปอยู่บ้านผู้ชาย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราคงไม่สามารถจำกัดแค่ความเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เราต้องเดินหน้าไปด้วยกันเพื่อให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สำหรับข้าพเจ้าแล้วสาเหตุที่ธรรมชาติกำหนดให้มีเพศหญิงกับเพศชายก็เพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวกันดังนั้นเราต้องทำให้ทั้งสองสิ่งดำเนินไปด้วยกันเหมือนหยินหยาง ซึ่งในภูฏาน เรามีแนวคิดเช่นนั้น

สิ่งที่เป็นแรงบันดาลพระทัยให้เจ้าหญิงทรงอุทิศตนในการเผยแผ่พุทธศาสนามาโดยตลอดคืออะไรครับ

เป็นเพราะครอบครัวของข้าพเจ้านับตั้งแต่สมเด็จทวดเรื่อยมา ต่างก็ให้ความสำคัญกับพุทธศาสนามาก พุทธศาสนามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างประเทศของเรา เป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจที่ดีของคนภูฏาน รวมทั้งทำให้เกิดสิ่งดี ๆ ในชีวิตข้าพเจ้ามาตลอด

แต่ถ้าถามถึงจุดเริ่มต้น คงต้องย้อนกลับไปตอนเด็ก ๆ สมเด็จแม่ไม่ได้ส่งข้าพเจ้าไปโรงเรียน ข้าพเจ้าต้องเรียนหนังสือที่บ้านและโตมากับงานทางศาสนาตั้งแต่ยังเด็กมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้ติดตามสมเด็จย่าไปประกอบพระกรณียกิจทางศาสนา 4 - 5งานต่อปี ทำให้ข้าพเจ้าและครอบครัวตระหนักถึงคุณค่าของพุทธศาสนาเป็นอย่างดี

ตัวข้าพเจ้าเองก็ได้ทำงานอาสาสมัครให้กับสำนัก Drukpa ในงานที่ชื่อ Annual Drukpa Council หรือ ADC ซึ่งวัตถุประสงค์หลักนั้น นอกเหนือจากส่งเสริมให้คนตระหนักถึงความสำคัญของพุทธศาสนาแล้ว ก็ยังมีการทำกิจกรรมสาธารณกุศลต่าง ๆ ร่วมกับคนภูฏาน มาเลเซีย และไทยโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น อย่างคราวที่ประเทศฟิลิปปินส์ประสบภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ เราก็ช่วยรณรงค์หาหยูกยาและแพทย์อาสาไปช่วยรักษาผู้ประสบภัย

เจ้าหญิงเคซัง

คลิกเลข 3 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป

เจ้าหญิงเคซัง

ภูฎานเป็นประเทศที่มีความเป็นอนุรักษนิยมสูง เจ้าหญิงทรงมองการไหลบ่าของวัฒนธรรมสมัยใหม่ในยุคนี้อย่างไรครับ

คนภูฏานอาจจะเคยแยกตัวออกจากประเทศอื่นในอดีตก็จริง แต่เมื่อสมเด็จ-พระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก กษัตริย์องค์ที่ 4 ได้นำวัฒนธรรมสมัยใหม่เข้ามายังภูฏาน ชีวิตเราก็ง่ายขึ้นมาก มีการใช้รถแทนม้า มีทีวี และดนตรีเคป็อปก็กลายเป็นที่นิยมมาก ในขณะที่คนจำนวนมากก็เริ่มมีไลฟ์สไตล์ในแบบชาวตะวันตก คือค่อนข้างสนใจในวัตถุนิยมมากขึ้น แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สำหรับด้านพุทธศาสนานั้นแม้ว่าอาจจะประสบปัญหาอยู่บ้าง แต่ไม่มากมายอะไรนัก เพราะที่สุดแล้วก็ยังมีฆราวาสอย่างเรา ๆ รวมถึงคนอายุน้อย ๆอีกเป็นจำนวนมากที่ยังคงสนใจพุทธศาสนาการปฏิบัติและวิถีแบบดั้งเดิมอยู่ เท่า ๆ กับที่สนใจแนวทางการปฏิบัติแบบใหม่ ๆ ด้วยซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไร เพราะศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาที่ล้าหลัง แต่อยู่บนพื้นฐานของความจริง

ไม่เพียงเท่านั้น คนภูฏานยังใช้เทคโนโลยีในการเผยแผ่พุทธศาสนาด้วยมีลามะหลายท่านที่ใช้ทวิตเตอร์ เฟซบุ๊กและมีบล็อกของตนเองในการติดต่อและเผยแผ่คำสอน ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องดีเพราะการเผยแผ่ศาสนานั้น เทคนิคในการส่งต่อข้อความไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือ ข้อความที่ส่งต่อไปมากกว่าค่ะ

เจ้าหญิงทรงวางเป้าหมายอะไรในอนาคตไว้บ้างครับ ทั้งในฐานะเจ้าหญิงแห่งภูฏาน และผู้หญิงคนหนึ่ง

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ข้าพเจ้าหวังที่จะเป็นคนที่ดีขึ้น ในความหมายที่ว่า เป็นลูกสาวที่ดี เป็นแม่ที่ดี และเป็นภรรยาที่ดีนอกจากนั้นคงเป็นเรื่องงานที่ต้องพยายามให้มากขึ้น ตอนนี้ข้าพเจ้ามีโครงการที่จะทำหนังสือเกี่ยวกับคุรุรินโปเชต่อไปนะคะวางแผนไว้ว่าจะทำเป็นภาษาอังกฤษและภาษาทิเบต โดยจะทำให้มีขนาดเล่มที่เล็กลงกว่าเล่มแรก ซึ่งมีขนาดใหญ่และค่อนข้างหนักมาก เพื่อให้คนอ่านสามารถพกพาได้สะดวก โดยเฉพาะคนภูฏานที่ยังไปไหนมาไหนด้วยการเดินเป็นหลัก การจะนำเล่มแรกไปอ่านในวัดหรือที่ไหน ๆ คงจะลำบากไม่น้อย แต่ถ้าเป็นเล่มที่สองซึ่งจะเล็กกว่า ทุกคนก็จะสามารถพกติดตัวไปอ่านได้ทุกที่ เนื้อหาข้างในจะมีทั้งประวัติของคุรุรินโปเช และบทสวดต่าง ๆ อีกมากมาย ดังนั้นจึงสามารถนำไปสวดเพื่อทำสมาธิได้ทันที ข้าพเจ้าคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะมีประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจดี ๆให้ผู้อ่านได้มากเลยค่ะ

ส่วนเป้าหมายในฐานะของเจ้าหญิงแห่งภูฏานเหรอคะ (นิ่งคิด) ข้าพเจ้าไม่เคยคิดถึงตัวเองในแง่นั้นเลย ข้าพเจ้าไม่เคยตั้งความหวังประเภทที่ว่า “ฉันจะต้องไปถึงจุดนั้นให้ได้” หรือ “ฉันหวังให้ตัวเองมีชื่อเสียงหรืออยู่ในความสนใจของผู้คนหรือเปล่งประกายในแสงสปอตไลต์” ข้าพเจ้าคิดแต่อยากจะทำสิ่งดี ๆ ให้กับประเทศ ไม่ใช่ในฐานะของเจ้าหญิง แต่ในฐานะของผู้หญิงธรรมดา ๆคนหนึ่งเท่านั้น


Secret BOX

ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าหญิง หรือเป็นประชาชนคนธรรมดา

ก็มีโอกาสทำสิ่งดี ให้กับสังคมได้ไม่แตกต่างกัน

– เจ้าหญิงเคซัง โชเดนวังชุก


เรื่อง พีรภัทร โพธิสารัตนะ, วิสาขา ภู่สำรวจ ภาพ วรวุฒิ วิชาธร ผู้ช่วยช่างภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี, วัชรพงษ์ ดำเนิน

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.