True Story: “ลูกจ๋า…แม่คิดถึง”

“แม่ขา  หนูรักแม่ค่ะ”  เมื่อคิดถึงเสียงเล็กๆ ของลูกสาวที่บอกรักแม่ก่อนนอนทุกคืน  ฉันจำต้องกลืนก้อนสะอื้นเอาไว้ในอกเพียงลำพัง

เรามักจะหอมแก้มและนอนกอดกันจนหลับไปทั้งคู่  แต่ค่ำคืนนี้ไม่มีทั้งเสียงและเงาของลูกสาวตัวน้อยช่างคุยอีกต่อไปอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ที่เราเคยอาศัยอยู่กันสามคนแม่ลูก  วันนี้เหลือเพียงแค่ฉันกับลูกชายคนโตวัย 11 ขวบเท่านั้น  ข้าวของเครื่องใช้ของลูกยังอยู่ครบ  น้องช้าง  ตุ๊กตาตัวโปรดยังวางอยู่ที่เดิม  เสื้อผ้าสีชมพูสดใสยังพับเก็บไว้ในตะกร้า  กลิ่นกายหอม ๆ ของลูกยังติดอยู่ที่ผ้าห่มผืนเก่า  หัวใจของคนเป็นแม่เหมือนจะขาดเสียให้ได้  ทำไมหนอเรื่องราวเลวร้ายถึงมาเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา

เดิมฉันเกิดและเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯด้วยความที่พ่อและแม่มีอาชีพเร่ขายของไปตามงานประจำปีของจังหวัดต่าง ๆ  ตอนเด็ก ๆ ฉันจึงต้องอาศัยอยู่กับป้า  หลังเรียนจบ ปวช.  ฉันก็ทำงานเป็นพนักงานในห้างสรรพสินค้า  ต่อด้วยการเป็นพนักงานร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด  และปัจจุบันเป็นลูกจ้างในโรงงานผลิตเครื่องสำรองไฟ

 

ฉันกับพ่อของลูกพบเจอกันโดยบังเอิญเขาเป็นพนักงานขับรถส่งเหล้าเบียร์  เราคบกันได้สองปี  เขาก็พาผู้ใหญ่มาผูกข้อไม้ข้อมือสู่ขอฉันกับพ่อแม่  พออายุได้ 20 ปี  ฉันก็มีลูกชายคนแรก  เมื่อคนโตอายุได้ 8 ขวบ  ฉันก็มี น้องหญิง ตามมา  ชีวิตคู่ของเราดำเนินไปแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ  นอกจากเงินจะไม่ค่อยพอใช้แล้ว  เขาก็ยังทุบตีฉันบ่อย ๆ  ที่สุดฉันจึงขอเลิกกับเขา  ตอนนั้นน้องหญิงอายุได้สองขวบครึ่ง  และหลังจากนั้นเป็นต้นมาฉันก็รับหน้าที่คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวดูแลลูกชายลูกสาวเพียงลำพัง  แต่โชคดีที่ฉันยังมีพ่อแม่และป้าซึ่งอาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับอพาร์ตเมนต์จึงยังพอจะไหว้วานให้พวกท่านช่วยดูแลลูกให้ในช่วงกลางวันที่ฉันต้องออกไปทำงาน

ก่อนหน้านี้ฉันเคยส่งลูกไปเรียนชั้นเตรียมอนุบาล  แต่เรียนได้ไม่นานก็จำเป็นต้องให้ลูกเลิกเรียน  เพราะพ่อของลูกไม่ได้ช่วยจ่ายค่าเทอมเหมือนเดิม  มิหนำซ้ำตัวฉันเองก็ยังไม่สามารถจ่ายค่าเทอมที่ติดค้างทางโรงเรียนไว้ถึง 40,000 บาทได้  ด้วยเหตุนี้ในช่วงกลางวันฉันจึงต้องฝากน้องหญิงให้พ่อกับแม่ช่วยดูแล  แต่ช่วงต้นปี  พ่อกับแม่ของฉันมักจะออกไปเร่ขายของตามงานประจำปีของจังหวัดต่าง ๆ เหมือนที่เคยทำมาทุกปี  ไล่ไปตั้งแต่จังหวัดอำนาจเจริญมุกดาหาร  เลย  แล้วไปสิ้นสุดที่จังหวัดศรีสะเกษ  และในปีนี้พวกท่านก็จำเป็นต้องพาน้องหญิงไปด้วย

ความจริงตอนที่น้องหญิงอายุได้ขวบกว่า ๆ  พ่อกับแม่เคยกระเตงไปเร่ขายของตามจังหวัดนั้นจังหวัดนี้มาแล้วคราวนั้นฉันรู้สึกไม่สบายใจนัก  กังวลว่า “ตายายพาหลานไปอยู่ในที่ที่มีคนเยอะ ๆ แบบนี้  สักวันน้องหญิงอาจจะโดนคนแปลกหน้าลักพาตัวไปก็ได้  เพราะเวลาที่ตายายง่วนอยู่กับการขายน้ำ  ขายไอศกรีมก็คงไม่มีเวลาดูหลาน”

แล้ววันหนึ่งเหตุการณ์ที่ฉันเคยสังหรณ์ใจก็เกิดขึ้นจริง ๆ  ฉันจำได้แม่นว่าวันนั้นเป็นวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556  เวลาใกล้เที่ยง  พ่อกับแม่โทรศัพท์จากจังหวัดเลยมาหาฉันด้วยน้ำเสียงหม่นหมองว่า  “ทำใจดี ๆ นะ  น้องหญิงหายตัวไปตั้งแต่เมื่อเย็นวานพยายามตามหาแล้ว  แต่หาไม่เจอ”  ฉันฟังแล้วหัวใจหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม  ใจหนึ่งก็นึกโกรธพ่อแม่ตัวเองที่ดูแลหลานไม่ดี  แต่ใจหนึ่งก็รู้ดีว่าท่านไม่ได้ตั้งใจ  เพราะสองคนตายายรักหลานมาก  น้องหญิงเป็นเด็กร่าเริงขี้อ้อน  เวลาได้ยินยายพูดว่า  “โอย…ปวดเมื่อยจังเลย  ทำไมถึงเมื่อยอย่างนี้นะ”  น้องหญิงก็จะเข้าไปหาแล้วบีบนวดให้ยาย  และไม่ลืมที่จะขอเงินยายไปซื้อขนมตามประสาเด็กแม้แต่ป้าของฉันก็ยังรักและเอ็นดูหลานคนนี้มาก  นอกจากแกจะหน้าตาน่ารักน่าชังแล้วยังเป็นเด็กช่างพูด  ช่างคุย  ไม่กลัวคนแปลกหน้า  ใครให้ขนมก็รับโดยง่าย  และนี่คงจะเป็นช่องทางที่พวกขโมยเด็กใช้ล่อลวงน้องหญิง

คืนแรกที่รู้ว่าลูกหาย  ฉันรีบนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพฯไปจังหวัดเลย  นับเป็นคืนที่ทุกข์ทรมานที่สุดในชีวิตก็ว่าได้  ฉันไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลย  ใจคอกระวนกระวายไม่คิดว่าข่าวร้ายที่เคยได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับโจรขโมยเด็กจะมาเกิดกับลูกสาวของตัวเองตอนนี้น้องหญิงจะกินจะอยู่อย่างไร  ปรกติต้องมีตากับยายคอยป้อนข้าว  แกถึงจะยอมกิน  ยิ่งคิดฉันก็ยิ่งกลัวจับใจ  เมื่อจินตนาการว่าลูกอาจถูกจับไปเป็นขอทาน  โดนตัดแขนตัดขา  มีสภาพที่น่าเวทนาสงสาร  ฉันนั่งร้องไห้ตลอดทาง ไม่รู้จะทำอย่างไร  ได้แต่ภาวนาให้คนที่เอาตัวลูกไปพากลับมาคืนด้วยเถิด

_MG_3520_OK

เช้าของวันที่ 7 กุมภาพันธ์  ฉันก็เดินทางถึงจังหวัดเลยพร้อมกับรูปถ่ายของลูกสาวเพื่อนำไปให้ตำรวจ  พ่อเล่าให้ฟังว่าเย็นวันเกิดเหตุ  น้องหญิงไปนั่งเล่นที่กองทรายบริเวณซุ้มเหล่ากาชาด  ซึ่งอยู่ไม่ไกล  และสามารถมองเห็นได้จากร้านขายน้ำของพ่อและแม่  แต่วันนั้นน่าแปลกที่เวลาล่วงเลยไปถึงหกโมงเย็นแล้ว  น้องหญิงก็ยังไม่กลับมากินข้าวเย็นกับตายายเหมือนเช่นเคย  ท่านทั้งสองจึงออกตามหาหลานสาวไปทั่วทั้งงาน  และพยายามสอบถามคนที่อยู่แถวนั้น  เผื่อใครจะเห็นเหตุการณ์หรือพบเจอน้องหญิงบ้าง

คนเลี้ยงช้างคนหนึ่งที่อยู่ละแวกนั้นเล่าว่า  เย็นวันนั้นเขาเห็นน้องหญิงวิ่งมาเล่นกับช้าง  ก่อนจะมีชายฉกรรจ์ 3 คนเดินเข้ามาหาน้องหญิง คนหนึ่งเดินจูงมือแกไปส่วนอีกสองคนเดินขนาบข้าง  แล้วทั้งหมดก็เดินลับหายไปในฝูงชน  คนเลี้ยงช้างเข้าใจว่าชายกลุ่มนั้นคงเป็นญาติมารับเด็กไป  ไม่ทันคิดว่าจะเป็นโจรขโมยเด็ก

พ่อกับแม่บอกว่า  หลังจากตามหาหลานไม่พบ  ก็เข้าใจว่าต้องรอให้ครบ 24 ชั่วโมงก่อนจึงจะแจ้งความได้  ท่านไม่รู้ว่ากรณีที่เด็กหาย  สามารถแจ้งความได้เลย  ไม่ต้องรอเวลาเหมือนผู้ใหญ่  แต่ด้วยความรู้น้อยของพวกเรา  บวกกับการคาดการณ์ของตำรวจที่คิดว่าคนเป็นพ่ออาจจะมาลักพาตัวลูกสาวไปทำให้พวกเขาพยายามสืบหาตัวพ่อของเด็กเพื่อจะสอบถามความจริง  แทนที่จะติดตามหาลูกสาวของฉันในทันที  จนผ่านไปสิบกว่าวันแล้ว  ตำรวจถึงจะออกตามหาตัวน้องหญิงซึ่งเป็นไปได้ว่า  คนที่ลักพาตัวน้องหญิงอาจจะพาแกไปไหนต่อไหนไกลแล้วก็ได้

พวกเราทั้งหมดเป็นห่วงน้องหญิงพ่อแม่และป้าของฉันกินไม่ได้นอนไม่หลับตัวฉันเองก็น้ำหนักลดลงฮวบฮาบ  เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อตามตัวน้องหญิงฉันออกเดินตามหาลูกไปทั่วและติดประกาศตามสถานที่ต่าง ๆ  แม้แต่พึ่งไสยศาสตร์ฉันก็ทำมาแล้ว  แต่ก็ยังไร้วี่แววของลูกสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจ

จนวันหนึ่งเจ้าของร้านค้าที่ครอบครัวเรารู้จักช่วยส่งรูปน้องหญิงไปที่ สายด่วนศูนย์ข้อมูลคนหายของมูลนิธิกระจกเงาเจ้าหน้าที่ช่วยติดต่อประสานงานกับทางตำรวจให้เร่งตามหาคนร้าย  รวมถึงช่วยประกาศตามหาในสื่อต่าง ๆ  เพราะต้องการให้เรื่องของน้องหญิงปรากฏสู่สาธารณะ  เผื่อว่าจะมีพลเมืองดีที่พบเห็นแจ้งเบาะแสกลับมา

เจ้าหน้าที่บอกว่า  ยิ่งเวลาล่วงเลยไปนานเท่าใด  ก็จะยิ่งตามหาตัวเด็กยากขึ้นเท่านั้น  ทุกวันนี้มีเด็กหายทุกวัน  ที่หายในลักษณะเดียวกับน้องหญิงมีปีละประมาณ10 คน  ซึ่งเหตุจูงใจในการลักพาตัวคาดว่ามีด้วยกัน 3 ประการ  คือ  หนึ่ง  อาจเป็นคนสติไม่ดีที่อยากได้เด็กไปเลี้ยงเป็นลูกสอง  คนร้ายต้องการนำเด็กไปกระทำชำเราหรือค้าประเวณี  และสาม  คนร้ายต้องการหาผลประโยชน์จากเด็ก  เช่น  บังคับให้เป็นขอทาน  ในกรณีของน้องหญิง  เจ้าหน้าที่พุ่งไปที่ประเด็นที่หนึ่ง  เพราะส่วนใหญ่เด็กวัยนี้มักจะเจอกรณีนี้มากที่สุด

ท่ามกลางความโชคร้าย  ฉันยังได้เห็นน้ำใจของคนไทยที่เมตตาสงสารเราแม่ลูกมีทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักอาสาช่วยเหลือเรามากมายจนฉันขอบคุณได้ไม่หมด  หลังจากประกาศตามหาเด็กหายบนหน้าเว็บเพจของมูลนิธิกระจกเงาแล้ว  ผู้คนในโซเชียลเน็ตเวิร์คก็แชร์ภาพของน้องหญิงส่งต่อไปให้เพื่อน ๆ รับรู้  นอกจากนั้น  โรงพิมพ์“พิมพ์ถูก” ที่จังหวัดพิษณุโลกก็ยังช่วยพิมพ์ใบปิดประกาศให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจำนวน 5,000 แผ่น

 

หลังจากนั้นทางมูลนิธิก็ประกาศหาอาสาสมัครที่ต้องการนำประกาศนี้ไปติดที่ชุมชนของตัวเองหรือตามสถานที่ต่าง ๆปรากฏว่ามีคนจากทั่วประเทศ  ทั้งเหนือใต้  ออก  ตก  ส่งที่อยู่เพื่อให้มูลนิธิจัดส่งใบปิดประกาศไปให้  บางคนเมื่อได้รับแล้วก็ถ่ายภาพส่งกลับมาให้ดูด้วย  ฉันจึงได้เห็นว่าภาพลูกสาวของฉันไปปรากฏอยู่ที่ร้านขายข้าวแกง  ร้านขายหมูปิ้ง  ร้านขายของชำ  บนรถยนต์ส่วนบุคคล  ฯลฯ  รวมถึงสโมสรฟุตบอลลูกอีสานการบินไทยยังได้ให้กัปตันทีมถือภาพน้องหญิงเดินลงสนามฟุตบอลก่อนจะเริ่มการแข่งขัน  และนำคลิปวิดีโอของลูกเปิดผ่านจอภาพในสนามด้วยส่วนอาสาสมัครที่จังหวัดเชียงรายก็ทำแผ่นไวนิลขนาดใหญ่เป็นรูปน้องหญิง  เพื่อให้ทางมูลนิธินำไปติดประกาศต่อไป…น้ำใจจากคนทั่วทุกสารทิศนำความซาบซึ้งใจมาให้ฉันอย่างมาก  นับเป็นเรื่องดี ๆ ที่ทำให้ฉันมีกำลังใจสู้ต่อหลังจากที่ได้เผชิญเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาตลอด 4 เดือนนับตั้งแต่น้องหญิงหายตัวไป

ทุกวันนี้ฉันคิดถึงลูกแทบขาดใจ  และมีความหวังทุกครั้งเมื่อมีคนแจ้งเบาะแสมาว่าพบเด็กที่อาจจะเป็นน้องหญิง  แต่สุดท้ายฉันก็ต้องผิดหวังทุกครั้ง  เมื่อตรวจสอบกลับไปแล้วพบว่าไม่ใช่  ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าลูกของฉันเป็นตายร้ายดีอยู่ที่ไหน

ความหวังเดียวของฉันคือ  ขอให้ลูกกลับมาโดยมีร่างกายครบ 32  ฉันเชื่อว่า “การรอคอยต้องมีวันสิ้นสุด”  ถ้าเรายังมีวาสนาต่อกัน  วันหนึ่งฉันจะต้องได้พบหน้าลูก  และไม่ว่าจะนานเท่าไร  หรือน้องหญิงจะโตขึ้นแค่ไหน  ฉันมั่นใจว่ายังจดจำลูกได้และยินดีที่จะรอจนลมหายใจสุดท้าย

วิธีรับมือกับความทุกข์จากการพลัดพราก โดยพระอาจารย์มานพ  อุปสโม

เมื่อต้องประสบกับการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตายในเบื้องต้น  สิ่งที่สามารถทำได้ไม่ยากนักคือ  ควรเริ่มจากทำใจให้อยู่กับปัจจุบันเรียกใจกลับมาหาตัว  และบอกตัวเองว่า  คนไม่ทุกข์ไม่มียกเว้นถึงนิพพานแล้วเท่านั้น  จากนั้นพยายามตามดูให้ทันทุกความรู้สึก  อย่าปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยไม่สนใจ  แล้วใช้สติกำกับ  ตรึกตรอง  จะช่วยเยียวยาความเศร้าให้พอทุเลาลงได้บ้าง

สายด่วนศูนย์ข้อมูลคนหาย โทร. 08-0775-2673

 

เรื่อง อุษาณ์  คงโสภาดี  เรียบเรียง เสาวลักษณ์  ศรีสุวรรณ  ภาพ สรยุทธ  พุ่มภักดี  


หากใครมีเรื่องราวชีวิตจริงที่อยากแบ่งปัน สามารถส่งเรื่องเข้ามาได้ที่อีเมล therranuch_pa@amarin.co.th

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.