ไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย รมณียสถานแห่งการเจริญสติ

ไร่เชิญตะวัน

เรื่อง ว.วชิรเมธี 

นับแต่ปี 2552 เป็นต้นมา ผู้เขียนตัดสินใจ “ถอยหลังเข้าคลอง” กล่าวคือ เดินทางออกจากกรุงเทพมหานครกลับสู่จังหวัดเชียงรายอันเป็นแผ่นดินถิ่นเกิด ทั้งนี้ก็โดยความมุ่งหมายที่ต้องการจะสร้าง “ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน”อันเป็น “รมณียสถานแห่งการเจริญสติ”ให้เกิดขึ้นมาอย่างที่จินตนาการไว้

จินตนาการอย่างนี้มีมาแต่เมื่อไร คำตอบก็คือ นับแต่ยังเป็นสามเณรน้อย ผู้เขียนมีโอกาสได้อ่านหนังสือ ได้ฟังเสียงธรรมบรรยายของหลวงพ่อชา สุภัทโท อยู่เสมอ มีบางปีที่สะสมเทปธรรมบรรยายของหลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นตั้งๆ เพื่อเปิดฟังก่อนนอน  แล้วก็ผล็อยหลับไปจนเสียงธรรมบรรยายของท่านก้องกังวานอยู่ในความทรงจำ  จนแทบจะท่องออกมาได้เป็นตอนๆ ทุกถ้อยกระทงความเลยก็ว่าได้ นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังได้อ่านหนังสือของท่านพุทธทาสภิกขุ  ของปวงปราชญ์ราชบัณฑิตอีกมากมาย เช่น อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ, แสง จันทร์งาม,  วศิน อินทสระ,  เสฐียรพงษ์ วรรณปก รวมทั้งของท่านติช นัท ฮันห์ จนเกิดความใฝ่ฝันอยากไปเยือนสวนโมกข์ และอยากเรียนรู้กับท่านติช นัท ฮันห์ ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต

ซึ่งน่ายินดีที่ต่อมาเมื่อผู้เขียนเรียนจบเปรียญธรรม 9 ประโยคแล้ว ก็มีเวลาช่วงสั้นๆ เพียงไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ได้จาริกไปยังสวนโมกข์สมใจ ในส่วนของท่านติช นัท ฮันห์ นั้น มาในปี 2552 ผู้เขียนก็ได้รับอาราธนาให้ไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับท่าน ในงานภาวนา 21 วันที่หมู่บ้านพลัม เมืองบอร์โด ประเทศฝรั่งเศส กอปรกับเมื่อย้อนกลับไปในวัยเยาว์ อายุยังไม่ครบบวชพระ ยังเป็นสามเณรน้อยอยู่

แต่กระนั้นผู้เขียนก็โชคดีมีโอกาสได้ไปพำนักยังวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี ของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม พระวิปัสสนาจารย์ชื่อดังของประเทศไทยกว่าสองเดือนเต็ม ที่นี่ผู้เขียนได้เรียนรู้ทั้งวิชาการพุทธศาสนาและประสบการณ์ทางภาวนาเต็มอิ่ม (ในโครงการอบรมครูสอนวิชาภาษาบาลีเข้มข้น) ประสบการณ์ด้านในตั้งแต่ยังเป็นสามเณรน้อยจนมาถึงหลังเรียนจบเปรียญธรรม 9 ประโยคที่กล่าวมา ทำให้เกิดศรัทธาต่อการแสวงหาด้านในอยู่ลึกๆ นอนเนื่องอยู่ในกมลสันดานมาโดยตลอด

จนในที่สุด เมื่อถึงเวลาอันสมควร  ผู้เขียนก็บอกลากรุงเทพมหานครมุ่งสู่จังหวัดเชียงราย และเริ่มบุกเบิกศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เพื่อสร้างรมณียสถานแห่งการเจริญสติอย่างที่ตัวเองอยากเห็น

ในปีแรกที่เริ่มงานบุกเบิกผู้เขียนเขียนไว้ในไดอะรี่ว่า “เรามีวัดกันมากพอแล้ว แต่เรายังมีสถานที่ที่จะทำให้คนตื่นน้อยเกินไป” คำว่า “สถานที่ที่จะทำให้คนตื่น” ผู้เขียนหมายถึง“สถานที่ที่ทำหน้าที่ปลุกคนให้ตื่นจากความโลภ ความโกรธความหลงอย่างแท้จริง โดยใช้การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงลึกและการเจริญสติปัฏฐานเป็นกุศโลบายในการทำงาน” ในเมื่อมองหาสถานที่เช่นนั้นแล้ว เห็นว่ายังไม่มี หรือที่มีอยู่ก็ไม่เหมือนกับที่ตนเองอยากเห็น

ไร่เชิญตะวัน

ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดเราก็ต้องสร้างสถานที่เช่นนั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 2553 นี่เอง

นับแต่ก่อตั้ง ผู้เขียนก็เริ่มจัดคอร์สภาวนาเชิงประยุกต์มาโดยตลอด จนถึงวันนี้เรามีคอร์สภาวนาเชิงประยุกต์สอนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศแผ่ขยายออกไปทั้งในต่างจังหวัดกรุงเทพฯ ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และทำงานกันด้วยความบันเทิงเริงธรรม ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่หวาดไม่ไหว

ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เรียกชื่อสั้นๆ ว่า“ไร่เชิญตะวัน” หรือ “Sun Rise Park Meditation Center”ที่ไม่เรียกชื่อสถานที่แห่งนี้ว่าเป็น “วัด” หรือ “Temple” ก็เพราะต้องการอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติต่างศาสนาให้สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่ากำลังเข้ามาสู่ร่มเงาของพุทธศาสนา (ซึ่งเป็นการข้ามศาสนา  ข้ามวัฒนธรรมอันจะทำให้พวกเขาไม่สบายใจ) พวกเขาเพียงแค่เข้ามาสู่“ชุมชนแห่งการเจริญสติ” แห่งหนึ่งเท่านั้นเอง

ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะถูกกล่อมเกลาให้เปลี่ยนศาสนา ไม่ต้องกังวลว่ากำลังมาเรียนพุทธศาสนาของชาวพุทธ พวกเขาเพียงแค่เข้ามาเรียนรู้วัฒนธรรมการเจริญสติ ซึ่งเป็น “สัจธรรมสากล” ที่มีอยู่แล้วในโลกนี้ การเจริญสติไม่ใช่สมบัติของชาวพุทธ แต่เป็นสมบัติของชาวโลกทุกคน ใครๆ ก็สามารถปฏิบัติได้  เข้าถึงคุณค่าของสิ่งนี้ได้ เหมือนเราสามารถหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าสู่ปอดได้ โดยไม่ต้องกังวลว่ากำลังละเมิดลิขสิทธิ์ของใครอยู่หรือไม่

ตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา มีชาวตะวันตกหลายคนมาเรียนรู้กับผู้เขียน ทุกคนไม่ว่าจะเป็นพวกที่มีศาสนาหรือไม่มีศาสนาต่างก็รู้สึกสบายใจที่ได้มาเรียนรู้บทเรียนแห่งการเจริญสติและการปรับตัวสู่สมดุลกายสมดุลใจ (Work Life Balance)  ที่นี่เราจึงไม่มีปัญหาให้ต้องถามว่า คุณนับถือศาสนาอะไร  เราถามกันแค่ว่า “คุณอยู่กับปัจจุบันเป็นหรือเปล่า” แค่นั้นเอง

ศาสนาที่แท้ต้องใช้ได้สำหรับมนุษย์ทุกคน ทุกเชื้อชาติทุกเผ่าพันธุ์วรรณะ พุทธธรรมอันเป็นธรรมของผู้รู้ก็มีลักษณะเช่นนั้น คือมีความเป็นสากลสำหรับคนทั้งโลก  ไร่เชิญตะวันมุ่งนำเสนอสัจธรรมสากลโดยไม่ต้องกังวลว่าต้องจ่ายเท่าไร  หรือต้องเปลี่ยนศาสนาหรือไม่ ธรรมแท้ๆ นั้นให้เปล่า ปราศจากการยัดเยียด เป็นไปโดยสมัครใจ  และมีผลดับทุกข์ได้จริงสำหรับคนทั้งโลก ที่นี่ เดี๋ยวนี้  ที่ไร่เชิญตะวัน ผู้เขียนจัดคอร์สภาวนาเชิงประยุกต์หลากหลายในแต่ละเดือน  ดังต่อไปนี้

1. วิชาพุทธเศรษฐศาสตร์ (Buddhist Economics)

2. วิชานิเวศวิทยาเชิงพุทธ (Buddhist Ecology)

3. วิชาสภาวอากาศโลกศึกษา (World Climate Study)

4. วิชาสุขศึกษา (สัปปายศึกษา) (Education on Happiness)

5. วิชาสุนทรียศาสตร์ (Aesthetics)

6. วิชาปรัชญาการศึกษาเชิงพุทธ (Buddhist Education Philosophy)

7. วิชาวิปัสสนาเพื่อสันติภาพ (Insight Meditation for World Peace)

8. วิชาธรรมนิเทศ (สื่อมวลชนที่มีหัวใจ) (Communica-tion Arts for Dhamma)

9. วิชาธรรมคุรุ (สร้างครูพันธุ์ใหม่) (Education onHumanized Teacher)

10. วิชาจิตภาวนาเชิงพุทธ (Buddhist Psychology)

11. วิชามรณานัสติศึกษา (The Contemplation of Death)

ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน หรือ “ไร่เชิญตะวัน” ตั้งอยู่ ณ ตำบลห้วยสัก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ยินดีต้อนรับผู้มาเยือนเพื่อแสวงธรรมแสวงปัญญาทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 น. - 18.00 น.
ข้อมูลจาก www.dhammatoday.com

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.