ศิลปะยาตราเพื่อ ในหลวง ของ “อาจารย์กวง” ธีระพันธ์ ลอไพบูลย์ ขอเป็นเพียงเศษธุลีดิน ใต้ฝ่าพระบาท
“เราจะทำอะไรให้ในหลวงชื่นพระทัยได้บ้าง” ผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้นมาท่ามกลางกลางความเงียบงัน…ธีระพันธ์ ลอไพบูลย์ หรือที่คนทั่วไปเรียกเขาว่า “อาจารย์กวง” นิ่งไปกับคำถามนั้น ก่อนตัดสินใจในทันทีว่า “จะวาดรูปเพื่อในหลวง”
โครงการนิทรรศการศิลปะยาตรา “ภาพพระภูมิฟ้า น้อมโน้มโลมดิน” 84 รูป 84 พรรษาเฉลิมพระเกียรติ จึงเกิดขึ้น ซึ่งอาจารย์กวงจะนำภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวออกแสดงทั่วประเทศ พร้อมๆ กับคาราวานคอนเสิร์ตคาราบาวแดง
“ผมอยากให้คนไทยได้กลับไปมีความรู้สึกเหมือนเมื่อก่อนที่ทุกคนต่างออกมารอรับเสด็จในหลวง การจัดงานครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อแสดงนิทรรศการศิลปะ แต่จะเป็นการเชิญเสด็จฯพระองค์ท่านออกไปเยี่ยมประชาชนอย่างที่ทรงเคยทำ…เพื่อทบทวนความทรงจำของประชาชน”
แม้โครงการนี้จะถูกร่างขึ้นมาแล้ว ทว่ากลับมีอุปสรรคขัดขวางมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุนทรัพย์ซึ่งอาจารย์กวงไม่ใช้การระดมทุนแต่จะมาจากการบอกปากต่อปากของผู้ที่ต้องการบริจาคเท่านั้น น่าเสียดายที่เงินบริจาคเข้ามาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น อาจารย์กวงจึงนำบ้านและรถยนต์ไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าโครงการก่อน
“วันเปิดนิทรรศการวันแรก ประชาชนที่เดินทางมาดูคอนเสิร์ตก็เดินเข้ามาดูนิทรรศการหลายพันคน บางคนยกมือไหว้ มีอยู่คนหนึ่งค่อยๆ คุกเข่าก้มลงกราบช้าๆ บางคนน้ำตาไหลพราก
“ที่เท่ยิ่งกว่านั้นคือ เราจะมีจอทัชสกรีนให้ประชาชนลงนามถวายพระพรและมีกล้องจับหน้าไว้ เราจะนำหน้าจอนี้ขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระองค์ท่านด้วย เพื่อให้พระองค์ท่านได้เห็นแววตาของประชาชนเหมือนวันที่พระองค์ท่านเสด็จฯเยี่ยมราษฎร”
ทุกๆ ครั้งหลังจบคอนเสิร์ต เขาและทีมงานมีภารกิจต้องเคลื่อนย้ายภาพวาดขนาด 99 135 เซนติเมตร น้ำหนักร่วม 50 กิโลกรัม และต้องใช้คนยกถึงสี่คนด้วยกันเพื่อใส่เข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเป็นพาหนะในการขนส่ง โดยคนเหล่านี้เป็นทหารเกณฑ์ของกองทัพเรือ ที่อาสามาช่วยงานด้วยความสมัครใจจำนวน 15 นาย
พอเริ่มออกทัวร์หลายจังหวัด คนก็เริ่มครหาว่าอาจารย์กวงนำภาพพระเจ้าอยู่หัวมาหากิน บ้างก็ว่าการนำภาพพระองค์ท่านมาแสดงร่วมกับคอนเสิร์ตเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะ แต่อาจารย์กวงไม่สนใจ ยังคงก้มหน้าก้มตาวาดรูปต่อไป
“ข้อกล่าวหาที่ว่าเอาในหลวงมาหากินมีมาตั้งแต่เริ่ม แต่พระราชดำรัสที่ติดหูเราคือ หากคิดจะทำดีแล้ว ไม่ต้องขออนุญาต ให้ทำได้เลย ดังนั้น แม้จะมีคำครหามากมาย เราก็ไม่ย่อท้อ…ตั้งใจจะวาดรูปคนเดียว 84 รูปให้สำเร็จภายในหนึ่งปีให้ได้
“หลายคนถามว่าวาดรูปในหลวงทั้ง 84 รูปคนเดียวจะไหวหรือ เราตอบกลับไปว่า ในเมื่อในหลวงทรงทำโครงการหลายโครงการด้วยพระองค์เองมาตลอดหลายปี เราคนเดียวจะวาดรูป 84 รูปในเวลาไม่ถึงปี ทำไมจะทำไม่ได้
“มีวันหนึ่งรู้สึกท้อแท้ใจมากเพราะเงินหมดแล้ว สปอนเซอร์ก็ไม่มี กลัวว่าโครงการนี้จะไปไม่รอด ป้าหมอนวดแผนโบราณชื่อพี่จันอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เดินกำเงินมาให้ 20,000 บาท แล้วบอกว่า ป้ารู้ข่าวว่าเราจะวาดรูปในหลวงจากหนังสือพิมพ์ ป้าให้เงินนี้ไว้สำหรับวาดรูปไปถวายในหลวงนะ ตอนนั้นรู้สึกตื้นตันมากที่ยังมีคนเห็นสิ่งดีๆ ที่เรากำลังทำให้ในหลวง
“จากที่ทัวร์มาหลายจังหวัด ทุกที่ชาวบ้านต่างมาขอบคุณที่เราพาพระองค์ท่านมาให้พวกเขาดู ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามากอดและบอกเราว่าเขาเป็นข้าราชการกรมชลประทานและทำงานตามแนวพระราชดำริมาโดยตลอด แต่ไม่เคยเข้าใจสิ่งที่พระองค์ท่านทำเลย ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าพระองค์ท่านทำไปเพื่ออะไร
“แม้แต่ผู้การทหารเรือคนหนึ่งก็สามารถเปลี่ยนชีวิตตัวเองใหม่จากการดูรูปในหลวง ตอนแรกเขาทำแต่หน้าที่ของตัวเองอย่างเดียว แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าการทำมากกว่าหน้าที่ของตัวเองนั้นมีความสุขมากกว่า เขาตัดสินใจทำโครงการทฤษฎีใหม่ สร้างทุกอย่างขึ้นมาตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงขึ้นในวงการทหารเรือ
“การทำงานนี้และการที่หลายๆ ฝ่ายเข้ามาร่วมสนับสนุนเรา ทำให้รู้สึกดีที่ว่าแผ่นดินนี้ยังมีคนมีน้ำใจ มีคนที่รักแผ่นดินและรักบ้านเกิดตนเอง”
แม้ไม่มีกำไรจากการจัดนิทรรศการศิลปะ แม้ไม่มีคำชมจากใครที่ไหน ทว่าสิ่งที่เขา ธีระพันธ์ ลอไพบูลย์ คนนี้ได้คือ ความชุ่มชื่นหัวใจ…ไม่มีสิ้นสุด
เรื่อง ณัฐนภ ตระกลธนภาส ภาพ สรยุทธ พุ่มภักดี
