ความดี ทำได้ทุกลมหายใจ ของ เจมี่ บูเฮอร์
“เจมี่อยากช่วยเหลือสังคมอยากบำเพ็ญประโยชน์มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ที่สำคัญ เจมี่เองก็ยังไม่กล้าพอด้วย กลัวคนหาว่าบ้า กลัวว่าจะช่วยเหลือได้ไม่ถูกวิธี” นั่นคือ “ เจมี่ บูเฮอร์ ” เมื่อวันวานแต่สำหรับวันนี้ เจมี่กล้าพูดได้ว่า เธอไม่กลัวที่จะทำความดีอีกต่อไป ไม่ว่าจะทำเพื่อศาสนา เพื่อเพื่อนมนุษย์ หรือเพื่อสังคม
อะไรทำให้นักแสดงสาวคนนี้กล้าทำความดีชนิดที่ไม่กลัวใครจะหาว่าบ้า Secret จะพาไปหาคำตอบ
เมื่อหลายปีก่อน เจมี่ได้ข่าวว่า ที่อำเภอสังขละบุรีมีฝรั่งใจดีรับอุปการะเด็ก ๆ แถวชายแดนแบบให้เปล่า เจมี่ก็นึกอยากไปช่วยเหลือ อยากไปให้กำลังใจฝรั่งคนนั้นทั้งที่ไม่รู้ว่าบ้านเขาอยู่ตรงไหน หรือไปแล้วจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง เจมี่รู้แค่ว่าอยากจะไป และด้วยใจที่อยากจะไปช่วยนี่เองที่ทำให้เจมี่กับเพื่อนดั้นด้นไปจนถึงบ้านฝรั่งคนนั้นที่สังขละบุรีจนได้ หลังจากทักทายเด็ก ๆ แล้ว เจมี่ก็ถือโอกาสพูดคุยกับเขาและถามถึงเหตุผลที่เขาตัดสินใจมาช่วยเด็ก ๆ ไกลถึงที่นี่ คำตอบของเขาทำเอาเจมี่อึ้ง
“ทุกคนมักจะแคร์แต่คนในครอบครัวน้อยคนนักที่จะมองออกมาภายนอก ทั้งที่คนนอกครอบครัวหรือคนอื่น ๆ ในสังคมก็น่าให้ความช่วยเหลือเหมือนกัน”
ตั้งแต่นั้นมาคำพูดนี้ก็ดังอยู่ในใจเจมี่ตลอด ถึงเวลาแล้วที่เราต้องช่วยเหลือคนอื่นจริง ๆ ไม่ใช่แค่คิดอยู่ในใจ แล้ววันหนึ่งภารกิจแรกของเจมี่ก็มาถึงโดยไม่คาดฝัน
วันนั้นเหมือนมีอะไรมาดลใจให้เจมี่นึกอยากดื่มกาแฟสดขึ้นมาดื้อ ๆ ทั้งที่ปกติจะไม่ดื่มกาแฟเวลานี้เลย เชื่อไหมคะ พอซื้อกาแฟเสร็จและออกจากร้านได้ไม่ถึง 10 นาทีรถสิบล้อคันหนึ่งก็เสียหลักวิ่งข้ามเกาะกลางถนนแล้วแฉลบตกลงไปข้างทางต่อหน้าต่อตา เจมี่เหยียบเบรกด้วยความตกใจ วินาทีนั้นไม่รู้จะทำอย่างไร ลงไปช่วยดีไหม หรือจะโทร.บอกตำรวจ คิดไปคิดมา สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า ลงไปช่วยเขาเถอะ!
เจมี่ลงไปประคองคนเจ็บมาขึ้นรถอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ตั้งใจจะพาเขาไปส่งโรงพยาบาลแต่พอเห็นเขาหัวแตกเท่านั้นแหละ เจมี่ตกใจจนแทบขับรถไม่ได้ กลัวว่าถ้าขับเร็วไปแผลเขาจะสะเทือน เจมี่ขับรถช้ามากจนคนเจ็บถามว่า “พี่ใกล้ถึงหรือยังครับ ผมเจ็บ” สุดท้ายเจมี่ก็พาคนเจ็บไปถึงโรงพยาบาลจนได้พร้อมกับช่วยสมทบค่ารักษาพยาบาลไปอีกนิดหน่อย ด้วยความรู้สึกผิดที่พาเขาไปถึงโรงพยาบาลช้า
เหตุการณ์นั้นทำให้เจมี่รู้เลยว่า ขอแค่เรามีความกล้า เอาชนะความกลัวให้ได้เท่านั้นทุกอย่างก็จะเรียบร้อย
หลังจากนั้นไม่ถึงเดือน พี่แฮ็ค ชวนชื่น ก็มาชวนให้ไปเป็นอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊ง ภาพป่อเต็กตึ๊งในหัวของเจมี่ตอนนั้นมีแต่ภาพศพเน่า หนอนขึ้น สมองไหล เลือดกระจาย ซึ่งขัดแย้งกับตัวตนของเจมี่มาก เพราะเราไม่ใช่คนลุยเลย ต้องงานแบบใส ๆ สวย ๆ เช่นไปเยี่ยมเด็กอ่อน ช่วยพระสงฆ์อาพาธ ฯลฯอะไรแบบนี้มากกว่า จึงปฏิเสธพี่แฮ็คเรื่อยมา จนวันหนึ่งก็รู้สึกว่า ถ้ายังปฏิเสธต่อไปพี่แฮ็คคงจะโกรธแน่ ๆ
เจมี่จึงตัดสินใจ “เอาวะ ลองเป็นอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊งดู” จากนั้นก็เข้าไปเทรนงานกับพี่ ๆ เริ่มตั้งแต่งานปฐมพยาบาลไปจนถึงการ “ออกเหตุ” คือการออกไปปฏิบัติงานจริง ๆ จำได้แม่นว่า วันแรกที่ได้ออกเหตุ เจมี่ไปนั่งรออยู่ที่ศูนย์รับเรื่องตั้งแต่หัวค่ำ ตอนแรกก็นั่งคุยเล่นกันไปเรื่อย ๆแต่พอมีเคสเข้ามาเท่านั้น พี่ ๆ ทุกคนรีบลุกจากเก้าอี้ เตรียมอุปกรณ์ คว้ากุญแจรถแล้วรีบบึ่งออกไปทันที พอถึงที่เกิดเหตุทุกคนต่างกุลีกุจอช่วยคนเจ็บให้เร็วที่สุดต่างคนต่างรู้หน้าที่คล่องกันทุกคน ส่วนเจมี่ด้วยความที่ยังเป็นมือใหม่ จึงได้แค่ช่วยหยิบอุปกรณ์และคอยให้กำลังใจพี่ ๆ และคนเจ็บ
จากนั้นไม่ถึงเดือนก็มีโอกาสได้ออกเหตุครั้งที่สอง คราวนี้เป็นเคสโชเฟอร์แท็กซี่ถูกยิงตาย พอถึงที่เกิดเหตุเจมี่ได้แต่ยืนงงทำอะไรไม่ถูก แต่คราวนี้พี่ ๆ ให้โอกาสเจมี่ได้ทำหน้าที่อาสาสมัครป่อเต็กตึ๊งเต็มตัว “เจมี่พลิกศพ เจมี่ยกศพ” พอได้ยินอย่างนั้นเราก็คิดในใจ…“หา ให้ยกศพเลยเหรอ แต่เอาวะ มาถึงแล้วนี่” เจมี่จึงพยายามช่วยพี่อีกคนยกศพ พลิกศพ ห่อศพ เสร็จเรียบร้อยก็ยกศพขึ้นรถ วันนั้นถือเป็นการทำงานบนความกลัว แต่ก็เป็นบททดสอบจิตใจอีกแบบหนึ่งด้วย
หลังจากนั้น ด้วยความไม่สะดวกเรื่องเวลา เจมี่จึงไม่ได้ออกเหตุอีก ได้แค่ไปช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น แพ็คของ ช่วยแจกของตอนน้ำท่วม เดินสายให้กำลังใจแทน
เท่าที่ทำงานเป็นอาสาสมัครป่อเต็กตึ๊งมาเกือบ 3 ปีทำให้เจมี่รู้เลยว่า การช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ทำให้เรามีความสุขมากขนาดไหน ขณะเดียวกันก็ต้องทำอย่างพอเหมาะ อย่าหักโหมจนเกินพอดี
จริง ๆ แล้วก่อนมาทำงานอาสากับป่อเต็กตึ๊ง เจมี่เคยช่วยงานด้านศาสนามาก่อน คือช่วยหลวงปู่ที่เจมี่นับถือหาเงินมาสร้างวัด สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาลด้วยการจัดผ้าป่า ทอดกฐิน จัดคอนเสิร์ตการกุศล ชวนเพื่อนดาราไปโชว์ตัวต่างประเทศฯลฯ ทั้งหมดนี้ถือเป็นงานที่ขัดเกลานิสัยเจมี่อย่างดีเลยค่ะ เพราะแต่ก่อนเจมี่เป็นคนไม่ชอบง้อใคร ไม่ชอบอ้อนวอน ประมาณสวย เริด เชิด หยิ่ง อารมณ์ร้อนที่สุดและไม่ทนอะไรง่าย ๆ แต่พอได้เจริญศรัทธาในพุทธศาสนาแล้ว เจมี่กลับทนได้อย่างประหลาด
ถึงบางครั้งจะมีอุปสรรคต่าง ๆ ทำให้ท้อใจ เหนื่อยใจ จนถึงกับร้องไห้บ้าง แต่เจมี่ก็ผ่านพ้นมาได้ทุกครั้ง ทำให้เราอยากทำบุญต่อไปเรื่อย ๆ
ถึงตอนนี้เจมี่รู้แล้วว่า ความดีทำได้ไม่ยากและสามารถทำได้ทุกลมหายใจเพียงแต่เราต้อง “กล้าที่จะทำ”
ขอขอบคุณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่เอื้อเฟื้อสถานที่และอำนวยความสะดวกในการถ่ายทำ
เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์ ภาพ วรวุฒิ วิชาธร