สามเณร

สามเณร หัวใจใฝ่ธรรมะ – สามเณรจตุพงศ์ ฉันทศาสตร์รัศมี

สามเณร หัวใจใฝ่ธรรมะ – สามเณรจตุพงศ์ ฉันทศาสตร์รัศมี

ท่ามกลางความวุ่นวายของย่านค้าขายอย่างสำเพ็ง ยังคงมีความเงียบสงบ ร่มเย็น ปรากฏอยู่ภายในวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร สถานที่ศึกษาธรรมะของ สามเณรจตุพงศ์ สามเณร หัวใจใฝ่ธรรมะ

สามเณรจตุพงศ์ ฉันทศาสตร์รัศมี สามเณรวัย 15 ปี ผู้มีท่าทางสงบนิ่งต่างจากเด็กในวัยเดียวกัน กล่าวทักทายทีมงาน ซีเคร็ต ด้วยท่าทีอ่อนโยน ก่อนเล่าให้ฟังว่า

“ก่อนบวชเรียน อาตมาเรียนอยู่ที่โรงเรียนวัดพุทธบูชา เคยมีโอกาสได้ไปเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมกับโยมแม่อยู่บ้าง โดยหลังจากปฏิบัติช่วงแรกก็รู้สึกมีสติมากขึ้น จิตใจสงบขึ้น แต่ผ่านไปได้ไม่นาน พอไปอยู่กับเพื่อน อาตมาก็จะกลับมาซนอีก ต่อมาเมื่ออาตมาย้ายมาอาศัยอยู่กับโยมแม่สองคน จึงได้มาบวชเรียนที่วัดแห่งนี้

“ตอนยังเป็นฆราวาส อาตมาอ่านหนังสือธรรมะ และพบว่าในหนังสือมีข้อคิดดี ๆ อยู่มากมายหลายข้อ เช่น สังขารมีความเสื่อมทั้งสิ้น เป็นต้น พออ่านแล้วรู้สึกสนใจอยากศึกษาธรรมะของพระพุทธองค์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และอยากเรียนรู้แนวทางที่จะทำให้พ้นจากทางโลก อาตมาจึงขอโยมแม่บวช พอดีว่าโยมแม่มีเพื่อนที่รู้จักกับพระอาจารย์ที่วัดนี้จึงพามา

“ช่วงแรกของการบวชเรียน อาตมารู้สึกกระวนกระวายว้าเหว่ ไม่มีเพื่อนคอยปรึกษาพูดคุยทำให้รู้สึกกลัว หลังจากนั้นอาตมาจึงลองชวนสามเณรรูปอื่นพูดคุยดู ความกลัวก็บรรเทาลง

“บางครั้งเวลาเกิดอารมณ์โกรธหรือโมโห แต่ไม่สามารถยับยั้งด้วยตนเองได้ อาตมาก็จะปรึกษาพระอาจารย์ ซึ่งท่านแนะนำให้อาตมาหันกลับมาย้อนมองตนเองก่อนว่าเราทำอะไรผิด แล้วจึงระงับอารมณ์โกรธด้วยการนั่งนิ่ง ๆ นับ 1 ถึง 10 ความโกรธที่มีก็จะค่อย ๆ หายไป บางครั้งอาตมาใช้วิธีอ่านหนังสือธรรมะเกี่ยวกับโทษของความโกรธ เพราะเมื่อเรารู้โทษของความโกรธแล้ว เราก็จะไม่โกรธอีก”

สามเณรเล่าถึงกิจวัตรประจำวันที่แตกต่างจากวัยรุ่นทั่วไปให้ฟังว่า

“ช่วงเปิดเทอมอาตมาต้องตื่นตอนตี 5 หลังจากนั้นพระอาจารย์ก็จะพาทำวัตรเช้า แล้วจึงห่มผ้าออกบิณฑบาต พอกลับมาก็ฉันเช้า แล้วไปเรียนหนังสือ บางครั้งหากพระอาจารย์ผู้สอนยังไม่มาก็จะอ่านหนังสือรอไปพลางก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียน

“หลังเสร็จการเรียนภาคเช้าก็จะลงมาฉันเพล และกลับไปเรียนต่อในช่วงบ่าย แล้วพักผ่อนก่อนจะทำวัตรเย็นในช่วงค่ำ แล้วจึงสรงน้ำ เข้านอน

“ช่วงแรก ๆ ที่ต้องเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน อาตมาก็ยังทำได้ไม่ค่อยดี มีตื่นสายบ้าง ทำให้โดนพระอาจารย์ดุ อาตมาก็ทราบว่าท่านว่ากล่าวตักเตือนด้วยความหวังดี หลังจากนั้นอาตมาก็พยายามปรับตัวมาเรื่อย ๆ จนเริ่มคุ้นชิน ช่วงแรกอาตมารู้สึกอึดอัดที่ไม่ได้ไปวิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ เหมือนเมื่อครั้งเป็นฆราวาส แต่พอฝึกปฏิบัติมากขึ้นก็รู้สึกว่าทั้งพฤติกรรมและจิตใจของอาตมาก็สงบขึ้น ถือเป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง”

นอกจากกิจวัตรประจำวันจะเปลี่ยนไปแล้ว วิชาความรู้ที่ได้จากสำนักเรียนวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร ก็เป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับสามเณรจตุพงศ์ที่เพิ่งบวชเรียนได้ราว 1 ปีด้วย

“จากที่อาตมาเคยเรียนวิชาสามัญทั่วไปอย่างคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ก็เปลี่ยนมาเรียนวิชาทางธรรมเพียงอย่างเดียว โดยจะมีการเรียนการสอนแผนกธรรมก็คือ นักธรรมชั้นตรี โท เอก และบาลีศึกษา เปรียญธรรม 1 ถึง 9

“สำหรับอาตมา วิชาที่ยากในแผนกธรรมคือพระธรรมวินัย เพราะแบ่งเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ มากมาย การศึกษาพระธรรมวินัยต้องอาศัยทั้งการจดจำและการทำความเข้าใจ หากจำได้และเข้าใจก็สามารถนำไปปฏิบัติได้ สมมุติว่าอาตมาลาสิกขาไปตอนนี้ อาตมาก็จะมีหลักธรรมไว้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน แต่หากอาตมาบวชเรียนต่อก็สามารถนำความรู้ที่ได้ไปสั่งสอนญาติโยมได้

“อาตมาขอยกตัวอย่างหลักธรรมในหมวด 4 คือ อิทธิบาท 4 ที่ประกอบด้วย หนึ่งคือ ฉันทะ หรือความพอใจ เวลาทำงานต่าง ๆ อาตมาก็ต้องมีความพอใจในงานที่ทำ สองคือ วิริยะ หรือความเพียร เมื่อเราพอใจในการทำงานแล้ว ก็ต้องมีความเพียรในการปฏิบัติงานด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วงานก็จะดำเนินไปไม่ได้ สามคือ จิตตะ หรือความเอาใจใส่ ต่อให้มีความพอใจและความเพียรพยายาม แต่หากไม่เอาใจใส่ งานย่อมไม่ประสบความสำเร็จ และข้อสุดท้ายคือ วิมังสา หมั่นพิจารณาตริตรองเหตุผลในสิ่งที่เราทำ คือต้องพิจารณาว่าเราทำไปเพื่ออะไร และสิ่งที่ทำก่อให้เกิดประโยชน์อย่างไร

“การนำหลักธรรมนี้มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เวลาทำการบ้านก็ทำให้อาตมาสามารถทำได้ดียิ่งขึ้น

“ก่อนหน้าที่จะมาบวช คนรอบข้างมักบอกว่าอาตมามีลักษณะเหมือนเด็กสมาธิสั้น ไม่ค่อยอยู่นิ่ง แต่หลังจากบวชแล้ว อาตมาก็ค่อย ๆ ปรับมาเรื่อย ๆ มีสติในการดำเนินชีวิตมากขึ้น เวลามีอารมณ์ต่าง ๆ มากระทบจิตใจก็รู้สึกว่าสามารถต้านทานต่ออารมณ์เหล่านั้นได้ดียิ่งขึ้น เช่น เวลามีเพื่อนมาต่อว่า หากเป็นขณะที่อาตมายังเป็นฆราวาสก็จะหงุดหงิด แต่พอบวชแล้ว อาตมาเรียนรู้ที่จะหันกลับมาประเมินตนเองก่อนว่าเหตุใดเขาจึงว่าเราแบบนั้น และทำให้อาตมาไม่รู้สึกโกรธในสิ่งที่เขาต่อว่าเรา

“แม้จะไม่รู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต แต่ปัจจุบันอาตมารู้สึกมีความสุขกับการเรียนธรรมะของพระพุทธองค์ และตั้งใจว่าจะบวชเป็นเพศบรรพชิตต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางธรรมที่จะนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตในอนาคต”

 

ที่มา : นิตยสาร Secret  ฉบับที่ 232

เรื่อง : Issara R.

ภาพ : สรยุทธ พุ่มภักดี

Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ

เจาะชีวิตสามเณรกร วัดป่ามณีกาญจน์ ศาสนทายาทขวัญใจชาวเน็ต

เรียนรู้ธรรมเพื่อพ้นทุกข์ – ธรรมทายาทรุ่นเยาว์ ด.ญ.สามินี ยศชัย  ( น้องแก้ม )

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.