ท็อป - เทวินทร์ สุรเชิดเกียรติ

กลับตัวทัน ในวันที่เกือบจะสาย ท็อป – เทวินทร์ สุรเชิดเกียรติ

กลับตัวทัน ในวันที่เกือบจะสาย ท็อป – เทวินทร์ สุรเชิดเกียรติ

0
ผม ( ท็อป – เทวินทร์ สุรเชิดเกียรติ ) เคยเป็นเด็กเกเร วู่วาม กล้าได้กล้าเสีย ทําตัวเละเทะมาตลอดจนวันหนึ่งที่เห็นน้ําตาแม่ไหลครั้งแรกในชีวิต ผมรู้ทันทีว่าจะใช้ชีวิตเหมือนเดิมไม่ได้อีกต่อไป
0
ชีวิตเกเรของผมเริ่มตั้งแต่ตอนเรียนชั้นประถมศึกษา ผมเป็นหัวโจกยกพวกไปตีกับเด็กห้องอื่นอยู่เสมอ พอเข้าเรียนชั้นมัธยมต้น นอกจากเรื่องเกเรแล้ว ผมเริ่มโดดเรียน เอาเวลาไปเล่นเกม เพราะมันสนุก
0
พอขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ความไม่กลัวใครของผมทําให้ผมยกพวกไปตีกับรุ่นพี่ ม.6 และยังมีวีรกรรมอีกมากมาย จึงโดนเรียกไปพบอาจารย์ฝ่ายปกครองเป็นว่าเล่น แม้ขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผมยังคงเกเรอย่างสม่ําเสมอ เรื่องโดดเรียนก็เช่นกัน ผมโดดเรียนจนติดศูนย์ 35 ตัว เมื่อแม่เห็นผลการเรียน ท่านก็นิ่งไป จนกระทั่งผมมีเรื่องชกต่อยกับรุ่นน้อง ฝ่ายปกครองเรียกคุณแม่ไปพบผมยืนรอด้านนอก พลางคิดในใจว่าคงไม่โดนทําโทษอะไรมาก เดี๋ยวก็จบม. 6 แล้ว อาจารย์คงไม่ใจร้ายกับเราหรอก สักพักหนึ่งคุณแม่เดินออกมาจากห้องปกครองน้ําตาไหลเป็นทาง ผมตกใจมาก เพราะไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้ ผมถามว่าเป็นอะไรท่านตอบสั้น ๆ ว่า
0
“เขาจะไล่แกออกแล้ว”
0
คําพูดของแม่ ผมโกรธอาจารย์เลือดขึ้นหน้าที่ทําให้แม่ร้องไห้ โดยไม่คิดเลยว่าแท้จริงแล้วสาเหตุมาจากตัวผมเอง ผมผลักประตูห้องปกครองเข้าไป ชี้หน้าว่าอาจารย์ฝ่ายปกครองท่านหนึ่งว่าทําไมทําให้แม่ผมร้องไห้ แล้วก็พูดคําไม่ดีออกไปหลายคํา จนอาจารย์อีกคนต้องพาผมออกไปนอกห้องปกครอง
0
สงบสติอารมณ์ลงแล้ว ภาพน้ําตาแม่ทําให้ผมคิดกลับตัว โชคดีที่ทางโรงเรียนให้โอกาสผมอีกครั้ง แล้วผมก็ได้รู้ความจริงว่า อาจารย์ที่ผมไปชี้หน้าด่าในห้องปกครอง คือคนที่ช่วยขอโอกาสจากผู้อํานวยการโรงเรียนไม่ให้ไล่ผมออกมาโดยตลอด เพราะท่านเข้าใจว่าวัยอย่างผมเป็นวัยคึกคะนอง ทําอะไรขาดความยับยั้งชั่งใจ ท่านอยากให้มีอนาคตที่ดีอยากให้เรียนจบจึงพยายามช่วย หลังจากที่รู้ ผมนําพวงมาลัยไปขอขมาอาจารย์ทันที เพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทําลงไป
0
ตั้งใจเรียนมากขึ้น ตามไล่สอบซ่อมวิชาที่ตก ในขณะที่ผมตั้งใจกลับตัวเป็นนักเรียนที่ดีแล้ว ก็มีบททดสอบเข้ามาให้ก้าวผ่าน
0
ท็อป - เทวินทร์ สุรเชิดเกียรติ
0
วันหนึ่งผมมีเรียนวิชาศิลปะช่วงเช้า ผมลืมเอากระดาษวาดเขียนมา ผมและเพื่อนรีบออกนอกโรงเรียนเพื่อไปซื้อ ทําให้กลับเข้ามาสายเจออาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งท่านไม่เคยสอนผมมาก่อน แต่อาจารย์อาจรู้จักผม เพราะกิตติศัพท์ที่เคยเป็นนักเรียนเกเรอาจารย์ถามว่าไปไหนมา ผมบอกเหตุผลไปตามความจริง อาจารย์คงไม่เชื่อ ท่านเอ่ยคําพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งต่อหน้ารุ่นน้องที่ยืนกันอยู่มากมายในบริเวณนั้นว่า
0
“หน้าอย่างเธอ ฉันตราหน้าไว้เลยว่าไม่มีทางเรียน”
0
โกรธมาก ถ้าเป็นผมคนเดิมคงชี้หน้าปะทะคารมไปแล้ว ผมยืนมองหน้าอาจารย์นิ่ง พยายามระงับความโกรธ เพื่อนสะกิดผมเพื่อเรียกสติ ผมจึงเดินหันหลังกลับ ไม่ตอบโต้อาจารย์ แต่ผมพูดกับเพื่อนทันทีที่หันหลังกลับว่า
0
“คอยดูนะ กูจะต้องเอาใบจบมาให้อาจารย์คนนี้ดู”
0
ว่าการเพิ่งคิดกลับตัวอย่างจริงจังตอน ม. 6 มันเกือบจะสาย แต่ผมคิดว่าผมจะเป็นนักเรียนที่ดีให้ได้ และเรียนจบทันเพื่อนในรุ่น ผมตั้งใจเรียนมากขึ้น ตามซ่อมทุกวิชาจนหมด และในที่สุดผมก็เรียนจบ
0
ได้เอกสารยืนยันว่าผมเรียนจบแล้วอย่างเป็นทางการ ผมเดินไปหาอาจารย์ที่เคยดูถูกผม และยื่นเอกสารให้เขาดู อาจารย์เงียบ ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ผมดีใจที่สามารถเอาชนะตัวเอง เอาชนะคําดูถูกของอาจารย์และทําให้พ่อแม่ภูมิใจได้
0
เข้ามหาวิทยาลัย ผมใช้ชีวิตระมัดระวังมากขึ้นแล้วอยู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาว่า คนเราจะตายวันนี้หรือพรุ่งนี้ไม่มีใครรู้ ผมอยากบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ แม้ทดแทนได้ไม่หมด ก็ยังอยากทํา จึงตัดสินใจบวช 14 วัน การบวชครั้งนั้นทําให้ผมยิ่งใจเย็นลงและนิ่งมากขึ้น จากเป็นคนที่ทําก่อนคิดก็กลายเป็นคิดก่อนทํา ไตร่ตรองทุกอย่างมากขึ้น ไม่หุนหันพลันแล่นเหมือนเดิม
0
ในอดีตผมเสียใจที่เคยทําให้แม่เสียน้ําตา แต่ทุกวันนี้ผมภูมิใจที่สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ ไม่เป็นภาระของครอบครัว และสามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้ด้วย
0
ที่มา : นิตยสาร Secret ปี 2560 ฉบับที่ 209 (10 มี.ค. 60) หน้า 52-53
คอลัมน์ : turning point
เรื่อง : เทวินทร์ สุรเชิดเกียรติ
ผู้เขียน/แต่ง : อุรัชษฎา ขุนขำ
ภาพ : อดิศักดิ์ บุญปราศรัย ผู้ช่วยช่างภาพ ธรรมนาถ อินทร์ปรุง และ ชลิตา รักธรรมนูญ
0

บทความน่าสนใจ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.