วิธีเพิ่มความสุข
ความจริงเรื่องนี้ก็เกี่ยวกับ New Gen Ageing โดยตรง แต่ถ้ามองให้กว้าง ก็เกี่ยวข้องกับคนทุกวัยค่ะ ต้นทางของเรื่องที่กำลังจะเขียนต่อไปนี้ เกิดจากวันหนึ่ง เราเดินเล่นในร้านหนังสือ ก็พบหนังสือของแอนดรูว์ ไวล์เล่มหนึ่ง…Spontaneous Happiness
เชื่อว่า แฟนพันธุ์แท้ชีวจิตรู้กันดีว่า นายแพทย์แอนดรูว์ ไวล์ อดีตนักเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดคนนี้ เป็นพ่อมดการแพทย์ทางเลือกอเมริกัน เป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ ศูนย์การแพทย์ทางเลือกแห่งอริโซนา มหาวิทยาลัยศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์อริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่านเขียนหนังสือ เกี่ยวกับการดูแลตนเอง ด้วยการแพทย์ทางเลือกไว้มากมาย และบริษัทอมรินทร์ฯ นำมาแปลเป็นภาษาไทยให้เราได้เข้าใจหลักการดูแลตนเองเพิ่มเติม จากสิ่งที่อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิตบอกเล่าไว้ในหนังสือของท่านเอง และนิตยสารชีวจิต
ฉะนั้น เราจึงไม่รอช้า ซื้อมาอ่านทันที และพบว่า ปัญหาโรคซึมเศร้า หรือ depression กลายเป็นโรคระบาด ที่กำลังคุกคามคนอเมริกัน และชาติที่พัฒนาแล้วมากมาย คุณหมอแอนดรูว์กล่าวถึงความล้มเหลวของยาแก้เครียด ลดอาการซึมเศร้า ที่เข้าไปทำปฏิกิริยาเคมีในสมอง ทำให้เกิดอาการเบลอชั่วคราว แต่ก็ไม่ช่วยลดอาการเครียดหรือซึมเศร้าได้จริง
นับเป็นความเข้าใจผิดพลาดอันใหญ่หลวงทางการแพทย์ยุคก่อนหน้านี้ (ที่เข้าใจว่า ความเครียดเกิดจากจิตใจโดยตรง) ทำให้ผลิตยาที่ไม่สามารถรักษาความเครียด และอาการซึมเศร้าของมวลมนุษยชาติได้เลย
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงสาเหตุของการระบาดของโรคซึมเศร้าว่า แท้จริงแล้ว มาจาก 2 ทาง คือ หนึ่ง ผู้ป่วยโรคเรื้อรังอย่างเบาหวาน ความดัน มะเร็ง หัวใจ ไต ภูมิแพ้ ซึ่งเซลล์ในร่างกายของผู้ป่วยเหล่านี้ เกิดการอักเสบ หรือทำงานผิดปกติ อันเป็นสาเหตุให้ร่างกายเครียด ส่งผลต่ออารมณ์เครียด (ตามทฤษฎีใหม่ ที่บ.ก.เพิ่งเล่าข่าวล่าสุดให้ฟังว่า นักวิทยาศาสตร์การแพทย์เพิ่งเริ่มเชื่อว่า การอักเสบของเซลล์ ทำให้เครียด (ไม่ใชเครียดแล้วเซลล์จึงอักเสบ เหมือนที่บอกเล่ากันในทศวรรษที่แล้ว)
ทางที่สอง คือ อาหารฟ้าดฟู้ด ซึ่งเป็นอาหารของคนชั้นกลางลงมาถึงชั้นล่างของชาวอเมริกัน อาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยแป้งขาว น้ำตาล ไขมันเลว ซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย คุณหมอแอนดรูว์กล่าวว่า อาหารปลอดสารพิษ ผัก ผลไม้ ซึ่งอยู่ในหมวดสุขภาพนั้น มีราคาแพง ไม่เหมาะกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนกลุ่มดังกล่าว ซึ่งเป็นประชากรมหาศาลของประเทศสหรัฐอเมริกา และคนทั่วโลก
โดยทั้งสองสาเหตุนี้ ทำให้เกิดการอักเสบของเซลล์ ที่ส่งผลต่อสารเคมีในสมองทำงานไม่ปกติ โดยเฉพาะสารเคมีที่เกี่ยวกับความสุข และการควบคุมความเครียด
ฉะนั้น โรคนี้จึงกลายเป็นโรคระบาดของคนทั่วโลก ที่ก่อปัญหาสุขภาพจิต ลดคุณภาพประชากร ซึ่งโดยสรุป สามารถป้องกันโรคเครียดและซึมเศร้า ได้ด้วยการ
-
ได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ
เชื่อบ.ก.สิว่า ทศวรรษหลังจากนี้ไป วงการแพทย์จะเน้น (เห่อ) ประโยชน์ของวิตามินดี แทนที่วิตามินซี ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เพราะวิตามินดีช่วยลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย เป็นแอนตี้ออกซิแดนซ์ตัวท็อป เสริมสร้างและดำรงมวลกระดูกในร่างกาย (คนกลุ่ม New Gen Ageing ต้องการมากกกกก) ช่วยการทำงานของสมอง (เพิ่มความสุข ลดความจำเสื่อม ซึ่งคนกลุ่ม New Gen Ageing ต้องการมากเช่นกัน)
วิตามินดีมีอยู่ในแสงแดดจ้า ไม่ใช่แค่ช่วงเช้าหรือเย็นที่ทุกคนเข้าใจ ซึ่งช่วงเวลานั้น มีปริมาณวิตามินดีที่ร่างกายต้องการไม่เท่าช่วงเวลา 11.00-15.00 น. และวิตามินดีจะถูกบล็อกไม่ใช่ซึมผ่านเข้าผิวหนังเราเลย เมื่อเราทาครีมกันแดด หรือซันสกรีน
ปี 2557 ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร หัวหน้าโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “ที่เป็นปัญหาตอนนี้คือคนไทยขาดวิตามินดี เนื่องจากประเทศไทยอยู่ในเขตร้อน คนไม่ชอบออกแดด เพราะกลัวดำและฝ้า ผิวไม่ขาวใส จึงมักนิยมทาครีมกันแดด ใส่เสื้อแขนยาว ตรงนี้ทำให้คนไทยขาดวิตามินดีเยอะมาก” (อ้างจากเว็บไซต์ สสส.) และบ.ก.เพิ่งฟังบรรยายโดยคุณหมอโรงพยาบาลพญาไท 3 งาน Happy Life by ชีวจิต เมื่อเดือนที่ผ่านมา คุณหมอก็กล่าวเช่นเดียวกัน
-
นอนหลับให้เพียงพอ
โดยเฉพาะการนอนหลับไม่เป็นเวลา ส่งผลต่อความสมดุลการทำงานของทุกระบบในร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อพลังงานของร่างกาย พลังใจ และอารมณ์
-
ใช้ชีวิตเรียบง่ายและใกล้ชิดธรรมชาติ
จะว่าไปข้อนี้เป็น 1 ในบัญญัติ 5 ประการของชีวจิต ที่อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต แนะนำให้ทำ เพื่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีตามแนวทางชีวจิต ส่วนคุณหมอแอนดรูว์กล่าวว่า การมองเห็นและสมองจะส่งสัญญาณผ่านกันไป-มา ดวงตาที่พยายามมองธรรมชาติ เห็นที่ว่าง และความโปร่งโล่ง ช่วยสร้างสมดุลสารเคมีในสมองของมนุษย์ เช่นเดียวกันกับการได้ยิน
-
ปรับชีวิตให้สอดคล้องกับการค้นพบใหม่
ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่มีผลต่อสารเคมีในสมอง ช่วยเพิ่มความสุข ลดเครียดในมนุษย์ ได้แก่
- กินอาหารสุขภาพ ซึ่งชีวจิตนำเสนอมาตลอด 20 ปี ได้แก่ การกินแป้งไม่ขัดขาว ผักผลไม้ โปรตีนจากปลาและพืชในธรรมชาติ ลดอาหารหวาน มัน เค็ม เป็นต้น
- กินโอเมก้า-3 หรือน้ำมันปลาอย่างเพียงพอ (คุณหมอแดเนียล จี.เอเมน จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมอง ชาวอเมริกัน แนะนำให้กินวันละ 200-200 มิลลิกรัม)
- หัวเราะบำบัด ซึ่งเป็นทฤษฎีทางการแพทย์ วิธีที่ชีวจิตแนะนำให้เราใช้กันในชีวิตประจำวันคือ การคิดบวก
- ทำสมาธิ ด้วยรูปแบบใดๆ ก็ตาม ที่ช่วยให้เกิดความสุขสงบจากภายใน