ป๊อป อารียา

นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ที่ใช้ “ใจ” เป็นเข็มทิศ อารียา ศิริโสดา

นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ที่ใช้ “ใจ” เป็นเข็มทิศ อารียา ศิริโสดา

อารียา ศิริโสดา หรือ “ป๊อป” อารียา เป็นที่รู้จักครั้งแรกในฐานะผู้หญิงที่งามที่สุดในประเทศ ด้วยตำแหน่ง ”นางสาวไทยคนที่ 32 ในปี พ.ศ. 2537  ก่อนที่จะผันตัวเองเข้าสู่สายงานที่หลากหลายและแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว

ด้วยดีกรีปริญญาตรีด้านสื่อสารมวลชนจาก MSU (MichiganState University) สหรัฐอเมริกา ”ป๊อป  เริ่มงานอาชีพครั้งแรกของเธอด้วยการเป็นนักข่าว

นอกจากงานเขียนที่เธอรักและงานด้านบันเทิงแล้ว เธอยังเคยรับหน้าที่อาจารย์ รับราชการทหาร และวิทยากรพิเศษอีกด้วย

หลายปีที่ผ่านมาคือบทพิสูจน์ถึงตัวตนของอารียา ศิริโสดา ผู้หญิงสวยและมี ”สมอง  อย่างแท้จริง ภายใต้วิญญาณรักอิสระการใช้ชีวิตเรียบง่าย มีแนวทางของตนเอง และได้ทำงานที่เธอรักโดยใช้ใจเป็น ”เครื่องนำทาง

“การเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัว” 

ตอนป๊อปอายุ 12 จำได้ว่าเป็นช่วงที่เครียดมาก เพราะไหนจะต้องสอบ การบ้านก็เยอะ ต้องอ่านหนังสือ ทีวีก็อยากดู เที่ยวกับเพื่อนก็อยากไป เมื่อรวมๆ กัน เราก็ ”กรี๊ด ไม่อยากทำ

เมื่อพ่อ (คุณสุพงษ์ ชุมสาย) เข้ามาเห็นสภาพป๊อปในตอนนั้นจึงบอกให้ป๊อปหยุดทุกอย่างก่อน ให้อยู่ในห้องแล้วนั่งสมาธิ ซึ่งพ่อเคยสอนมาตั้งแต่ 8 ขวบ แต่เราไม่ชอบ งอแงไม่อยากทำ แต่มาครั้งนี้ป๊อปกลับนั่งสมาธิได้นานถึงสี่สิบกว่านาที

”ตามลมหายใจ ปล่อยทุกอย่างที่เข้ามาในสมองออกไป อย่าให้เข้ามา เพราะถ้าเราอยากจะเรียนให้ดี ต้องมีสมาธิ มีวินัย ซึ่งจะเริ่มได้ถ้าสมองเราว่าง  แล้วเราก็ทำได้จริงๆ อย่างที่พ่อบอก

ทุกวันนี้ป๊อปได้รู้ว่า อารมณ์ตัวเองเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะยิ่งเราพยายามหนี อารมณ์ก็ยิ่งเหมือนมีพลังมหาศาลวิ่งไล่ตาม ไม่ต่างไปจากที่เราหนีเงาตัวเอง

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอารมณ์ ป๊อปจึงเลือก “ชน” ตรงๆ ให้รู้ผลไปเลย

 

“ชีวิตสองสัปดาห์หน้าประตูแห่งความตาย”

ป๊อปเคยไปอยู่ดูแลย่าที่ป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดตรัง ได้อาบน้ำเช็ดตัว ดูแลย่าทุกอย่างเหมือนที่ย่าดูแลเราตอนเด็กๆ

ย่าถือเป็นฮีโร่และไอดอลของป๊อป เพราะย่าเป็นผู้หญิงเก่งมาก ถึงแม้ไม่ได้เรียนสูง แต่ถือว่าย่าเป็นคนฉลาดที่สุดเท่าที่ป๊อปเคยพบ โดยเฉพาะช่วงสองอาทิตย์ที่อยู่ด้วยกัน ทำให้เห็นชัดเจนว่า

ย่าเป็นคนนิ่งมากเพียงใดไม่เศร้า ไม่ทุกข์ ไม่กลัว แม้จะเข้าใกล้วาระสุดท้ายของชีวิตแล้วก็ตาม

ขณะนั้นแม้ย่าจะอายุ 87 ปีแล้ว แต่สมองยังดีอยู่มาก ทุกครั้งเมื่อฟังเทปพระเทศน์จบ สองย่าหลานจะแลกเปลี่ยนความคิดกันอย่างลึกซึ้งในทุกๆ เรื่อง

สองอาทิตย์ที่ป๊อปอยู่กับย่าจึงเป็นช่วงสำคัญในชีวิตที่ทำให้ป๊อปเติบโตขึ้นมากที่สุด ได้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิต และเห็นชัดเจนเลยว่า “ชีวิตเรามันแค่นี้จริงๆ”

คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป

“วิถีโยคะ บำบัดกาย บำรุงใจ”

ป๊อปเคยมีอาการเจ็บหลัง ซึ่งเป็นผลจากการเล่นเทนนิสในวัยเด็กที่ถนัดใช้แต่มือขวาทำทุกอย่าง ตั้งแต่เสิร์ฟ ตี และตบติดต่อมาถึง 9 ปี เป็นผลให้กระดูกสันหลังของป๊อปไม่ตรง แต่กลับเอียงไปทางขวา

ไม่ว่าจะไปนวด ฝังเข็ม หรือกินยา ก็หายเพียงแค่ระยะสั้นๆป๊อปจึงหันกลับมาฝึกโยคะอย่างจริงจัง โดยไปเข้าคอร์สโยคะรีทรีตสองอาทิตย์ที่สมุย ครั้งนั้นแม้จะเจ็บตัวมากที่สุดในชีวิต แต่ในความเจ็บปวดป๊อปกลับพบว่า พลังจากโยคะจะเข้าไปถึงจุดที่เจ็บ เหมือนเข้าไปดัดร่างกายให้ตรงขึ้น ฝึกจิตใจให้มีสมาธิ ดัดนิสัย ดัดสันดานดัดทั้งหมด

จากเดิมที่เป็นคนตื่นสายก็กลายมาเป็นคนตื่นเช้า เรียกได้ว่าหกโมงเช้าปุ๊บก็ตื่นได้โดยอัตโนมัติ จิตใจป๊อปเริ่มนิ่งมากขึ้น ความใจร้อนลดลง และได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของโยคะอย่างแท้จริง

 

“จุดเริ่มต้นของเด็กโต๋ รักษาวิญญาณตนเองด้วยวิญญาณบริสุทธิ์”

ตอนปี 2000 ป๊อปได้ไปเจอเด็กๆ จากโรงเรียนบ้านแม่โต๋ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่พวกเขามาเที่ยว มาเห็นทะเล ในวันนั้นป๊อปได้เห็นสายตา ได้เห็นความใสบริสุทธิ์ของพวกเขาที่แม้ไม่ได้ร่ำรวย ไม่ได้มีวัตถุอะไรเลย แต่กลับมีความสุขมาก

ความรู้สึกสงสารก็เกิดขึ้น…แต่เป็นการสงสารตัวเองมากกว่า

เราทำงานเลี้ยงตัวเองอยู่ในกรุงเทพฯมานาน และแม้จะอยู่ท่ามกลางคนมากมาย แต่กลับรู้สึกเหงา และรู้สึกว่าใจเราหดหู่มาก วิญญาณของการอยากเรียนรู้ที่ใสและมีพลังของเรามันหายไปเยอะ

จากวันนั้นก็เป็นผลให้ป๊อปเลือกไปอยู่ไปคลุกคลีอยู่กับเด็กพวกนี้อีกในปีต่อๆ มา ประสบการณ์ที่ได้จากพวกเขานั้นทำให้ป๊อปรู้ว่า ชีวิตไม่ต้องการอะไรมาก แค่กินง่ายอยู่ง่ายก็พอแล้ว

นอกจาก ”อิ่มใจ  ที่ได้รับรู้ ป๊อปยังหวังมากไปกว่านั้นคือ อยากแชร์ให้คนอื่นได้ดูได้สัมผัสด้วย ซึ่งนั่นอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตหลายๆ อย่าง เช่น เมื่อป๊อปใช้เงินทุกครั้งก็จะนึกถึงเด็กๆ แม่โต๋เพราะเงินเพียง 100 บาทสำหรับคนที่นั่นสามารถเลี้ยงคนได้ทั้งครอบครัวนานกว่า 3 – 4 วัน

หนังสารคดี ”เด็กโต๋  งานเลี้ยงใจซึ่งใช้เวลาทำนานกว่า 5 ปีจึงเกิดขึ้น โดยมีกำลังหลักจากคน 2 คนที่ได้มาเป็นเพื่อนกัน…คุณนิสา คงศรี ผู้ที่ได้มาร่วมแชร์ความฝันและประสบการณ์ด้วยทุนส่วนตัวและใจเกินร้อย

“อย่าเพิ่งรีบโต มาโต๋กันก่อน” สโลแกนนี้อธิบายได้ดีถึงความบริสุทธิ์สดใสที่ทุกวันนี้เริ่มขาดหายไปจากจิตใจใครหลายๆ คน รวมถึงป๊อป – อารียา ศิริโสดา

เว้นเพียงแต่ว่า เธออาจจะโชคดีกว่าใครหลายคนที่ได้รู้จักหัวใจตนเอง ได้เติมเต็มให้อิ่ม และยังรักที่จะแบ่งปันให้ผู้อื่นด้วย

เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์ ภาพ ณัฐวุฒิ เพ็งคำภู

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.