สีดา พัวพิมล

ชีวิตที่เหลือ…เพียงตัวและหัวใจ ของ สีดา พัวพิมล ตอน 2

ชีวิตที่เหลือ…เพียงตัวและหัวใจ ของ สีดา พัวพิมล

เชื่อว่าผู้หญิงทุกคนคงวาดฝันว่าจะมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นและยืนยาว ฉัน ( สีดา พัวพิมล ) เองก็เช่นกัน  แต่ใครจะรู้ว่าโชคชะตาของเราจะเป็นอย่างไร

แม้ฉันไม่ใช่คนสวย  แต่มีคนมาชอบพออยู่พอสมควร  เพราะเป็นคนคุยเก่ง  คุยสนุกค่อนข้างซ่าด้วย  เรื่องกินดื่มเที่ยวถึงไหนถึงกันเรียกว่าเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ในยุคนั้นเชียวแหละ

ฉันชอบผู้ชายทำงานเก่ง  ขยันทำงานชอบคนที่สามารถเป็นผู้นำได้  เพราะเราเป็นผู้หญิงทำงาน  มีความคิด  มีความมั่นใจในตัวเองสูง  ชอบเข้าสังคม  มีเพื่อนฝูงเยอะถ้าคบกับผู้ชายที่ขี้หึงหรือไม่มีความเป็นผู้นำก็จะไปกันไม่รอด

ไม่เข็ดกับ “ความรัก”

ฉันมีครอบครัวตั้งแต่ยังไม่เข้าวงการบันเทิง  และใช้ชีวิตฉันสามีภรรยากับสามีคนแรกโดยไม่ได้แต่งงาน จนมีลูกชาย(อ๊อฟ – อภิชาติ  พัวพิมล) และลูกสาวที่น่ารักซึ่งเปรียบเสมือนโซ่ทองคล้องใจ  สามีก็ดีทุกอย่าง แต่ฉันกลับมีปัญหากับแม่สามีรวมทั้งญาติพี่น้องของเขาเสมอ

ทุกครั้งที่มีปัญหากับคนในครอบครัวของเขา  ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ฉันไม่เคยปริปากบอกสามีเลยสักครั้ง  และเขาก็ไม่เคยถามไถ่เรื่องนี้เลย  ทำให้ต้องเก็บความรู้สึกไว้ในใจมาตลอด  เพราะตัวเองก็ไม่ใช่คนขี้ฟ้องอยู่แล้ว

ฉันอยู่กับเขามา 3 ปี  จนรู้สึกว่าไม่อาจทนมีปัญหากับแม่และญาติพี่น้องของเขาได้อีก  จึงตัดสินใจขอเลิกทั้ง ๆ ที่อ๊อฟอายุแค่ 1 ขวบ  และเพิ่งคลอดลูกสาวคนเล็กพอออกจากโรงพยาบาลได้  ฉันเก็บข้าวของออกจากบ้านทันที  ไม่ว่าสามีจะตามง้องอนอย่างไรก็ไม่กลับไปใช้ชีวิตคู่กับเขาอีกแล้วแม้ลึก ๆ จะเสียใจอยู่ไม่น้อยก็ตาม

ตอนนั้นฉันพาลูก ๆ ไปฝากให้แม่ช่วยเลี้ยง  ตอนกลางวันออกไปทำงานหาเงินเลิกงานกลับบ้านมาดูแลลูกจนหลับ  แล้วก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างตามประสาคุณแม่ยังสาวที่ยังสนุกกับการใช้ชีวิต

หน้าที่การงานของฉันทำให้ได้พบปะพูดคุยกับคนมากมาย  และโชคชะตาก็พาให้พบกับ “คู่ชีวิต” หลายคน  ด้วยความที่ไม่เข็ดกับความล้มเหลวในความรัก  ฉันจึงผ่านการใช้ชีวิตคู่หลายครั้ง  แต่งงานสองครั้ง  อยู่กินฉันสามีภรรยาโดยไม่ได้แต่งงานกับคู่ชีวิตอีกหลายคน  บางคนอยู่ด้วยกันมานานนับสิบปี  แต่สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถประคองชีวิตคู่ให้ไปตลอดรอดฝั่งได้เลยสักครั้ง

ฉันเสียใจทุกครั้งที่ต้องจบความสัมพันธ์หลายคนต้องเลิกราไปโดยไม่ได้ปรับความเข้าใจกันเลยด้วยซ้ำ  เพราะฉันเป็นคนแข็งและมีทิฐิแรง

เรื่องราวความรักในชีวิตเรียกว่าไม่สมหวังมาตลอด  เพราะไม่เคยพูดจาปรับความเข้าใจกันและใช้ทิฐินำเสมอ  นี่จึงเป็นแง่คิดอีกอย่างที่อยากฝากให้คู่ชีวิตทั้งหลายได้นำไปคิดไตร่ตรอง

ประสบการณ์เฉียดตาย

ฉันมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงเพราะเป็นนางเอกภาพยนตร์หลายเรื่องแล้ว  และเพิ่งเลิกกับคู่ชีวิตที่อยู่กินกันมานับสิบปีเพื่อน ๆ เห็นว่าฉันกำลังอยู่ในช่วงอกหักซึมเศร้า  จึงแนะนำให้รู้จักกับนักธุรกิจคนหนึ่งระหว่างที่เราคบหาดูใจกัน  เขามารับมาส่งฉันบ่อย ๆ

เย็นวันหนึ่งเขามารับฉันออกไปกินข้าวข้างนอก  เราสองคนนั่งด้วยกันที่เบาะหลังเขานั่งด้านหลังคนขับรถ  ตอนนั้นกำลังงอนเขา  เลยนั่งนิ่ง  มองตรงไปข้างหน้า  ไม่พูดไม่จากับเขาเลย

ระหว่างรถติดที่สี่แยกแถวคลองเตยมีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดเทียบด้านที่ฉันนั่งสักพักก็ได้ยินเสียง

ปัง  ปัง  ปัง…!!!  ดังรัว ๆ เหมือนกับเสียงประทัด

ฉันรีบหันไปมองเขา  พอเห็นว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรจึงหันกลับไปมองทางกระจกด้านข้างตัวเองอีกครั้ง  แม้กระจกรถติดฟิล์มดำสนิท  แต่ก็ยังมองเห็นอย่างชัดเจนว่ามีปากกระบอกปืนจ่ออยู่กลางกระจก

ปัง  ปัง  ปัง  ปัง…!!!

มือปืนรัวกระสุนเข้ามาแบบไม่ยั้งกระสุนทุกนัดวิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็วฉันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง  วินาทีที่ใกล้ความตายมากที่สุดนี้  ในใจคิดถึงแต่ “แม่” เท่านั้น

เมื่อสิ้นเสียงปืน  ฉันรีบหันไปมองเขาอีกครั้ง  คราวนี้เห็นร่างของเขาเอนล้มลงไปช้า ๆ  เนื้อตัวเต็มไปด้วยกองเลือดแดงฉานยังไม่ทันได้ตั้งสติ  ก็มีเสียงปืนรัวเข้ามาอีกสามชุด  เมื่อสิ้นเสียง  รถคันนั้นก็แล่นหนีไปอย่างรวดเร็ว

ตอนนั้นเนื้อตัวของฉันเต็มไปด้วยเลือดเศษเนื้อ  เศษสมองของชายที่นั่งข้าง ๆ  ฉันค่อย ๆ หันไปมองเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ  ภาพที่เห็นทำให้แทบช็อกสิ้นสติไปตรงนั้น

หน้าของเขาแหลกเละไปหมด  เลือดไหลอาบโชกไปทั้งตัว

ฉันกรีดร้องสุดเสียง  จากนั้นก็นั่งนิ่งตัวชา  ร้องไห้กับสิ่งที่เห็นตรงหน้า  ทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว

“คุณสีดาครับ  ผมโดนยิง”

เสียงคนขับรถพูดขึ้น  เรียกสติฉันขึ้นมา  คนขับรถโดนลูกหลงที่ขาข้างหนึ่งแต่เขาพยายามขับรถไปจนถึงโรงพยาบาลจุฬาฯ  ระหว่างทางรถติดมาก  ฉันได้แต่นั่งช็อก  ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา  คนที่อยู่บนรถเมล์และข้างทางต่างมองดูรถที่มีรอยกระสุนเต็มไปหมด

เมื่อถึงโรงพยาบาล ฉันก็รีบให้เพื่อนสนิทมารับและไปค้างที่บ้านของเพื่อนไม่กล้ากลับบ้านเพราะกลัวแม่ตกใจ  แต่เช้าวันรุ่งขึ้นแม่ก็รู้จนได้  เพราะหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับพาดหัวข่าวว่า

“นางเอกหนังสีดานั่งอยู่ในรถ  โดน M16 ยิง  กระจกบาดเหวอะหวะ”

ทั้งที่ความจริงแล้วฉันไม่มีบาดแผลใด ๆ เลยสักนิด  ไม่มีแม้รอยข่วนจากเศษกระจกที่แตกกระจาย  เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉันอยู่ใกล้ความตายมากที่สุดในชีวิต  และทำให้ฉุกคิดได้ว่า

“ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอน  จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้”

จริง ๆ แล้วฉันน่าจะตายก่อนเขาด้วยซ้ำ  ที่รอดมาได้จึงเป็นเหมือนปาฏิหาริย์อาจเพราะมีบุญเก่ามาช่วยไว้  เมื่อยังมีชีวิตอยู่จึงต้องหมั่นทำความดี  ทำบุญทำกุศลรวมทั้งคิดดี  มีเมตตากับคนอื่น  เพื่อสร้างบุญเพิ่ม  เพราะเราไม่รู้เหมือนกันว่าชาติก่อนทำบาปทำกรรมอะไรไว้มากแค่ไหน  และกรรมจะกลับมาตามสนองเราเมื่อไหร่

แม้จะเตรียมใจไว้แล้วว่า “ความตาย” อยู่ใกล้ตัวนัก  แต่เมื่อต้องมาเผชิญกับการสูญเสียคนที่รัก  หัวใจฉันก็แทบสลาย

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


เรื่อง สีดา  พัวพิมล เรียบเรียง เชิญพร  คงมา  ภาพ วรวุฒิ  วิชาธร สไตลิสต์ สุธีร์  รติวัฒน์บุญญา  แต่งหน้า - ทำผม ภูดล  คงจันทร์ ขอขอบคุณ  ศูนย์การค้า  ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์  เอื้อเฟื้อสถานที่

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.