เชฟส้ม-ชนากานต์ เจ้าของร้าน “ บ้านส้มขนมสวย ”
ขนมไทยฝีมือนางงาม
ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ขนมไทย อาจเคยได้ยินชื่อร้าน บ้านส้มขนมสวย ตั้งอยู่ในซอยนวลจันทร์ 56 จำหน่ายขนมไทยหน้าตาสวยสมชื่อ แต่ทราบหรือไม่ว่า เบื้องหลังหน้าตาอันสวยงาม และรสชาติแสนอร่อยของนั้น ผู้ที่รังสรรค์ทุกเมนูมีดีกรีระดับนางงาม เชฟส้ม-ชนากานต์ ชัยศรี เจ้าของตำแหน่ง Miss Thailand World ปีค.ศ.1990
เมื่อนางงามผันตัวเป็นเชฟ
เดิมเรามีพื้นฐานด้านการทำอาหารและขนมอยู่แล้ว โดยได้เรียนรู้และซึมซับจากครอบครัว ทั้งคุณตา คุณยาย คุณพ่อ คุณแม่ ท่านทำอาหารและขนมเป็นทุกคน แต่เมื่อเราได้ตำแหน่ง ภาพความเป็นนางงามมันชัดมาก จึงไม่ค่อยมีใครเห็นเราในมุมนี้สักเท่าไร และเราก็ไม่เคยหยิบความรู้เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์
จุดที่ทำให้เราปรับเปลี่ยนบทบาท เลือกเดินในเส้นทางเชฟคือ เรามีลูก จึงคิดว่าควรมีอาชีพที่มั่นคง เพื่อส่งต่อให้พวกเขาเดินต่อ เพราะเราไม่รู้ว่าจะอยู่ดูแลพวกเขาได้นานแค่ไหน ถ้าเขาไม่มีเราแล้ว เขาจะทำอาชีพอะไร จะเดินต่อไปอย่างไร จึงคิดว่าเราน่าจะหาอาชีพอื่นๆ ปูทางให้เขานำไปต่อยอดได้
ด้วยความที่เราชื่นชอบการทำอาหารและขนม และมีพื้นฐานอยู่พอสมควร ประกอบกับเรามองว่าการเป็นนางงาม ยิ่งอายุมากขึ้น ทุกอย่างก็จะเริ่มหายไปเรื่อยๆ แต่อาชีพเชฟ ยิ่งทำนานก็ยิ่งมีประสบการณ์มาก และธุรกิจก็ยิ่งแกร่งตามไปด้วย จึงตัดสินใจไปเรียนเพิ่มเติมที่สถาบันสอนทำอาหาร เมื่อเรียนจบก็เปิดโรงเรียนสอนทำอาหารและจำหน่ายเบเกอร์รี่ไปพร้อมกัน ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดีทั้งคู่
จากเชฟเบเกอร์รี่สู่แม่ค้าขนมไทย
เมื่อทำธุรกิจได้ประมาณ 3 ปี เราเริ่มเห็นช่องทางว่า ในตลาดแทบจะไม่มีเจ้าไหนที่ลุกขึ้นมาพัฒนาขนมไทยเลย เช่น เมื่อพูดถึงขนมเปียกปูนก็จะนึกภาพแต่ภาพขนมสี่เหลี่ยมสีดำ สีเขียวธรรมดา ไม่ค่อยมีใครทำในรูปแบบอื่น เราจึงเห็นโอกาสและลองหยิบขนมไทยมาทำให้ดูทันสมัยมากขึ้น โดยยังคงสูตรเดิมเอาไว้ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนหน้าตาให้ทันสมัย ดูแปลกใหม่และปรับส่วนผสมบางชนิดให้ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น เช่น ลดน้ำตาลลง หรือบางเมนูเปลี่ยนจากการใช้กะทิมาใช้นมอัลมอนด์แทน เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนที่มีปัญหาด้านสุขภาพ
พลิกธุรกิจด้วยขนมเปียกปูน
ขนมเปียกปูนเป็นขนมไทยชนิดแรกที่เราพัฒนา สาเหตุที่เลือกขนมชนิดนี้เพราะลูกชายชอบกินมาก เราลองมาดัดแปลงให้มีหน้าตาแปลกๆ คล้ายก้อนหินเล็กๆ ทำเสร็จครั้งแรกก็ลองโพสต์ภาพลงในอินสตาแกรมของร้าน เท่านั้นแหละ คนเข้ามาถามเต็มเลยว่า อันนี้ขนมอะไร ทางการตลาดถือว่าประสบความสำเร็จแล้วนะ หลังจากนั้นก็มีคนสั่งซื้อเข้ามาเยอะมาก ร้านเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เราก็ตกใจเหมือนกันว่าทำไมผลตอบรับดีขนาดนี้ อาจจะเพราะด้วยรูปทรงที่แปลก เตะตา และรสชาติคงจะถูกใจ เพราะเราปรับลดความหวานลด ทำแป้งให้นุ่มขึ้น
เมื่อเปียกปูนเริ่มอยู่ตัว จึงเริ่มพัฒนาขนมอื่นๆ ต่อไปเรื่อยและคิดค้นขนมใหม่ๆ ด้วย เช่น ข้าวเหนียวดงมะยงชิด ที่นำมะยงชิดมาคว้านเมล็ดออก แล้วสอดใส้ด้วยข้าวเหนียวมูน โรยหน้าด้วยน้ำกะทิและถั่วทอง รสชาติจะออกเปรี้ยวอมหวาน ผสมกับความหอม มันของข้าวเหนียวและน้ำกะทิ รสชาติกลมกล่อมลงตัว อีกเมนูคือ ขนมผกาแก้ว เป็นเมนูที่คิดขึ้นใหม่ทำจากแป้งผสมกับน้ำตาลและกะทิ นำไปกวนในกระทะจนเนื้อเนียนนุ่ม จากนั้นนำมาจับจีบเป็นรูปดอกไม้ให้สวยงาม
เราพัฒนาสูตรตลอด ไม่เคยหยุดนิ่งเลย ซึ่งเราก็สนุกกับการสร้างสรรค์เมนูและอธิบายให้คนรู้ด้วย เพราะทุกคนจะสงสัยว่า นี่คืออะไร นั่นคืออะไร เราภูมิใจทุกครั้งที่มีคนบอกว่า ขนมอร่อยจัง ขนมสวยจัง เอาไปให้ใครเขาก็ชอบ อันนี้ถือเป็นความสุขของเรา
ขายขนมแบบไม่เคยกลัวคู่แข่ง
มีคนบอกว่าตลาดขนมแข่งขันสูง แต่เราไม่เคยมองว่ามันยากเลยนะ ไม่เคยกลัวว่าจะมีคนทำตาม จะมีคนแข่งด้วย เพราะถ้ามัวแต่กลัวว่าคนนั้นคนนี้จะเลียนแบบ ปวดหัวตายพอดี (หัวเราะ) คิดเสียว่า คนทำตามแสดงว่าเราดังนะเนี่ย มีคนเลียนแบบด้วย มองแง่ดีคืออาชีพเราช่วยทำให้เขาได้มีอาชีพด้วย
เราไม่เคยกลัวว่าเจ้านั้นเปิดแล้วจะมาแย่งลูกค้า เพราะถ้าเขาอยากกินของเรา ชอบของเรา ไม่ว่าจะมีอีกกี่เจ้า เขาก็ซื้อเราอยู่ดี เราห้ามคนทำตามไม่ได้ และห้ามลูกค้าไม่ได้ด้วย ถ้าเขาชอบกินของเจ้าอื่นก็เป็นความชอบส่วนตัวของเขา เราก็ทำตามแผน ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ พัฒนาขนมให้ลูกค้ายอมรับก็พอ
จุดเด่นที่ทำให้แตกต่าง
ข้อแรกคือ หน้าตาของขนม มันเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้คนสนใจอยากลองชิมของเรา
ข้อที่สองคือรสชาติ เราต้องทำขนมให้มีคุณภาพและรสชาติคงที่ และไม่หวานมาก ข้อนี้ทำให้เรามีลูกค้าประจำเยอะมาก
ข้อที่สาม คือการบริการ ขนมของเรามีหน้าร้านก็จริง แต่เราจำหน่ายทางช่องทางออนไลน์เป็นหลัก จึงมีวิธีการสื่อสารกับลูกค้าแตกต่างจากหน้าร้าน เราเป็นคนพูดคุยและตอบลูกค้าเองแทบทุกครั้ง เพราะไม่มีใครรู้จักขนมดีเท่าเรา และเราก็รู้ข้อมูลเชิงลึกมากกว่า ถ้าลูกค้ามีปัญหาต้องใช้โทรศัพท์คุย ไม่ใช้ไลน์ เพราะมันแสดงออกถึงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่
ข้อที่สี่ เรามีการจัดเซ็ททุกเทศกาล ทั้งปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ วันแม่ วันพ่อ การจัดเซ็ทเราได้รับผลตอบรับดีมาก เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น
3 เหตุผลหลักที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
ข้อแรก ความตั้งใจและความพยายาม เราตั้งใจกับธุรกิจนี้มากๆ ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง คิดค้นออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลอดเวลา หลายคนมองว่าก็เชฟเป็นนางงาม มีชื่อเสียง เลยประสบความสำเร็จง่าย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย ชื่อเสียงเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ เท่านั้น คนซื้อขนมเรา เพราะถูกใจในหน้าตาและรสชาติ ไม่ใช่เพราะเราเป็นนางงาม เพราะต่อให้คุณมีชื่อเสียงแต่ไม่เคยดูแลผลิตภัณฑ์ตัวเอง ไม่เคยพัฒนาเลยก็ไม่รอด ชื่อเสียงไม่ช่วยให้ขนมอร่อย ขนมต้องอร่อยด้วยตัวของมันเอง เราเป็นเพียงผู้สนับสนุน
ข้อที่สองคือ สติ ทำอะไรต้องมีสติอยู่เสมอ ไม่ว่าจะด้านธุรกิจ การทำขนมหรืออะไรก็ตาม อย่างเราเคยผ่านการสูญเสียสามี ถ้าไม่มีสติเราล้มแน่ๆ แต่สติเป็นตัวประคับประคองให้เราเดินต่อไปได้
ข้อที่สาม สำคัญมาก คือการให้เกียรติอาชีพตัวเอง หมายถึง เราต้องรักษาคุณภาพทุกอย่างให้คงที่ ไม่โกหกลูกค้า เช่น บอกว่าขนมชิ้นนี้ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ พูดอย่าง ทำอย่าง อย่างนี้ไม่ได้ เราต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า และซื่อสัตย์กับตัวเองด้วย บอกลูกค้าอย่างนั้น เราก็ต้องทำอย่างนั้น ลูกค้าถามว่าขนมนี้อันไหนอร่อย เราจะบอกเลย ถ้าเทียบความอร่อย ต้องชิ้นนี้ค่ะ อันนี้อร่อยกว่า ถ้าจะเอาความสวยงามต้องชิ้นนี้ ไม่ใช่บอกว่า อร่อยทุกอย่างค่ะ ความซื่อสัตย์ในอาชีพคือสิ่งที่เรายึดถือมาตลอด
ทำงานแบบ “ไม่มีอุปสรรค”
เราเริ่มเปิดสถาบันสอนทำอาหารและร้านเบเกอร์รี่มา 6 ปี ส่วนขนมไทยเข้าปีที่ 3 และตอนนี้เพิ่งเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวบ้านส้มที่แม่กลอง เราทำหลายธุรกิจมีคนถามว่าเคยเจออุปสรรคอะไรไหม จะบอกว่าไม่มีเลย ที่บอกว่าไม่มีอุปสรรคไม่ใช่ธุรกิจเราไม่มีปัญหานะ มี เพียงแต่เราไม่เคยมองว่ามันเป็นอุปสรรคเลย เพราะเมื่อไรที่เราเห็นว่าสิ่งนี้เป็นอุปสรรค มันจะเป็นตัวถ่วงเราทันที ลองคิดดูง่ายๆ ถ้ามองว่าการทำขนมไทยขั้นตอนยุ่งยาก ซับซ้อน ต้องยืนทำนาน 4-5 ชั่วโมง นั่งทำไม่ได้ แถมต้องทำมืออีกด้วย แค่นี้ก็ไปต่อไม่ได้แล้ว ฉะนั้นแทนที่เราจะมองว่านั่นเป็นปัญหาเป็นอุปสรรค เรากลับมองว่ามันเป็นขั้นตอนหนึ่งของการประสบความสำเร็จ คิดแค่นั้นเราก็เดินต่อไปได้
ใครอยากอุดหนุนขนมไทยสวยๆ รสชาติดีของเชฟส้ม สั่งซื้อได้ที่ IG baansom_kanomsuay หรือไปที่หน้าร้านเพื่อเจอเชฟสุดสวยได้ที่ซอยนาวลจันทร์ 53 นะคะ
ขอบคุณภาพจาก KTC
