รากแก่น

บานเย็น - โทนี่ รากแก่น สองแม่ลูกกับความผูกพันแบบ “ไม่ใกล้…แต่ก็ไม่ไกล”

บานเย็น - โทนี่ รากแก่น สองแม่ลูกกับความผูกพันแบบ “ไม่ใกล้…แต่ก็ไม่ไกล”

หากเอ่ยถึงสองแม่ลูกที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วประเทศ หนึ่งในนั้นย่อมไม่พ้นแม่ลูกคู่นี้ …บานเย็นและ โทนี่ รากแก่น

สำหรับฝ่ายคุณแม่นั้น คนจำนวนมากต่างจดจำนักร้องสาวใหญ่คนนี้ได้ในฉายา“ราชินีลูกทุ่งหมอลำประยุกต์” รวมทั้งในฐานะศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน - หมอลำ) ประจำปี พ.ศ.2556 ในขณะที่ฝั่งคุณลูกก็เป็นนักแสดงหนุ่มขวัญใจสาว ๆ ที่มีตำแหน่งสไตลิสต์ทรงผมซึ่งมีลูกค้าจำนวนมากติดใจในฝีไม้ลายมือพ่วงตามมาด้วย

อย่างไรก็ดี กว่าที่เส้นทางชีวิตของทั้งครอบครัว (รวมทั้ง แอนนี่ กับ แคนดี้ รากแก่นพี่สาวทั้งสองคนของโทนี่) จะมาบรรจบกันจนเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์เช่นทุกวันนี้ ก็ต้องพบกับการพลัดพรากจากกันครั้งแล้วครั้งเล่า และเมื่อกลับมาอยู่ด้วยกันแล้วแต่ละคนก็ยังมีภารกิจของตัวเองจนไม่ค่อยได้พบกันเหมือนครอบครัวอื่น ทว่าทุกคนก็ยืนยันว่านั่นไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย

 

ก่อนอื่นอยากให้คุณบานเย็นช่วยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวสักเล็กน้อยครับ

ดิฉันแต่งงานตั้งแต่อายุ 25 สมัยนั้นถือว่าอายุเยอะแล้วนะคะ ความจริงคุณแม่อยากให้แต่งงานตั้งนานแล้ว แต่ความที่เรามีงานแสดงเยอะมากมาตั้งแต่อายุ 17 มีงานทุกวันทั่วประเทศเลยค่ะ จึงไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง และไม่ได้แต่งงานสมใจท่านเสียทีนอกจากนั้นก็ยังไม่ค่อยได้รู้จักใคร จะมีก็แต่คุณพ่อน้องโทนี่ (เทพบุตร วิมลชัยฤกษ์)ที่เป็นเจ้าของสำนักงานสยามธุรกิจบันเทิงต้นสังกัดเราเท่านั้น ก็คบกับเขามาเรื่อย ๆดูใจกันมา 8 ปีจึงตัดสินใจแต่งงานกัน

 

สำหรับคนที่ทำงานมาตั้งแต่วัยรุ่นพอแต่งงานและต้องรับงานน้อยลงรู้สึกเหงาบ้างไหมครับ

ไม่เหงาเลยค่ะ เพราะเราต้องใช้เวลาเกือบทั้งหมดไปกับการดูแลลูกอ่อน ซึ่งแต่ละคนเกิดห่างกัน 2 ปี หมายความว่าในขณะที่ลูกคนแรกอายุ 2 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังซุกซนก็มีลูกคนที่สองตามมาอีก เราก็ยิ่งมีภาระให้ดูแลหนักขึ้นไปอีก แล้วในขณะที่ลูกสองคนแรกกำลังซน คนที่สามก็ตามมาอีกตอนนั้นก็เลยเหนื่อยกับการเลี้ยงลูก ไม่มีเวลาเหงาหรอกค่ะ

 

ดูแลลูก ๆ ใกล้ชิดแบบนี้ เมื่อแยกทางกับสามีและต้องอยู่ห่างจากลูกน่าจะทำใจยากมากนะครับ

(พยักหน้า) ค่ะ ร้องไห้คิดถึงลูกตลอดตอนนั้นต้องไปแสดงที่อเมริกานานเหมือนกันลูก 3 คนเลยต้องอยู่กับคุณพ่อ พยายามโทร.มาหาเขาตลอด คอยเช็กว่าลูก ๆ เป็นยังไงบ้าง ส่งเงินเข้าบัญชีคุณป้าไว้ให้ใช้ ถึงจะไม่ได้มากมายอะไร แต่เราก็อยากให้ลูก ๆมีไว้จะได้ไม่ลำบาก

 

ขอถามคุณโทนี่บ้างนะครับ ตอนที่คุณแม่ไปอยู่อเมริกานานหลายปีคุณได้มีโอกาสพบคุณแม่บ้างไหมครับ

ช่วงนั้นความที่ยังเด็กมาก ผมก็จะจำได้แค่คร่าว ๆ ว่า แม่จะมาหาบ้าง…นาน ๆ ทีแต่พ่อนี่จะเจอทุกปีตอนปิดเทอม เพราะพวกเรา 3 คนจะไปหาพ่อที่กรุงเทพฯ แล้วพ่อก็จะพาไปเที่ยว ส่วนแม่เราจะรู้จักจากคำพูดของคนอื่นเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่นพอครูเห็นนามสกุลเราก็จะถามว่า “เธอเป็นลูกคุณบานเย็นเหรอ คุณบานเย็นเก่งมากดังมาก แล้วก็สวยมากเลยนะ” เราจะรู้แค่นี้แต่ไม่เคยเห็นผลงานแม่แบบเป็นเรื่องเป็นราวเลย

 

การหย่าร้างของคุณพ่อคุณแม่มีผลกระทบกับคุณมากน้อยแค่ไหนครับ

ถ้าถามว่าผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมีผลกระทบหรือ คิดว่าตัวเองขาดอะไรไหมผมไม่ค่อยรู้สึกว่าขาดอะไรนะครับ เพราะพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ผมยังเด็กมาก อายุยังไม่ถึง 2 ขวบและยังจำความไม่ได้เลยถึงแม้ว่าต่อมาแม่จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่อเมริกาส่วนพ่อก็ไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่พวกเรา3 คนก็ได้คุณย่ากับอานางที่ดูแลเราอย่างใกล้ชิดมาตั้งแต่เล็ก จึงไม่ค่อยมีสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าเราขาดแม่หรือขาดพ่อนะครับ

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คงไม่สามารถพูดได้ว่าไม่มีผลกระทบเลยนะ เดาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก็คงกระทบผมกับพี่ ๆ ไปคนละแบบ แต่ส่วนใหญ่ก็มารับรู้ว่าเรามีปมแบบนี้ ๆ ที่ทำให้เกิดผลลัพธ์บางอย่างกับชีวิตก็ตอนที่โตกันแล้ว ตัวอย่างเช่น ตอนเด็ก ๆผมมีปัญหาเรื่องคิดไม่ค่อยทันคนอื่นเขาพอเห็นรุ่นพี่เขาคิดและตัดสินใจได้เร็ว เราก็เลยคิดได้ว่า อ๋อ สงสัยเขาคงมีพ่อแม่คอยอยู่ให้คำแนะนำตลอดเวลา เราก็เลยใช้วิธีมองรุ่นพี่พวกนี้แหละ

 

เคยมีคำถามบ้างไหมว่า ทำไมพ่อกับแม่ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน

ไม่มีครับ ส่วนหนึ่งเพราะเราได้รับรู้ความจริงตั้งแต่เด็กแล้วว่าพ่อแม่แยกทางกันเพราะอะไร ยังไง เรื่องราวเป็นอย่างนี้เราก็ต้องใช้ชีวิตแบบนี้ พอโตขึ้นมาเราก็ค่อย ๆ ได้เรียนรู้ว่า จริง ๆ แล้วพวกเขาก็เป็นแค่คนคู่หนึ่งที่ไม่เข้าใจกัน คนหนึ่งอยากจะทำแบบหนึ่ง ในขณะที่อีกคนก็คิดอีกแบบหนึ่ง เมื่อไม่เข้าใจกัน สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไป

แต่ถึงเราจะไม่ค่อยได้เจอกัน แถมบางทีเราก็แอบกลัวแม่ด้วย เพราะเรามองเขาเหมือนเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่งที่อยู่ดี ๆก็เข้ามาในชีวิตเรา แต่ทุกครั้งที่แม่มาหาก็จะรู้สึกอบอุ่นนะครับ สิ่งหนึ่งที่ผมจะจำได้แม่นเกี่ยวกับแม่ในตอนนั้นคือ แม่จะมีกลิ่นหอมในแบบของเขาที่ต่างจากคนทางบ้านพ่อ รวมถึงบุคลิกภายนอกด้วย อย่างคุณย่าคุณอานี่ทุกคนจะมาทางสายตรงไปตรงมาพูดอะไรตรง ๆ ห้วน ๆ ส่วนแม่จะมาสายหวาน ๆ นุ่มนวล แม้จะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันนาน ๆ แต่เราก็รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้เจอผมกับพี่ ๆ ก็โตขึ้นมาในลักษณะนี้ ก่อนที่เราจะย้ายไปเรียนที่ออสเตรเลียเมื่อปี 1994

 

คุณแม่กับคุณลูกได้กลับมาใกล้ชิดกันตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ

พอดิฉันกลับมาอยู่เมืองไทย ลูก 3 คนเขาก็คุยกันเองว่า ตอนนี้แม่อยู่คนเดียวจะมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ไหม แคนดี้เขาก็อาสา แคนดี้ก็เลยกลับมาเรียนต่อที่มหา-วิทยาลัยรังสิต

คือปกติเราก็จะกลับมาเที่ยวเมืองไทยทุกปีอยู่แล้ว ช่วงแรกเราก็ยังกลับไปมหาสารคามอยู่บ้าง แต่ช่วงหลังพอแม่กลับมาอยู่เมืองไทยแล้วเราก็เลยมาอยู่กับแม่เป็นหลัก ทำให้เริ่มรู้จักแม่มากขึ้น

พอได้กลับมาอยู่ด้วยกัน ดิฉันก็พยายามชดเชยให้ลูกในทุก ๆ อย่าง โดยเฉพาะแคนดี้ เขาเป็นคนที่คิดมากมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วอย่างเวลาไปบ้านเพื่อน เห็นเพื่อนนอนหนุนตักคุยกับแม่ เขาก็จะคิดขึ้นมาว่า น่าจะเป็นเรานะที่ได้นอนหนุนตักแม่ดิฉันเลยตั้งใจมากว่าตัวเองจะต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้ลูกให้ได้ พยายามเข้าใจลูกเสมอรวมทั้งไม่มีแฟน อยู่คนเดียวมาตลอดลูกจะได้เข้ามาหาแม่ กอดฟัดแม่ได้อย่างสนิทใจ และก็เป็นสิ่งที่ทำมาจนทุกวันนี้

 

คุณโทนี่ล่ะครับ การได้กลับมาใช้ชีวิตกับคุณแม่ถือเป็นเรื่องที่ปรับตัวยากไหม

รู้สึกว่าตัวเองมีกำแพงอยู่บ้างนะครับเหมือนเป็นความฝังใจมาตั้งแต่เด็กว่าแม่ทิ้งพ่อไป ผมว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้ระยะเวลาคงไม่สามารถมีเรื่องอะไรมากระทบเราแล้ว ทำให้ความรู้สึกพลิกได้แบบปุ๊บปั๊บ แต่โชคดีอย่างหนึ่งว่า โดยส่วนตัวแม่เขาเป็นคนที่ดีมากและพร้อมที่จะให้ตลอดเวลา ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้ ๆ และความรู้สึกผูกพันก็ค่อย ๆ พัฒนามาเรื่อย ๆ จากที่มีกำแพงก็ค่อย ๆ หายไปเองโดยไม่รู้ตัวเราก็รู้สึกดีใจและมีความสุขที่ได้อยู่กับแม่
ดิฉันเองโชคดีค่ะที่ลูก ๆ ทั้งสามคนรักและดูแลกันดี แม้จะมีปัญหาบ้าง แต่ดิฉันก็พยายามเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่น แต่พี่น้องเขาก็ไม่ค่อยจะเปิดทั้งหมดหรอกว่ามีปัญหาอะไรบ้างเราก็เลยได้รู้แต่เรื่องดี ๆ

 

แล้วอย่างปัญหาเรื่องการเรียนของโทนี่ล่ะครับ

พวกเขาก็พยายามปิดกัน บอกว่าสบายดีทุกคน เราก็เลยไม่รู้ จนแคนดี้บอกมาว่า “แม่ โทนี่ไม่ตั้งใจเรียนนะ” ความ
ที่เขากลัวแม่จะเสียใจ แต่ตอนหลังเขาก็ปิดแม่ไม่ได้แล้ว เพราะหลัง ๆ แม่เริ่มนับเดือนนับวันคอยโทนี่เรียนจบ จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน แคนดี้ก็เลยบอกว่า “โทนี่คงไม่จบนะ” ดิฉันเลยโทร.ไปคุย เขาก็สารภาพผิดบอกว่าต่อไปจะตั้งใจเรียน ไม่ทำให้แม่เสียใจอีกแล้ว จากนั้นมาเขาก็ตั้งใจและพิสูจน์ตัวเองจากคำพูดนั้นจนมีวันนี้ค่ะ(ยิ้มภูมิใจ)

 

คุณบานเย็นมีโครงการให้ลูกชายคนนี้บวชเรียนบ้างไหมครับ

ดิฉันเพิ่งพูดกับเขาเมื่อเร็ว ๆ นี้เองค่ะโทนี่เขาชอบไปนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมอยู่ในป่าเป็นสิบวัน แล้วพอกลับมาเจอกันปุ๊บ เขาก็มาพูดเรื่องธรรมะให้แม่ฟัง จนดิฉันบอกเขาว่าถ้าโทนี่ชอบเรื่องพวกนี้ก็บวชให้แม่ได้แล้วสิเขาบอกว่า “ถ้าไม่ติดละคร ไม่ติดเรื่องทรงผมเนี่ย โทนี่บวชให้แม่ได้เลยนะ กลัวแต่ว่าบวชแล้วจะไม่สึกน่ะสิ” ดิฉันก็เลยบอกว่า ไม่ได้ ๆต้องสึกมาอยู่เป็นเพื่อนแม่ก่อน (หัวเราะ)

ทุกอย่างเป็นไปได้ครับ แต่ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ซีเรียสว่าชีวิตจะบวชหรือไม่บวช เพราะธรรมะของผมนั้นหมายถึงธรรมชาติจิตใจของเราก็เป็นธรรมชาติ แค่เราฝึกปรับสมดุลให้ใจ และฝึกให้ตัวเราอยู่กับธรรมชาติได้อย่างสมดุล นั่นก็ถือเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่งแล้ว ดังนั้นเรื่องของธรรมะหรือศาสนาจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว ผมมองแบบนี้ ถ้าวันหนึ่งแม่อยากให้บวช ผมก็บวชได้ ไม่มีปัญหาเลยครับ

 

คุณโทนี่เริ่มสนใจปฏิบัติธรรมตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ

ผมเริ่มปฏิบัติธรรมตั้งแต่ปี 2551 ครับตอนแรกได้รับคำแนะนำจากรุ่นน้องคนหนึ่งเขาเป็นเด็กเฟี้ยวเหมือนผมนี่แหละ แต่พอเขากลับประเทศไทยได้ปีนึง แล้วกลับมาเมลเบิร์น เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถามดูปรากฏว่า เขาไปเป็นทหาร แล้วไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่สำนักท่านอาจารย์โกเอ็นก้ามา เขาบอกผมว่า “นั่งสมาธิน่ะมันดีนะ ต้องลองเอง” พอผมกลับมาไทยยังไม่มีอะไรทำเลยลองไปดูบ้าง 4 วันแรกที่ไม่ได้คุยกับใครทรมานมากเลยแต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ทำไมถึงอดทนจนผ่านมาได้ล่ะครับ

เพราะว่าในความทรมานนั้นมีสิ่งที่น่าสนใจอยู่เยอะมาก จนผมรู้สึกว่า ทำไมถึงไม่มีใครเอาความรู้แบบนี้มาสอนในชั้นเรียนเช่น ให้เราทำจิตให้นิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ กับลมหายใจ ซึ่งพอได้ทำแล้วก็รู้สึกว่าช่างเป็นอะไรที่แปลกและมหัศจรรย์มาก และสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตได้จริง ๆ เพราะการที่ทำให้จิตเราอยู่นิ่งได้นั้น ก็คือการฝึกฝนให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยได้ยินมาว่า เราต้องอยู่กับปัจจุบันนะอย่าฟุ้งซ่านนะ แต่ไม่เคยรู้วิธีที่ทำให้ไปถึงจุดนั้นเลย หลังจากไปครั้งแรกที่ปราจีนบุรีผมก็ไปอีกครั้งที่พิษณุโลก

 

สิ่งที่คุณได้จากการปฏิบัติธรรมคืออะไรครับ

การรู้จักมีเมตตา ทำอะไรเพื่อผู้อื่นคนเราเดี๋ยวนี้มีความอยากมาก อยากได้โน่นได้นี่ ความอยากมันเยอะจนพอไม่ได้อย่างใจก็จะเกิดความทุกข์ แต่หลังจากที่เราเรียนรู้เรื่องธรรมะ เราก็ได้รู้ว่า การทำเพื่อคนอื่นนั้นแท้จริงก็คือการทำให้ตัวเองมีความสุขนั่นเอง การได้เรียนรู้ตรงนี้ทำให้เราค้นพบตัวเองและรู้ว่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ตรงไหน ซึ่งสำหรับผม คือการรู้จักให้นี่แหละ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว พอได้ลองปฏิบัติแล้วผมก็พยายามบอกกับเพื่อน ๆ ทุกคนว่า ต้องไปลองนะซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยที่จะไปเข้าคอร์สด้วยกันปลายปีนี้

 

คุณตั้งเป้าในเรื่องนี้ไว้อย่างไรครับหวังถึงขั้นนิพพานเลยหรือเปล่า

ผมไม่ได้คาดหวังถึงขั้นนิพพาน แค่ได้เรียนรู้วิธีการที่ทำให้เรามีจิตใจที่ดีขึ้นเป็นคนที่ดีขึ้น มีความต้องการที่จะผลักดันตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น แค่นี้ก็พอแล้วครับ

 

ถึงวันนี้คำว่า “ครอบครัว”มีความหมายสำหรับคุณมากแค่ไหนครับ

สำหรับผมแล้วมีมากถึงมากที่สุดครับ ครอบครัวคือคนที่เราไว้ใจ เชื่อใจและพึ่งพาได้มากที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เป็นคนที่รักเราแบบจริง ๆ จัง ๆโดยที่ไม่มีข้อแม้อะไรเลย วันที่เรามีปัญหา เราสามารถหันกลับไปหาและขอร้อง ขอความช่วยเหลือได้โดยที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะตอบแทนเขาด้วยอะไร เพราะเขาพร้อมจะช่วยเหลือเพื่อให้เราผ่านพ้นปัญหาได้โดยที่ไม่มีข้อแม้อะไรเลย ซึ่งไม่ใช่แค่แม่ แต่รวมถึงพี่สาวทั้งสองคนด้วยครับ

ถึงตอนนี้ครอบครัวเราก็ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้วนะคะ มีพ่อแม่ มีลูก และมีหลานแล้ว แม้ว่าแต่ละคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกันพ่ออยู่ทาง แม่อยู่ทาง แต่ไม่มีปัญหาเลยเมื่ออยากเจอก็สามารถคุยกันได้ โทร.หากันได้ตลอดเวลา ลูกทุกคนก็มีงานทำไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว ส่วนตัวดิฉันก็ได้รางวัลสูงสุดในชีวิตแล้ว คือได้เป็นศิลปินแห่งชาติ ถือว่าได้ก้าวถึงบันไดขั้นสุดท้ายของการเป็นนักร้องแล้ว ที่เหลือจากนี้ก็ขอแค่ลูกทุกคนเป็นคนดี รักดี ทำดีและรักกัน

เพียงเท่านี้…ดิฉันไม่ขออะไรมากกว่านี้อีกแล้วค่ะ

 

Secret Box
The only rock I know that stays steady, the only institution I know that works is the FAMILY.

Lee Iacocca

หินเพียงก้อนเดียวที่คงมั่น และสถาบันเพียงแห่งเดียวที่ช่วยสังคมได้ในความคิดผมคือ “สถาบันครอบครัว”

ลี ไอเอค็อกค่า นักธุรกิจชาวอเมริกัน

 

เรื่อง พีรภัทร โพธิสารัตนะ  ภาพปกและภาพประกอบ วรวุฒิ วิชาธร
ผู้ช่วยช่างภาพ จรัส มณีล้อมรัตน์, วัชรพงษ์ ดำเนิน 

สไตลิสต์ รุจิกร ธงชัยขาวสอาด, อารยา แคล้วภัยพาล
แต่งหน้า พงษ์ศักดิ์ คงสุข ทำผม ภัทรานิษฐ์ จันทรกุลเศรษฐ์


บทความน่าสนใจ

โทนี่ รากแก่น กับชีวิตที่เปลี่ยนไปเมื่อเห็นน้ำตาแม่

“อดีตจะดีหรือร้าย ผมก็ไม่เคยคิดอยากย้อนเวลา” โทนี่ รากแก่น

ดำเนินชีวิตด้วยหลักคิดของธรรมะ หลิน - มชณต สุวรรณมาศ

มาริโอ้ เมาเร่อ กับรักแท้ที่ยิ่งใหญ่

พระเอกหน้าตี๋ หัวใจมีธรรมะ เจมส์ มาร์

อีกมุมของ เจมส์ มาร์ พระเอกวัยใสหัวใจธรรมะ

บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้ต้องการแค่เส้นชัยเสมอไป – ศรราม เทพพิทักษ์

ณเดชน์ คูกิมิยะ เผยชีวิตเบื้องหลังซูเปอร์สตาร์ พร้อมเปิดตัวมารดาผู้เป็นดั่งลมใต้ปีก

ถึงจะเกเรแค่ไหน ผมก็จะทำให้พ่อแม่ภูมิใจให้ได้ เป้ วงมายด์

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.