AMAZING VIT B บำรุงสมอง

AMAZING VIT B บำรุงสมอง

คุณประโยชน์ของ วิตามินบี พร้อมเช็คสาเหตุเสี่ยงภาวะขาดวิตามิน บี

ไขความกระจ่างถึงประโยชน์ของ วิตามินบี ต่อสมอง แนะนำแหล่งอาหารจากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยวิตามินบี และแนะวิธีกินวิตามินบีชนิดเม็ด

วิตามินบีบำรุงสมองใสปิ๊ง

วิตามินบีมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • วิตามินบี 1 มีความสำคัญต่อการสังเคราะห์สารตั้งต้นที่ใช้ในการสร้างสารสื่อประสาทและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพชนิดอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของสมอง

หากใครขาดหรือมีปริมาณวิตามินบี 1 ในเลือดต่ำ อาจเสี่ยงป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและโรคสมองเสื่อมจากกลุ่มอาการเวอร์นิก – คอร์ซาคอฟ (Wernicke-Korsakoff Syndrome) หรือกลุ่มอาการทางระบบประสาท

วิตามินบี

โดยเมื่อร่างกายขาดวิตามินบี 1 จะทำให้เซลล์ไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสมาสร้างพลังงานได้อย่างเต็มที่เซลล์จึงไม่สามารถควบคุมการทำงานของสารสื่อประสาทบางชนิดได้ ทำให้ดีเอ็นเอถูกทำลาย เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทถาวร ส่งผลให้การทรงตัวผิดปกติเดินเซ มีอาการสับสน มองเห็นภาพซ้อน

นอกจากนี้ในด้านความจำ ผู้ป่วยจะสามารถจำเรื่องราวที่เกิดในอดีตมากกว่าเรื่องราวในปัจจุบันและอาจสูญเสียความทรงจำย้อนหลังได้ถึง 20 – 30 ปี

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

  • วิตามินบี 2 ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ (University of Maryland Medical Center UMMC) ให้ข้อมูลว่า วิตามินบี 2 ทำงานคล้ายสารแอนติออกซิแดนต์ คือ ช่วยปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย จึงช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย สมอง และป้องกันโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง

นอกจากนี้วิตามินบี 2 ยังช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนวิตามิน บี 6 และโฟเลตให้อยู่ในรูปที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการสร้างเม็ดเลือดแดง

การศึกษาหลายชิ้นพบว่า วิตามิน บี 2 ช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้ โดยการศึกษาหนึ่งพบว่า การกินวิตามินบี 2 วันละ 400 มิลลิกรัม ช่วยลดอาการไมเกรนได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ทั้งนี้ยังต้องรอผลการศึกษาอื่น ๆ เพื่อยืนยันต่อไป

  • วิตามินบี 6 ช่วยสร้างสารสื่อประสาทหลายชนิดซึ่งช่วยส่งสัญญาณจากเซลล์ประสาทหนึ่งไปอีกเซลล์ประสาทหนึ่ง ทั้งยังจำเป็นต่อการพัฒนาสมอง ช่วยในการสร้างฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ ส่วนฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ช่วยควบคุมการนอนหลับ

นอกจากนี้วิตามิน บี 6 ยังช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย

วิตามินบี

  • วิตามินบี 12 ช่วยในการสร้างโปรตีน สารพันธุกรรม การทำงานของระบบประสาทและสมองสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง ลดอาการซึมเศร้า ทั้งยังจำเป็นอย่างยิ่งในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์โดยทำงานร่วมกับโฟเลตในการพัฒนาระบบประสาทและสมองของทารกในครรภ์

วารสาร The Lancet Neurology ระบุว่าวิตามิน บี 12 และโฟเลตอาจมีบทบาทช่วยป้องกันโรค

ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางโรคอารมณ์แปรปรวน โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s Disease) และภาวะสมองเสื่อมจากการที่สมองขาดเลือดซึ่งพบมากในผู้สูงอายุ

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

วิตามินบี

อาหารจากธรรมชาติอุดมด้วย VIT B 

อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กูรูต้นตำรับชีวจิต กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องกินวิตามินชนิดเม็ด หากกินอาหารครบถ้วนถูกต้องแล้ว พร้อมแนะนำแหล่งอาหารจากธรรมชาติที่มี VIT B  ดังนี้

วิตามินและแร่ธาตุ        อาหารจากธรรมชาติ

  • VIT B  1                ข้าวซ้อมมือ รำข้าว ถั่วต่าง ๆ งา ยีสต์ ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี แครอต

ถั่วงอก คะน้า ผักกาดหอม มะเขือ มะเขือเทศ กระเจี๊ยบ

  • VIT B  2                รำข้าว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง แอ๊ปเปิ้ล กล้วย ลูกเกด คะน้า ผักกาด
  • VIT B  6                ข้าวซ้อมมือ รำข้าว ข้าวโพด กะหล่ำปลี ถั่วต่าง ๆ
  • VIT B  12              ไม่พบในพืช มีเฉพาะในเนื้อสัตว์ เช่น ปลา กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก โฟเลต  ข้าวแดง

ข้าวโพด รำละเอียด ถั่ว เห็ด

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

วิตามินบี

กิน VITAMIN B ชนิดเม็ดอย่างไร

ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแมริแลนด์แนะวิธีกิน VITAMIN B ไว้ดังนี้

  • VITAMIN B 1 ส่วนใหญ่มักวางจำหน่ายในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายขนาด เช่น 50 มิลลิกรัม 100 มิลลิกรัม (ต่อวัน) ซึ่งนับว่ามีความปลอดภัย แต่หากต้องการกินปริมาณมากกว่าที่กำหนดควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ข้อมูลปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทยแนะนำว่า ผู้ใหญ่ควรได้รับ VITAMIN B 1 วันละ 1.1 - 1.2 มิลลิกรัม

  • VITAMIN B 1 และ VITAMIN B ตัวอื่น ๆ เป็นวิตามินชนิดละลายน้ำ หากกินมากเกินความต้องการ ร่างกายจะขับออกทางปัสสาวะ ไม่เกิดการสะสมตามเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่าง ๆ แต่การกินวิตามินบี 1 ปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง อาจเกิดภาวะขาดวิตามินบี 6 และวิตามินบีชนิดอื่น ๆ ตามมาได้
  • VITAMIN B 2 ขนาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แนะนำทั่วไปคือ วันละ100 - 300 มิลลิกรัม โดย VITAMIN B บี 2 สามารถดูดซึมได้ดีเมื่อกินระหว่างมื้ออาหาร และผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินบี 2 วันละ 1.1 - 1.3 มิลลิกรัม

การกิน VITAMIN B 2 ปริมาณสูงอาจทำให้พบผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่นอาการคัน ชา ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มหรือสีส้ม ดวงตาไวต่อแสง

  • VITAMIN B 6 ขนาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แนะนำทั่วไปคือ วันละ 50 - 100 มิลลิกรัม ไม่ควรกินเกินวันละ 100 มิลลิกรัม ยกเว้นได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ผู้ใหญ่ควรได้รับ VITAMIN B 6 วันละ 1.3 - 1.7 มิลลิกรัม

การกิน VITAMIN B 6 ปริมาณสูงอาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาท การกินเกินวันละ 200 มิลลิกรัมอาจทำให้ขาสูญเสียความรู้สึก หากหยุดกิน อาการจะดีขึ้นภายใน 6 เดือน

  • VITAMIN B 12 ขนาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แนะนำทั่วไปคือ วันละ 5 - 100 ไมโครกรัม ผู้สูงอายุประมาณร้อยละ 10 - 30 จะมีการดูดซึม VITAMIN B 12 ลดลง

นอกจากนี้ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่กินอาหารมังสวิรัติเคร่งครัด ไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการเสริม VITAMIN B 12 โดยผู้ใหญ่ควรได้รับวิตามินบี 12 วันละ 2.4 ไมโครกรัม

การกิน VITAMIN B ชนิดใดชนิดหนึ่งเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของวิตามินบีชนิดอื่น ๆ ในร่างกาย ฉะนั้นควรเลือกกินวิตามินบีให้หลากหลายในสัดส่วนที่เหมาะสม

ที่สำคัญ เราควรกินอาหารจากธัญพืชไม่ขัดสี ตามด้วยผักผลไม้หลากหลาย รับรองไม่ขาด VITAMIN B สมองอ่อนวัย ร่างกายแข็งแรงแน่นอน

คลิกเพื่ออ่านต่อหน้าถัดไป

วิตามินบี

เช็คสาเหตุเสี่ยงภาวะขาดวิตามิน บี

ภาวะขาดวิตามิน บี อาจเกิดจากพฤติกรรมดังต่อไปนี้

1. กินขนมเป็นอาหารหลัก กินข้าวเป็นอาหารรอง

2. อดอาหารเพื่อลดความอ้วน

3. เป็นนักดื่มตัวยง ไม่เมาไม่เลิก

4. กินยาลดกรดในกระเพาะอาหารหลังอาหารเป็นประจำ

5. ความเครียดรุมเร้า

6. ผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึมสารอาหาร

7. ผู้ที่ได้รับการบำบัดทดแทนไตโดยการล้างไต

8. หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

 

ข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 437

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.