รสชาติของชีวิต นัดดา วิยกาญจน์ (จบ)

“อะไรที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุขก็ต้องตัดมันออกไป…ทุกอย่าง” นี่เป็นคติในการใช้ชีวิตของดิฉัน (นัดดา วิยกาญจน์)

ที่ผ่านมาดิฉันสามารถตัดความทุกข์และความวิตกกังวลต่างๆ ออกไปจากใจได้ง่าย เพราะเป็นคนเด็ดเดี่ยวเมื่อตัดสินใจอะไรแล้วก็ไม่มีทางหวนกลับเป็นอันขาด ยิ่งสิ่งนั้นทำให้ทุกข์ใจ จะไม่รีรอที่ขจัดมันออกไป

แม้ทุกข์ใจที่ว่าร้ายแล้ว ก็ยังถูกถาโถมด้วยทุกข์กายที่เกิดขึ้น ซึ่งส่งผลให้ร่างกายของดิฉันต้องได้รับการผ่าตัดถึง 4 ครั้งภายในระยะเวลา 2 ปี และที่ทำให้ดิฉันหวาดหวั่นมากที่สุดเห็นจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ครั้งแรก

เกือบเป็นนักร้องที่ไร้เสียง

หลายปีมาแล้วที่ดิฉันมีอาการปวดบริเวณต้นคอรวมทั้งปวดศีรษะแบบรุมๆ อยู่นานนับปี บางครั้งปวดมากจนนอนไม่หลับ ที่สำคัญ แขนขายังเกิดอาการชาไร้เรี่ยวแรงทำให้ต้องกินยาแก้ปวดและยานอนหลับเป็นประจำ ที่สุดจึงตัดสินใจไปพบคุณหมอเพื่อเอกซเรย์

ภาพที่เห็นทำให้ดิฉันตกใจ เพราะว่าหมอนรองกระดูกทรุดตัวและโครงสร้างกระดูกคอผิดรูป ทำให้ไปทับเส้นประสาท คุณหมอจึงต้องผ่าตัดรักษาโดยด่วน ด้วยการใส่ไทเทเนียมดามไว้ที่กระดูกคอ เพราะถ้าไม่ผ่าตัดอาจทำให้แขนขาของดิฉันชา อ่อนแรง และปวดจนถึงขั้นเป็นอัมพฤกษ์ได้ เมื่อสืบสาวสาเหตุทำให้ดิฉันทราบว่า ความผิดปรกติของกระดูกบริเวณคอนั้นเกิดจากอุบัติเหตุที่ดิฉันลื่นล้มแล้วศีรษะกระแทกรถตู้อย่างแรงเมื่อสิบสองปีก่อนนั่นเอง

สิ่งที่ดิฉันหวาดกลัวไม่ใช่ความเจ็บปวดจากการผ่าตัด แต่ที่หวั่นใจกว่านั้นคือ บริเวณคอที่ต้องผ่าตัดเพื่อใส่ไทเทเนียมเข้าไปดามกระดูกนั้นอยู่ใกล้กับกล่องเสียงมาก หากเกิดความผิดพลาดเพียงนิดเดียว…นิดเดียวจริงๆ ดิฉันจะกลายเป็นนักร้องที่ไม่สามารถร้องเพลงได้อีกต่อไป

ด้วยความกลัวดิฉันจึงเฝ้าเพียรไปปรึกษาคุณหมออยู่นานถึงหกเดือนเต็ม เมื่อมั่นใจในตัวคุณหมอ อีกทั้งความเจ็บปวดเริ่มทวีมากขึ้น ดิฉันจึงไม่ลังเลอีกต่อไป นับเป็นโชคดีที่การผ่าตัดครั้งนั้นผ่านไปด้วยดี ทิ้งเพียงรอยแผลเป็นขนาดเท่าเหรียญสิบไว้ที่คอด้านซ้ายเท่านั้น และสองเดือนต่อมา นัดดา วิยกาญจน์ ก็สามารถกลับไปร้องเพลงได้อีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นานดิฉันก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดครั้งที่สอง เหตุมาจากการสวมรองเท้าส้นสูงไม่ต่ำกว่า 4 นิ้วแทบทุกวันมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อน และมีแนวโน้มที่จะไปกดทับเส้นประสาท ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้เช่นกัน

การผ่าตัดครั้งนี้คุณหมอต้องใส่ไทเทเนียมดามไว้ที่หลังอีกเช่นกันแต่ความเจ็บปวดคราวนี้โหดร้ายกว่าครั้งแรกมาก ดิฉันต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลถึงสามสัปดาห์ เวลาพลิกตัวแต่ละครั้งแสนจะทรมาน จนคุณหมอต้องให้มอร์ฟีนเพื่อระงับความเจ็บปวด แต่โชคดีที่มีคุณหรรษา ถนอมสิงห์ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนรักและเพื่อนร่วมธุรกิจที่ร่วมกันก่อตั้งบริษัท เอ็นช้านติ้ง มาช่วยดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงครอบครัวและคนที่รักดิฉัน ทำให้ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้

ช่วงเวลานี้นี่เองที่ดิฉันได้รู้จักกับความ “ทรมานแบบสุดๆ” และคิดแต่เพียงว่าเมื่อไรจะจบเสียที แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าความเจ็บปวดนี้อยู่กับเราไม่นาน แต่กว่าจะผ่านพ้นไปได้ ทุกเวลานาทีช่างผ่านไปอย่างยากลำบากเหลือเกิน

แต่โชคร้ายก็มาพร้อมกับโชคดี ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดในครั้งนั้นจะเป็นภูมิต้านให้ดิฉันไม่ประหวั่นพรั่นพรึงกับโรคร้ายใดๆ อีกต่อไปแม้ว่าหลังจากนั้นไม่นานจะตรวจพบก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่บริเวณต้นขาขวา ทำให้ต้องรับการผ่าตัดตามมาติดๆ เป็นครั้งที่สามก็ตาม

แต่โชคร้ายยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมื่อดิฉันต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกเป็นครั้งที่สี่ เพราะบริเวณกระดูกหัวเข่าขวาเสื่อม ต้องใส่ไทเทเนียมเข้าไปแทนอีกครั้ง ทิ้งรอยแผลเป็นยาวลงมาจากเข่าเช่นเดิม แต่ทั้งหมดนี้เมื่อมองย้อนกลับไป ดิฉันไม่คิดว่าเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสอะไร กลับมองเห็นเป็นเรื่องน่าขันว่าตอนนี้ตัวเองกลายเป็นมนุษย์ไทเทเนียมเดินได้ไปเรียบร้อยแล้ว

ทั้งหมดทั้งมวลดิฉันคิดเพียงว่า อะไรก็ตามที่จะเป็นอุปสรรคต่อการร้องเพลงจะต้องขจัดออกไป เมื่อเจ็บป่วยก็ต้องดูแลรักษาให้หายและแทบไม่น่าเชื่อว่าช่วงสามปีที่ผ่านมา หลังจากดิฉันดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองอย่างจริงจัง ทำให้เกิดผลดีอย่างเห็นได้ชัด จิตใจมีแต่ความสดชื่น สุขภาพร่างกายก็กลับมาแข็งแรงยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ รวมทั้งรูปร่างก็ดีขึ้น จนคนรอบข้างพากันแปลกใจ

แมจิก”  ลูกคือสิ่งมหัศจรรย์

ตอนนี้ดิฉันไม่ห่วงกังวลเรื่องสุขภาพอีกต่อไป ความเป็นห่วงอย่างเดียวที่ดิฉันมีคือลูกสาวคนเดียว น้องแมจิก – กรนันท์ อิงคะกุลวัย 16 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่ประเทศแคนาดา

สำหรับดิฉันลูกเป็นสิ่งมีค่ามาก เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นจากเลือดเนื้อของเรา และเป็นสิ่งเดียวที่ดิฉันคิดว่า “เป็นของเรา” เพราะออกมาจากตัวเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นดิฉันรู้ดีว่าคำสอนในพระพุทธศาสนาสอนไม่ให้เรายึดติดกับสิ่งใด แม้ลูกจะเกิดมาจากตัวเรา แต่เขาก็มีความคิดจิตใจของตัวเอง

ความจริงแล้วก่อนมีลูกคนนี้ดิฉันคิดมาตลอดว่าชาตินี้คงไม่มีลูกแน่ๆ เพราะเคยแท้งถึงสามครั้งด้วยกัน นอกจากจะมีลูกยากแล้ว หมอดูกี่คนๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดวงของดิฉันเป็นดวงของคนไม่มีคู่และไม่มีลูก แต่สุดท้ายดิฉันก็ฝืนดวงชะตาของตัวเองทั้งสองอย่าง

ก่อนที่จะมีลูกดิฉันได้ไปปฏิบัติธรรมกับ คุณแม่สิริ กรินชัย ในใจนั้นอยากมีลูกมาก จึงได้อธิษฐานขอกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่า ถ้าดิฉันมีลูกจะกลับมาพร้อมนำลูกมากราบไหว้ และแล้วผลบุญจากการปฏิบัติธรรมในครั้งนั้นก็ทำให้ดิฉันได้ลูกสาวหน้าตาน่ารักมาหนึ่งคน ลูกคนนี้คือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิต ดิฉันจึงตั้งชื่อลูกว่า แมจิก (Magic) หลังจากลูกสาวอายุได้เพียง 4 เดือนดิฉันได้พาไปกราบคุณแม่สิริ กรินชัยพร้อมทั้งเล่าถึงความรู้สึกอิ่มเอมใจให้ผู้ที่ร่วมปฏิบัติธรรมในครั้งนั้นได้ฟัง

มองจากภายนอก หลายคนอาจคิดว่าดิฉันเป็นสาวสังคมที่ชอบอยู่กับแสงสี แต่ความจริงอีกมุมหนึ่งของชีวิต สิ่งที่นำความสุขสงบใจมาให้คือการปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในฐานะพุทธศาสนิกชน ด้วยการสวดมนต์เจริญภาวนาและละเว้นการกินเนื้อสัตว์ทุกวันพระและทุกวันเกิดของตัวเองเดือนละ 8 วัน และทำเช่นนี้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว

การร้องเพลงคือลมหายใจ

หลายคนอาจคิดว่าดิฉันเป็นนักร้องที่ถนัดร้องแต่เพลงสุนทราภรณ์เพลงแจ๊ส หรือเพลงเก่าย้อนยุค แต่ความจริงแล้วดิฉันเป็นนักร้องที่ทันสมัย ใช้ชีวิตทันยุค และพยายามพัฒนาตัวเองในเรื่องการร้องเพลงอยู่ตลอดเวลา มักจะศึกษาอยู่เสมอว่าวงการเพลงมีสิ่งใดใหม่ๆ และมีการเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร ด้วยความที่อยากสื่อให้แฟนเพลงรู้ว่าดิฉันไม่ได้ร้องเพลงแนวเดียว และในชีวิตนี้ก็ไม่เคยคิดแขวนไมค์เลยแม้แต่ครั้งเดียว ต่อให้แต่งงานมีครอบครัว ร่างกายเจ็บป่วยอย่างไร หรือจะทำอาชีพอื่นร่วมด้วยก็ตาม ดิฉันจะไม่มีวันทิ้งเสียงเพลงอย่างเด็ดขาดเพราะการร้องเพลงเปรียบเหมือนลมหายใจของดิฉัน

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเพลงลูกกรุง เพลงไทยสากล เพลงสากลแนวแจ๊ส หรือแม้กระทั่งฮิปฮอป ดิฉันสามารถร้องได้ไม่แพ้วัยรุ่น และล่าสุดได้ร่วมร้องเพลงฮิปฮอปกับ โจอี้บอย ในคอนเสิร์ตของตัวเองมาแล้ว

ตอนนี้ดิฉันได้ผ่านทั้งความสุขและความทุกข์มาค่อนชีวิตแล้วและบอกได้คำเดียวว่า ไม่มีอะไรที่จะทำให้นัดดา วิยกาญจน์ จมอยู่กับความทุกข์ได้อีก เพราะเมื่อมี ผ่านเข้ามา ก็ต้องมีจากไป

ทุกวันนี้ดิฉันและคุณหรรษาร่วมกันทำธุรกิจด้วยการรับจัดงานออร์แกไนซ์แบบครบวงจร ทั้งคิดแผนการตลาด รับจัดงาน และทำประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้า เพื่อนรักคนนี้มีฝีมือฉกาจด้านงานครีเอทีฟเพราะอยู่ในแวดวงโฆษณานานนับสิบปี และเป็นผู้หญิงไทยคนเดียวที่ได้รับเลือกจากบริษัท Astro ของประเทศมาเลเซียให้ไปเป็นผู้บริหารสื่ออยู่ที่นั่น ตอนนี้เธอกลับมาทำธุรกิจร่วมกับดิฉัน ส่วนตัวดิฉันเองก็มีคอนเน็กชั่นในสายงานนี้อยู่แล้ว เราสองคนจึงร่วมมือกันทำงานอย่างมีความสุข

เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้าของทุกวัน ดิฉันคิดว่าชีวิตของตัวเองดูดีและมีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำ ไม่ต่างกับเพลงบทนี้

“ฉันไม่แคร์ จะแก่หรือตาย ฉันไม่อายใครๆ ไม่แคร์ ไม่แยแสแม้โลกทลาย ไม่ร้อนใจ แม้มีไฟสุมทรวง มิใช่เมาใช่เขลาโง่งม มิใช่ตรมซมเศร้าเขาลวง ใช่ว่าดวงของฉันนั้นดี ใช่ว่ามีสินทรัพย์จนนับแสนใจอยู่ที่ใจฉัน กายอยู่ที่กายนั้น กายใจสัมพันธ์เหนียวแน่น มีสุขก็ตัวฉัน มีทุกข์ก็เช่นกัน ทุกข์ใครไหนนั่นจะทุกข์แทน”

นี่แหละคือ “รสชาติของชีวิต” ของผู้หญิงที่ชื่อนัดดา  วิยกาญจน์

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.